สวัสดีค่า
เมื่อเดือนพฤศจิกายนเราได้มีโอกาสไป Disneyland Paris(DLP) มาค่ะ!

เรามีโอกาสไป DLP มาหลายครั้งแล้ว ไม่มีปัญหากับการเดินทางไป-กลับระหว่างสวนสนุกกับโรงแรมในตัวเมืองปารีส
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราไปในเดือนพฤศจิกายน จึงกังวลเรื่องความหนาวและเรื่องความปลอดภัย

เราจึงตัดสินใจหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ DLP มากที่สุดค่ะ
ตอนแรกไม่เคยมีอยู่ในหัวเลยว่าจะพักโรงแรมของดิสนีย์ เพราะราคาสูง เกรงใจคนจ่ายเงิน
แต่ช่วงเดือนสิงหาคนเราเสิร์ชดูราคาเล่น ๆ ตามเว็บไซต์ต่างๆ แล้วดันไปเจอเข้ากับ
โรงแรม Disney's Hotel Santa Fe ในเว็บ Hotel.com 4 วัน 3 คืน ในราคา 11,623 บาท
รวมVATและอาหารเช้าสำหรับสองท่านแล้วค่ะ คุณแม่เซ็นต์อนุมัติเลยค่า!
(หลายท่านทราบว่าการใช้บริการโรงแรมในปารีส ถึงจะชำระเงินผ่านเว็บแล้ว
ก็ต้องไปจ่าย VAT ตังหากอยู่ดี แต่ที่นี่ไม่ต้องค่ะ)

โรงแรม Disney's Hotel Santa Fe ได้แรงบันดาลใจมาจากแอนิเมชั่นซีรีส์เรื่อง Cars ค่ะ
ตัวตึกของโรมแรม ห้อง อุปกรณ์เครื่องใช้ การตกแต่งต่างๆทำให้เหมือนอยู่ใน Radiator Springs มากๆเลยล่ะค่ะ
สำหรับน้อง ๆ ผู้ชายต้องชอบที่นี่มาก ๆ แน่ สังเกตแล้วส่วนใหญ่ครอบครัวที่มีลูกชายจะพักที่นี่กันค่ะ
เราซึ่งเป็นแฟนหนัง Pixar อยู่แล้ว ตื่นเต้นมากที่จะได้ไปพักที่นี่

นั่งรถไฟ RER ไปลงที่ Marne-la-Vallee-Chessy สุดสายเลยค่ะ
เรานั่งรถจากสถาทีเมโทร Nation ใช้เวลาไปถึงประมาณ 45 นาที
เมื่อออกจากสถานีเดินไปทางซ้ายมือจะพบกับป้ายรถบัสซึ่งจะไปส่งตามโรงแรมต่างๆรอบดิสนีย์ค่ะ
ให้ไปยืนที่ป้ายที่มีชื่อโรงแรมเราค่ะ รถจะมาถึงทุกๆ 15 นาที มีรถรับส่งถึงเที่ยงคืนค่ะ

กว่าเราจะมาถึงโรงแรมก็เกือบทุ่มนึงแล้ว ฟ้ามืดเหมือนเที่ยงคืนแล้วค่ะ
โรงแรมเปิดไฟสวยมากกกก ไฟนีออนที่ทำเป็นชื่อโรงแรมให้บรรยากาศเหมือน
หน้าร้าน Flo's V8 Cafe จาก Cars และ Cars2 มากๆเลยค่ะ

จากลานจอดรถจะมีทางม้าลายให้ข้ามเข้าโรงแรมค่ะ
ตามผนังก็จะเป็นแผนที่ Route 66 และชื่อเมืองในสหรัฐอเมริกา
(รถบัสจะจอดที่หน้าประตูโรงแรม ลงปุ๊บเข้าโรงแรมปั๊บ แต่เราวิ่งฝ่าความเย็นออกมาถ่ายรูปค่ะ ๕๕๕)

