สิงคโปร์...ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

การเดินทางครั้งนี้ อาม่าขอตามไปกะเด็กๆ สนุกสนาน ไม่งอแง รูปเยอะ เพราะพวกเราชอบถ่ายรูปกัน
ประเทศที่ไป เหมือนเดิม สิงคโปร์ ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินทางแค่สองชั่วโมงนิดๆเอง
เราเดินทางด้วยสายการบิน Jetstar ทั้งไปและกลับ    
กรุงเทพ – สิงคโปร์ 3K520: 11.40 – 15.10
สิงคโปร์ – กรุงเทพ 3K513: 19.15 – 20.40
เรานัดเจอกันที่สุวรรณภูมิ ตอน 9.30 น. ดีที่เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องใช้ใบ immigration กันแล้ว แต่พี่สาวของอาม่ายังเข้าใจผิด นึกว่าจะต้องใช้ โวยวายใหญ่ว่ายังไม่ได้เขียนใบตรวจคนเข้าเมือง
และดีที่เดี๋ยวนี้ King Power มีเลาน์ 2 ที่ พอผ่านเข้าไปแล้ว ใกล้ด้านไหน สมาชิก King Power ก็สามารถเข้าไปใช้บริการด้านนั้นได้ค่ะ เลาน์ใหม่ที่เปิดอยู่ในหลืบเล็กน้อยของที่เขามีบูทขายของ ไม่เหมือนที่เก่า ที่ตั้งแยกออกมาค่ะ
ไม่ให้เสียสิทธิ์ไหนๆ อาม่าก็เป็นสมาชิก ก็เข้าไปใช้บริการเสียเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นเครื่อง
แน่นอนค่ะ เดินทางต่างประเทศ อาม่าไม่เคยพลาดที่เอากระบอกน้ำไปด้วย เนื่องจากต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ มีที่ให้กดน้ำดื่มฟรีหลายจุด และน้ำเปล่าที่สิงคโปร์ ราคาค่อนข้างสูงด้วย
ก่อนขึ้นเครื่อง อาม่าก็เติมน้ำไปละ เผื่อหิวน้ำบนเครื่อง เพราะของ Jetstar เป็นสายการบินแบบ Low Cost และอาม่าไม่ได้ซื้ออาหารเครื่องดื่มเอาไว้
เพราะคิดว่า ไม่นานก็ถึงสิงคโปร์ ก่อนขึ้นเครื่องอาม่าก็กินที่ King Power Lounge และไปถึงก็ไปหาอะไรอร่อยที่สิงคโปร์หม่ำต่อ
ไปถึงเราก็เติมเงินในบัตร ezlink ที่ได้หยิบยืมจากเพื่อนฝูง ไปเช็คยอดเงินคงเหลือในบัตรและเติมเงินเพิ่มในบัตร ที่ Terminal2 เพราะ MRT หรือรถไฟใต้ดินของสิงคโปร์อยู่ที่ Terminal2
เสร็จแล้วเราก็ตรงไปที่ MRT China Town exit F เพราะเราจองที่พักกัน Hostel น้องหมี Beary Best Hostel ห้องพักแบบ 10 คน อยู่ที่ชั้น 2 พอจ่ายเงินที่เหลือเรียบร้อย (การจองที่พักที่นี่ ต้องจ่ายมัดจำไปก่อน 1 คืน) และจ่ายค่าบัตรจำ Key Card เท่าจำนวนคนพัก มัดจำ key card ใบละ 15 เหรียญ จะได้คืนเวลา check out
เวลา check in จะเหมือนกับทุกๆที่ คือ 14.00 และ check out ไม่เกิน 12.00
จากนั้นเราตั้งใจจะไปทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่ Hong Lim Complex food court แต่ร้านประจำ Aberdeen ปิดกิจการไปแล้ว เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน อะไรก็เปลี่ยนได้เสมอสำหรับสิงคโปร์
เราเลยเปลี่ยนเป้าไปที่ตึก Chinatown Complex เผื่อมีร้านอาหารน่าอร่อยแทนร้านก๋วยเตี๋ยว
ละเราก็ได้เจอร้าน Song Fah บะกุตเต๋ ร้านมีชื่อเสียงของสิงคโปร์ เลยเข้าไปทานอะไรกันนิดๆหน่อย
เสร็จแล้วไม่ให้เสียเวลา เพราะเย็นมากแล้วเลยไปต่อที่ Merlion Park ไปถ่ายรูปกับเจ้าเมอร์ไลออนเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
ไปด้วย MRT ออกสถานี Raffles Place exit H เลี้ยวขวา เลาะแม่น้ำไปทางโรงแรม Fullerton ในส่วนของ Merlion Park จะต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง
ใกล้ถึงเวลามีการแสดง พวกเราเลยนั่งรอการแสดงแสง สี ริมแม่น้ำกันจนการแสดงจบ
เพราะเวลาเรามีน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด เราเลยรีบไป shopping กันที่ Mustafa กันต่อ ออกที่ MRT Farrer Park ทางออก Cityhall และเดินตรงไป เพราะ Mustafa เปิด 24 ชม เราเลยใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์กัน
