ทุกคนมีจุดเปลี่ยนชีวิตอะไรบ้างครับ แชร์กันหน่อย

คนอื่นอาจคิดว่าเป็นการขายหน้าตัวเองนะ เเต่ผมขอเรียกว่าอวดแล้วกัน เพราะคิดว่าข้องดีมันมากกว่าข้อเสียครับ

เป็นข้อความที่ ไม่กล้าที่จะไปพูดให้ใครฟังมากเท่าไหร่หรอก เพราะคงไม่มีใครอยากรู้ชีวิตผมมากขนาดนั้น วันนี้ขอพื้นที่เล็กๆ ระบายหน่อย

ใช้คำว่าอวด.... คงมีคนไม่มากหรอก ที่ชีวิตนี้เจอเรื่องราวที่มหัศจรรย์ขนาดนี้

โลกเรามีหลายด้านนะครับ มีขาวกับดำ ผมได้รับรู้เรื่องราวแบบนี้อย่างจริงจัง

เรื่องนี้ผ่านมาก 2ปีกว่า ไม่นานนัก จุดเริ่มต้นของมัน เริ่มขึ้นด้วยอุบัติเหตุครั้งยิ่งใหญ่ ที่ผมไม่มีวันลืม 07/06/58 ผมอายุ17 วัยกำลังสดใส แผนการเรียนวิทย์ คณิต ม.5 เทอม2 ด้วยมีฝันอยากเป็นหมอ

อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้ผมศูนย์เสียหลายๆอย่าง ความฝัน ร่างกาย ขาหัก ตับฉีก เลือดคลั่งในสมอง เอาเป็นว่าหนักเลย ผมนอนอยู่ รพ. เดือนกว่า เเละรับทราบว่าตัวเองจะเดินไม่ปกติ ต้องไม้ผยุงตัวเกิบปีกว่าจะ เดินด้วยตัวเองได้

ในความศูนย์เสีย ผมเริ่มมองหาข้อดีของมันในการบรรเทาสุขภาพจิต เรียนฟรีสำหรับผู้พิการไงครับ  เเต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด การวินิจฉัยของแพทย์ผมไม่เข้าข่ายผู้พิการ

และระหว่างการพักร่างกาย ผมไม่สามารถไปเรียนกับเพื่อนๆได้ คำแนะนำจากอาจารย์ประจำชั้น จำเป็นต้องให้ผมด็อปเรียน

หนทางผมมืดมนอยู่ขณะหนึ่ง ผมตัดสินใจลาออกจาก โรงเรียน ออกมาเรียน กศน. แถวบ้าน เพื่อจะได้จบพร้อมเพื่อน เเต่ก็ไม่ทั้นอยู่ดี พึ่งจบเดือนกันยาที่ผ่านมาครับ

มันคือจุดเปลี่ยนหนึ่งของผม สังคมใหม่ที่ผมต้องรู้จักสังคมของคนทำงาน สังคนของเด็กมีปัญหา สิ่งที่ผมเจอใน 2ปีนี้ ผมว่ามันคุ้มนะ น่าเอามาอวด เป็นบทเรียนที่ผมคิดว่าน้อยคนจะได้เจอ


ผมเริ่มต้นการใช่ชีวิตหลังการเดินด้วยขาตัวเองไดแบบขาเป้เนี้ย ด้วยการไปเป็นเด็กรับรถ ฝึกงานตามอู่ซ้อมรถอยู่ครึ่งปี ไม่ได้เงินนะครับ เเต่ได้ความรู้พอตัวเลย ซึ่งตอนนั้นเป้าหมายผมคือความรู้ไม่ใช่เงิน เเต่เมื่อได้ความรู้เเล้ว เป้าหมายต่อไปคือเงินจึงหางานทำ

ผมคิดหาวิธีให้ตัวเองเดินปกติที่สุด ก็ดัดแปลงรองเท้าตัวเองให้เดินอย่างคนปกติ99% (เเต่ก็ไม่สามารถทำงานหนักได้)

งานที่2 ไปสมัครเป็นเด็กปั้มขนของแบกของ บอกเลยเหนื่อยมาก ขาก็ไม่ดีอีกเจ็บก็เจ็บจึงทำงานที่นี้ได้ครึ่งเดือนเอง เเต่สนุกมากเพราะมีเพื่อนร่วมงานดีได้รู้ถึงมิตรภาพของเพื่อนร่วมงาน

งานที่3 ผมไปจับปั้มน้ำครับ ไปเป็นเด็กล้างรถตามคาแคร์ ผมพึ่งรู้ว่าการล้างรถมันมีอะไรมากกว่าการล้าง ต้องเช็ด เป่า ดูด ล้าง เยอะเเยะไปหมดเลย ลงน้ำมัน เช็ดให้ถูกวิธี ต่างๆ

เเต่สุดท้ายก็ต้องออกด้วย สภาพร่างการที่ไม่พร้อม

มุมมืดของผมที่เจอก็มีนะครับ คิดกลับไปก็โชคดี ไม่ติดโรค ไม่โดนจับ

ด้วย กศน. ที่ผมเรียนอยู่ห่างไกลความเจริญ จึงจะไม่แปลกที่จะมีคนหลากหลายประเภท เด็กติดยา ดมกาว ขายตัว เต็มไปหมด

