เฮ้อ..ออ..อ..ได้พักผ่อนสักที.หน้าหนาวแบบนี้อยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด นอนทิ้งตัวอยู่บนเตียงนุ่มๆ จะช้าอยู่ไย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เอาหน้าไปตากลมให้รูจุ๋มจ๋นกระชับกันดีกว่าค่ะ วันนี้ตามผัวเที่ยวขออ้อนหลัวให้พาไปนอนรับลมหนาวกันที่วิลล่า De Capoc Resort @ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืนกันค่า..
ก่อนอื่นขอปักเพจไว้เผื่อใครจะเข้าไปดูคอนเท้นเก่าๆที่เราไปมาค่า
เพจ :
https://www.facebook.com/myhubbyandi/
ถ้าพูดถึงเขาค้อ เราจะนึกถึงทะเลหมอกเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยทุ่งกังหันลม ไร่สตรอเบอร์รี่และมะขามหวานๆ ซึ่งทริปนี้เราจะพาไปพักผ่อนกันชิลๆ ชมวิวสวยๆ นอนมองทะเลหมอกแบบพาโนรามาจากห้องพัก ว่ายน้ำชมกังหันลมหมุนไปมาบนยอดเขา ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
เริ่มทริปกันที่วันศุกร์ค่ะ ออกจากกทมตอน 5 ทุ่ม นอนกลางวันให้เต็มอิ่มนะคะ จะได้สดชื่นยามค่ำคืน 555+ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังเพชรบูรณ์ เปิดกูเกิ้น ขับตามไปรัวๆ แวะปั๊ม แวะเซเว่นตลอดทาง หาหนมกินจะได้ไม่ง่วง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม ขับกลางคืนดีอย่างเสียอย่างค่ะ ข้อดีคือรถไม่ติด ขับสบาย แต่ข้อเสียคือ อายุเริ่มเยอะอย่างเรา ตาไม่ค่อยดี ฝ้าฟางตามวัย อิอิ!!
ถึงเพชรบูรณ์ประมาณตี 4 แฟนเราขับตรงไปที่วัดกองเนียม จะอยู่ก่อนถึงไปรษณีย์เขาค้อ 3-4 กมเพื่อเก็บภาพหมู่ดาวและทะเลหมอก วิวจากวัดกองเนียมสวยอย่าบอกใครเลยค่ะ คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันชม แต่ แต่ แต่!! ในวัดอะ ฮัลโหล้..มีความกลัวผีไง เพราะมันเงียบมากๆ มีแค่เราสอง 555+ ไม่มีฟีลโรแมนติกจ้ะ มีแต่วังเวง หมาก็เห่าจังงง แต่แฟนเราไม่สน แบกขากล้องลงไปหามุม ถ่ายรูป ตอนแรกเราง่วงเลยรออยู่ในรถ แต่สักพักได้ยินเสียงกุกๆกักๆ โกยเถอะโยมม วิ่งลงจากรถรัว5555+
หลังจากที่เก็บภาพแสงแรกเสร็กก็เดินทางต่อไปที่ไปรณีย์เขาค้อต่อ เสาร์อาทิตย์คนเยอะมากกกกกก นั่งรอชมทะเลหมอกกันอย่างจริงจัง งานกางเสื่อก็มา กินไข่ต้ม มาม่า โอ๊ยยย ...กลิ่นมาม่านี่มันเย้ายวนใจ
เราหาร้านนั่งจิบกาแฟและกินอาหารเช้ากันสายๆ ทอดสายตามองวิวได้ไม่เบื่อเลย ที่เขาค้อตอนนี้มีร้านกาแฟเกิดขึ้นใหม่เยอะมากๆๆๆๆ เราแวะร้าน The Pug Coffee อยู่ถัดจากไปรณีย์เลย วิวสวยบรรยากาศร้านน่ารักดีมีน้องมามาวิ่งเล่นในร้านด้วย
พอเที่ยงก็เข้ารีสอรท์ค่ะ อยากเข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปก่อน ถึงแม้ว่าเค้าจะยังไม่ให้เช็คอินก็เถอะ
จากอำเภอเขาค้อขับไปอีกประมาณ 9 กมก็จะเจอทางเข้ารีสอร์ทค่ะ ขับตามทางเข้าไปไม่ยากค่ะ กูเกิ้ลพามาถึงไม่หลงค่ะ
มาถึงแล้วค่ะ De Capoc Resort สวย สงบ ดูมีอะไรๆอย่างในรูปเลยจริงๆค่ะ ว่าแล้วก็ลงไปหาพี่พนักงานที่อยู่ด้านหน้า ที่นี่เค้าไม่มีล็อบบี้จริงจังนะคะ จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แทน แจ้งชื่อแล้วจิบเวลคัมดริ้งค์เย็นๆชื่นใจรอสักแพพพ