เช้านี้เราตั้งใจไปถ่ายรูปเล่นที่เกาะมหาสนุก หรือ sentosa island อยากให้เด็กๆ นั่งกระเช้า เราเลยหาทางประหยัดด้วยการไปซื้อตั๋วจาก Agency ที่ตึก Chinatown Complex เหมือนเดิม ดังนั้นนอกจากเราซื้อตั๋วเพื่อขึ้น Cable Car ไป Sentosa แล้ว เรายังได้ตั๋วเข้า dome 2 dome ของที่ Garden by the Bay ด้วย
ที่ Cable Car เรานั่งย้อนไปที่ Mount Faber เพื่อถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะนั่งกลับเข้าไป sentosa
จากนั้นเรากลับมาที่ China Town กันต่อ เพราะเราตั้งใจที่จะทานข้าวมันไก่ของที่ Maxwell Foodcourt และไหว้พระที่วัดพระเขี้ยวแก้วกัน
ในตอนเย็นเราก็ไปต่อกันที่ Garden by the Bay ที่เราได้ซื้อตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว ตั๋วราคา 18 เหรียญและสามารถเข้าได้ 2 dome ทุกทีที่มา เราเอาแต่ถ่ายรูปข้างนอกกับดูโชว์ พอได้เข้าไปดูข้างใน เป็นจริงอย่างที่น้องคนหนึ่งได้เคยบอกไว้ ถ้าพี่ชอบพวกดอกไม้ พี่อยู่ได้เป็นวันๆ เลย แต่เวลาไม่พอ เพราะเราต้องออกไปดูโชว์ของ Super Tree ซึ่งมีตอนรอบ 19.45 และ 20.45 เราตั้งใจดูรอบ 19.45 เพราะเราต้องไปที่อื่นกันต่อ บอกแล้วทริปนี้เราอัดแน่นจริงๆ เวลาที่อยู่ใน dome 2 dome เลยแค่ 1.30 ชม น้อยมาก ไม่เป็นรัย คราวหน้าเราต้องไปซ่อมกันใหม่
จบจากโชว์ เราไปต่อกันที่ปูผัดพริกชื่อดัง Jumbo Seafood สาขา Clarke Quay โดยนั่ง MRT ไปออกที่สถานี Clarke Quay ทางออก G และเดินเลาะตามแม่น้ำไปเรื่อยๆ มื้อนี้หมดไปเบาะ สองร้อยกว่าเหรียญ กับผู้ร่วมชีวิต 9 คน กับปูที่รสชาติอร่อย และนานปีทีหนมากินกัน ถือว่าได้อยู่
จากนั้นเราก็กลับที่พัก พรุ่งนี้วันสุดท้ายที่จะชิลชิลในสิงคโปร์แล้ว
เช้านี้ เราไม่ได้วางแผนอะไรกันมาก เพราะเราต้องเก็บของออกจากห้องไม่เกิน 12.00 เลยไปซ่อมกันที่ Marlion เพราะวันแรกที่มา ไปถึงก็ดึกมาก เลยไม่ได้รูปสวยๆจากที่นี่กัน
และไปไหว้พระกันที่ Bugis ออก MRT Bugis Exit A ข้ามถนน และเลี้ยวขวาเดินเลาะไปทางตลาด เพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Kwan Im Thong Hood Cho Temple ยังไม่ทันถึง เจ้าแม่กวนอิมก็พรมน้ำมนต์มาอย่างเต็มที่ ฝนตกสิคะ เลยไม่มีรูปจากแถวหน้าวัดแห่งนี้กันเลย พอฝนเริ่มซาเราก็รีบกลับไปเก็บของจากที่พัก เพื่อให้ทันเวลา และเราจะได้ไปไหนๆกันต่ออย่างชิลๆ
พอฝากของที่ห้องเก็บกระเป๋าของ Hostel กันแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ Fountain of the Weath รอบการแสดงที่เขาเปิดให้เข้าไปมีรอบ 10.00 – 12.00, 14.00 – 16.00, 18.00 – 19.30
ก่อนขึ้น MRT เราเห็นร้านขายบะหมี่เป็ดใกล้ๆที่พัก เลยแวะทานกันก่อน เพราะเที่ยงละ เด็กๆก็เริ่มหิวกันแล้วด้วย
อิ่มแล้วก็ตรงไปที่ MRT Esplanade เพื่อไปขอเงินทองกันที่ Fountain of the Weath
เสร็จแล้วเราก็กลับมาพักเหนื่อยกันที่โซนรับแขกของโฮลเทล และพอใกล้ๆเวลา เราก็ตรงกลับไปสนามบิน พร้อมกับเสียงหัวเราะจากเด็กน้อยบางคน
ก.ต.: น้าปา เขาบอกว่าหนูเป็นไบโพล่า จริงไหม
น.ป.: น้าไม่รู้
น.ป.: เออ ต.หนูลองไปถามพี่ๆ ป้าๆ สิ ว่าเบื่อหนูไหม
น้องตอบโดยไม่ถามใครเลย: ทุกคนบอกว่าไม่เบื่อหนูนะ
พี่จ.รีบพูดเลย: เบื่อมาก เพราะหนูซนมาก
จบแล้วทริปสนุกสนานของพวกเรา คิดถึงเด็กๆและทุกคนที่ร่วมทริปนะคะ
ปล.เพราะทริปนี้ทำให้ ก.ต.ติดการ Selfie ตัวเองไปจากอาม่าเต็มๆ น้าขอโทษนะคะ เค้าล้อเล่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่