ส่วน Reception ของโรงแรมจะแบ่งเป็นสองตึกค่ะ ขวาคือโซนเช็คอิน ทานอาหาร ติดต่อ information ฯลฯ
ส่วนตึกซ้ายคือตึกสำหรับฝากกระเป๋าค่ะ เมื่อเข้ามาในเขตโรงแรมจะได้ยิน ost. จากเรื่อง Cars ดังตลอดเลย
แม่เราบอกฟังมาสี่วัน หลอนมาก 5555

เข้ามาก็จะพบแม็คควีนกับด็อก(ฮัดสัน ฮอร์เน็ต)ตอนรับอยู่ค่ะ ><

เข้าแถวเช็คอินกันค่ะ!

โซนเคาท์เตอร์เช็คอินและการตกแต่งรอบๆค่ะ เสียงเพลง ost. จากเรื่อง Cars ดังมา ชวนฮึกเฮิมมากๆ ๕๕
ตรงนี้มีปัญหาเล็กน้อย
เพราะปกติเราไม่เคยปริ๊นท์ใบจองโรงแรมเลย แค่ยื่นพาสปอร์ตตลอด ที่นี่เขาขอใบจองค่ะ
เราตอบไปว่าไม่มีเขาก็ไม่ว่าอะไรนะคะ เขาเช็คว่าเจอชื่อเราอยู่ในรายชื่อแขกที่มาพักในวันนี้
แต่แล้วเขาก็ขอตัวสักครู่ แล้วหายเข้าไปคุยกับ Manager เขาประมาณสิบนาที
(ส่วนตัวรู้สึกเหมือนนานมาก เพราะสัมผัสถึงความไม่ปกติแล้ว)
แล้วเขาก็ออกมาถามเราว่าเราจองมาจากไหน เมื่อไร ชำระเงินไปเท่าไร
เราก็เปิดแอป Hotel.com ตอบเขาไปค่ะ แล้วเขาก็หายเข้าห้อง Manager ไปสักพัก
จากนั้นก็ออกมาถามเราอีกว่า เราจองแบบมีตั๋วดิสนีย์ไหม มีอาหารเช้าไหม ตรงนี้เราป้ำๆเป๋าๆค่ะ
เพราะจากมานานนนนนนมาก แล้วในแอป Hotel.com ก็ไม่ในระบุเรื่องอาหารเช้าไว้
เราก็บอกเขาไปตรงๆว่า จำไม่ได้ จองนานมากแล้ว ขอโทษจริงๆ เขาก็โอเคค่ะ แล้วสุดท้ายก็ให้ชุดเอกสารเรามา
ในซองเอกสารจะประกอบไปด้วย
คีย์การ์ดเข้าห้อง ใบอธิบายสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในโรงแรม แผนที่ภายในโรงแรม
ใบเสร็จรับเงิน คูปองอาหารเช้า คูปอง Extra Magic Hours และแผ่นพับการใช้ Extra Magic Hours ค่ะ

ความรู้สึกตอนนั้นพูดเลยว่าระทึกมากค่ะ
รอสิบนาทีเหมือนรอเป็นชั่วโมง เครียดมาก กลัวต้องหาโรงแรมใหม่ กลัวคุณแม่เหนื่อย กลัวเสียเงินฟรี
ดีใจที่ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ

ใบเสร็จรับเงินและยืนยันว่าเราได้รับคูปองอาหารเช้าแล้วค่ะ

เอกสารต้อนรับเราสู่โรงแรมและอธิบายสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ค่ะ
เป็นกระดาษมันแข็งๆ

ด้านหลังจะเป็นแผนที่โรงแรมและพนักงานจะเขียนชื่อตึกและห้องที่เราอยู่ไว้
โรงแรมนี้จะแบ่งเป็น 4 โซน(โซนนึงมีหลายตึก)ค่ะ
เริ่มจากซ้ายไปขวา ลุยจิ เมเทอร์ แม็คควีน และแชลลี่
เราได้อยู่โซนลุยจิ ตึก 14 ห้อง 235 ค่ะ