De Capoc ที่นี่เป็นที่พักน้องใหม่สุดค่ะ เพิ่งเปิดตอนต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เอง De แปลว่า ณ Capoc แปลว่า ปุยนุ่นในภาษาฝรั่งเศส คอนเซ็ปคงอยากให้ลูกค้ามาพักแล้วรู้สึกสบายเหมือนอยู่บนปุยนุ่น 5555+
เข้ามาเดินเล่นในรีอสร์ทรอเวลาดีกว่า ที่นี่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะมากกกกกก ด้วยความที่เพิ่งเปิดใหม่ ต้นไม้อาจจะยังไม่ร่มรื่นมากนัก แต่ด้วยความที่อากาศบนเขาเย็นอยู่แล้วก็เลยสบายๆ เราจองที่พักแบบวิลล่าไปค่ะ ที่นี่มีแค่ 5 หลัง และมีห้องพักที่ในตึกอีก 16 ห้อง สงบเงียบและเป็นส่วนตัวสุดๆ
ห้องอาหารเป็นแบบเปิดโล่ง น่าจะฟินถ้ามากินข้าวตอนพระอาทิตย์ตก
ระหว่างรอห้องขอสั่งกาแฟกับของว่างมากินรองท้องหน่อย เราสั่งเป็นกาแฟแมคคิเอโต้เย็นและสตรอเบอรรี่โซดา พร้อมกับขนมปังกระเทียมและคารามาริ สายของทอดไม่ควรพลาด อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
ทานเสร็จก็ได้เวลาเข้าห้องพัก ก้าวเข้าไปในห้องนี่เหมือนในรูปเปร๊ะ ตกแต่งห้องได้แปลกดี มีห้องกระจกและอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้อง เพิ่มความเกร๋ด้วยต้นไม้ที่งอกขึ้นมาจากพื้น เหยยย....ดี
มาทีเตียงนอน อันนี้พีคสุดๆ เตียงนิ่มแบบดูดวิญญาณ เหมาะกับการมานอนพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งสัปดาห์
ห้องด้านหน้าล้อมรอบด้วยกระจก เมื่อเปิดม่านไปจะชมโชว์ของทะเลหมอกแบบพาโนรามา
แต่ที่แปลกไม่เหมือนใครเป็นที่อีกอย่างที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกที่พักแห่งนี้คือ เปลตาข่ายหน้าห้องค่ะ อารมณ์เหมือนแทรมโบลีนยักษ์ กระโดดมันส์มากกก ถ้าใครที่มากับครอบครัวและมีเด็กน้อยน่าจะแฮปปี้นะคะ
พักผ่อนรอบนนี้กะจะไม่ออกไปไหนเลยค่ะ รอกินข้าวเย็นที่นี่ทีเดียวครบวงจรค่ะ จริงๆจะนอนให้คุ้มกับค่าวิลล่า 5555+
ชมวิวกังหันลมกับพระอาทิตย์ตกตอนเย็นกันบ้าง
แสงแดดสีส้มอ่อนของตอนเย็น ถ่ายมุมไหนก็สวย
หิวมากก อาจจะเป็นเพราะกระโดดตาข่ายหน้าห้องเยอะเกินไป สั่งมาเต็มโต๊ะเลยจร้า...จะกินกันหมดมั้ยเนี่ย? ที่นี่มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทยจานเดี่ยว เราเลือกโต๊ะมุมตรงห้องอาหาร นั่งรับลมพัดหนาว ชมวิวพระอาทิตย์ตก พร้อมกับดินเนอร์ อร๊ายย...โรแมนติคดีจุงงง
เราสั่งเป็นสเต็คเนื้อ พิซซ่าเตาถ่านบางกรอบ สลัดแซลม่อนย่างและสปาเกตตี้คาโบนาร่า
ทานข้าวเสร็จก็เข้าห้องหลับปุ๋ยทันที เหนื่อยกันทั้งคู่ ไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืน
วันที่สอง... เราตื่นกันตีห้าเผื่อเดินทางไปชมทะเลหมอกที่วัดผาซ่อนแก้วและ Pino latte
เสียดายที่ตอนมาฝนตกนิดหน่อย ทำให้ไม่เห็นทะเลหมอกชัดนัก
แต่แสงแรกที่นี่อลังการณ์มากกกก
ถ่ายมุมสูงเสร็จก็ลงมาถ่ายองค์พระข้างล่างกันหน่อย
ไหว้พระกันเสร็จเราก็เดินทางกลับไปทานอาหาร
ราคาห้องพักนี้มาพร้อมอาหารเช้าค่ะ เป็นแบบุฟเฟ่ต์ มีไส้กรอก แฮม ไขด่าว สายข้าวก็มีเป็นข้าวต้มเห็ดหอมหมูสับค่ะ รสชาติอร่อยเลย
ทานข้าวเสร็จก็ว่ายน้ำเล่นก่อนกลับดีกว่า...