ด้วยส่วนตัว ไม่สนใจอะไรกับอบายมุกอยู่แล้ว บุหรี่ไม่สูบ เวลาเพื่อนชักจุง จึงไม่ลอง เเต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็นใช่ได้เลย ไปนั่งดูเพื่อนดูดยา ดูดไอซ์ ดูดกัญชา  เคยตามเพื่อนไปขนยา ขายยา เที่ยวกลางคืน เที่ยวผู้หญิงเกือบทุกคืน เยอะแยะเลย เอาง่ายๆ ทั้งขน ทั้งขาย เเต่ไม่เสพ

เเต่เดี๋ยวนี้ก็ห่างๆแล้ว เพื่อนโดนจับไปกันเกือบหมดแล้ว  จะเหลือเเต่พวกคดีเสพ ที่บำบัดแปปเดียว นานๆทีก็เที่ยวกลางคืนกัน นานๆครั้ง  


หลังจากนั้นเลยว่างครับ  ไปสอบใบขับขี่ รถยนต์ รถจักรยานยนตร์  เอาเงินจากการทำงานไปเรียนคอสภาษาอังกฤษ เรียนได้เเค่คอสเดียวเพราะแพงมาก คอสตัวต่อตัว 1หมื่น  เรียนเสร็จ ภาษาก็ไม่ค่อยเเข็งมากเเต่พอสื่อสารได้ ผมจึงออกไปตะลุยโลกกว้าง ต่างประเทศบางในประเทศบาง แถวโซนเอเซีย รั่วๆ  กว่า10 ประเทศ มาเลเซีย อินโด สิงคโปร์ เเถบๆนี้ ส่วนในประเทศก็จัดชุดใหญ่ทัวภาคเหนือ  แม่ฮองสอน เชียงราย  ครบทุกจังหวัด ตาก พิโลก สุโขทัยอีกปะปลาย (เดินทางคนเดียว) ทำทุกอย่างที่อยากทำ อาจจะไม่ครบในสิ่งวัยรุ่นจะต้องทำ จะต้องผ่าน เเต่มันมากพอแล้วสำหรับผม ไม่ต้องเหมือนใคร เเค่ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำก็พอแล้ว

หลายคิดคงคิดนะครับ ผมเอาเงินที่ไหนมาเยอะแยะ .....ละไว้ในฐานที่เข้าใจตรงกันนะครับ

ผมใช้ชีวิตแบบคนไร้สาระอยู่พักใหญ่เลย ได้ไปเห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้ทำอะไรมากมาย

จนมันถึงเวลาที่ต้องกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ทั้งอายที่ขาเป้ ทั้งการเรียน การจบการศึกษา มันเตือนสติผม ผมพึ่งรู้ว่าเรียน กศน. สอบแพทย์ได้ อ่าวแล้วความรู้ที่มี มีเต่ ชอมรถกับปลูกผักทำนา

ก็เริ่มฟิตอีกครั้ง ความฝันที่หลับไหล ตื่น ในวันที่ผมรู้ตัว คืออีก 10วัน กสพท. จะปิดรับสมัคร  เหมือนจังหวะชีวิตมันดำเนินมาถึงจุดที่ต้องตัดสิน จะอยู่ที่เดิม หรือก้าวต่อไป

จากที่อ่านมา ก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่จะอยู่กับที่อยู่แล้ว ทำทุกสิ่งที่อยากจะทำ เลวก็สุด เที่ยวก็สุด การเรียนก็ต้องสุดด้วย

ตัดสินใจ สมัคร กสพท. 9วิชาสามัญ และโอเน็ต  มีเวลาเหลือเวลาอีกแค่ 4 เดือน นับจากนี้ เก็บเคมีเรียบร้อยคณิตอีกอิดหน่อย ไม่รู้จะทันรึเปล่า

ถ้าติดแพทย์ขึ้นมา ผมจะกลับมาตั้งกระทู้อวดแบบเต็มรูปแบบ จะกล่าวสรรเสริญตัวเอง ว่าได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ และกำหนดเอง

(ซึ่งจะเห็นได้ว่าบทความนี้ไม่ได้พูดถึงพ่อเเม่เลย สุดท้ายนี้ ไม่ท่านผมคงยืนยัดขึ้นมาได้)

.
.
.

มันน่าแปลกนะครับ จังหวะมันชั่งพอดีกัน มากกว่าจะเรียกว่าบังเอิญ คิดซะว่าฟ้าประทานโอกาศมาให้

ผมรถชน 07/06/58
ผมสอบ 08/06/61
วันนัดผ่าตัดครั้งสุดท้ายเพื่อจะเชื่อมข้อเท้า 08/06/61

ถ้าย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขอดีตได้ ผมก็คงไม่แก้ไขอะไร เพราะคิดว่าเเบบนี้ก็ดีมากแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่