คูปองอาหารเช้าค่ะ 4 วัน 3 คืน สองท่านได้ 6 ใบ เป็นบัฟเฟต์ค่ะ

เอกสารการใช้คูปอง Magic Hours ค่ะ ในนี้จะบอกวิธีใช้และเครื่องที่เปิดให้เล่นในช่วง Magic Hours ค่ะ
ไม่ได้เปิดทุกเครื่องเล่นนะคะ

เดินทางถึงตึกลุยจิแล้วค่ะ! ป้ายสะท้อนแสงสีเหลืองนั่นคือรูปลุยจิค่ะ
แต่ฝีมือการถ่ายรูปของเราออกมาได้แค่นี้จริง ๆ ๕๕๕๕
เป็นโซนที่อยู่ซ้าย ตึก 14 ที่เราอยู่ก็ดันอยู่ในสุดด้วยค่ะ กว่าจะเดินหาเจอหนาวขาแทบแข็ง

ประตูทางเข้าตึก 14 ค่ะ ป้ายสะท้อนแสงนั่นเป็นเลข 14 ค่ะ

โถงเข้าตึก และพรมลายโคนค่ะ ฮือออ น่ารักมาก เข้าบรรยากาศมาก

ประตูห้อง 235 ห้องเราเองค่า
(ถ่ายเห็นหน้าลุยจิซะที...)

ในห้องก็จะมีทั้งพัดลมและฮีทเตอร์ค่ะ

เตียงนุ่มมากกกกกกกก ผ้าห่มก็ปุกปุย อุ่นๆ

ได้นอนกับเมเทอร์ด้วย!

โคมไฟรูปโคนน่ารักมากๆเลยค่ะ

มีตู้เสื้อผ้าไว้แขวนโค้ท

ม่านห้องน้ำลายธงแข่งนี่มัน... น่าร้ากกกก

มีสบู่และแชมพูให้ค่ะ มีมาวางให้ใหม่ทุกวันเลย

สบู่ล้างมือลายหัวมิกกี้ค่ะ

มีไดร์เป่าผมให้ใช้ค่ะ แต่ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมชี้ฟูมากกกก

ต่อไปเป็นรีวิวอาหารเช้าของโรงแรมค่ะ กินสามครั้ง เอียนกันไปข้าง ๕๕๕

โถงกลาง เลี้ยวซ้ายไปโซนอาหารเช้าบัฟเฟต์ เลี้ยวขวาเป็นร้านอาหารของโรงแรมค่ะ

การตกแต่งจะเหมือนปั๊มน้ำมันที่ตั้งอยู่ที่ Route 66 ค่ะ
จานที่ใช้สีแดง สีเขียวเหมือนพลาสติกมาก แต่จริงๆเป็นจานกระเบื้องอย่างดีนะคะ

จริงๆคนเยอะมากกกกกกกค่ะ แต่เราตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบแต่งตัวมาทานอาหารเช้าตอน 7 โมง
ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเปิดพอดี คนเลยยังน้อยอยู่ อยากได้โต๊ะใกล้ ๆ ไลน์บัฟเฟต์ด้วยค่ะ
ห้องอาหารใหญ่มากกกก เดินแอบเหนื่อย

แฮมอร่อยค่ะ/กระซิบ

เราลืมถ่ายโซนกดน้ำมาค่ะ
จะมีนมสด น้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล และกาแฟบริการฟรี
กาแฟเป็นกาแฟสด รสชาติใช้ได้ค่ะ ไม่น่าเกลียด
ถ้าท่านใดไม่ชอบในโรงแรมมี Starbuck อยู่ใกล้ๆ information ค่ะ

PS ขออนุญาตต่อที่คห.1นะคะ โควต้าหมดแล้วววว