แง้ๆไม่อยากกลับกทมเลยค่ะ มาอยู่ที่นี่เหมือนหลุดโลกออกมาจากความวุ่นวาย
จบทริปแห่งความประทับใจไปอีกทริปก่อนสิ้นปี มันคือการพักผ่อนจริงๆ อะไรจะดีไปกว่าการได้มานอนชาร์จแบตในที่ที่อากาศดีๆ ธรรมชาติสวยๆอีกละคะ
จบละค่าาาาา หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปนะคะ
ใครมีคำถามอะไรเข้ามาคุยกันได้เลยที่นี่ค่ะ
https://www.facebook.com/myhubbyandi/
[SR] [ตาม ผัว เที่ยว] ตามไปเที่ยวเขาค้อ นอน De Capoc Resort Khao Kho
เฮ้อ..ออ..อ..ได้พักผ่อนสักที.หน้าหนาวแบบนี้อยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด นอนทิ้งตัวอยู่บนเตียงนุ่มๆ จะช้าอยู่ไย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เอาหน้าไปตากลมให้รูจุ๋มจ๋นกระชับกันดีกว่าค่ะ วันนี้ตามผัวเที่ยวขออ้อนหลัวให้พาไปนอนรับลมหนาวกันที่วิลล่า De Capoc Resort @ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืนกันค่า..
ก่อนอื่นขอปักเพจไว้เผื่อใครจะเข้าไปดูคอนเท้นเก่าๆที่เราไปมาค่า
เพจ : https://www.facebook.com/myhubbyandi/
ถ้าพูดถึงเขาค้อ เราจะนึกถึงทะเลหมอกเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยทุ่งกังหันลม ไร่สตรอเบอร์รี่และมะขามหวานๆ ซึ่งทริปนี้เราจะพาไปพักผ่อนกันชิลๆ ชมวิวสวยๆ นอนมองทะเลหมอกแบบพาโนรามาจากห้องพัก ว่ายน้ำชมกังหันลมหมุนไปมาบนยอดเขา ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
เริ่มทริปกันที่วันศุกร์ค่ะ ออกจากกทมตอน 5 ทุ่ม นอนกลางวันให้เต็มอิ่มนะคะ จะได้สดชื่นยามค่ำคืน 555+ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังเพชรบูรณ์ เปิดกูเกิ้น ขับตามไปรัวๆ แวะปั๊ม แวะเซเว่นตลอดทาง หาหนมกินจะได้ไม่ง่วง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม ขับกลางคืนดีอย่างเสียอย่างค่ะ ข้อดีคือรถไม่ติด ขับสบาย แต่ข้อเสียคือ อายุเริ่มเยอะอย่างเรา ตาไม่ค่อยดี ฝ้าฟางตามวัย อิอิ!!
ถึงเพชรบูรณ์ประมาณตี 4 แฟนเราขับตรงไปที่วัดกองเนียม จะอยู่ก่อนถึงไปรษณีย์เขาค้อ 3-4 กมเพื่อเก็บภาพหมู่ดาวและทะเลหมอก วิวจากวัดกองเนียมสวยอย่าบอกใครเลยค่ะ คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันชม แต่ แต่ แต่!! ในวัดอะ ฮัลโหล้..มีความกลัวผีไง เพราะมันเงียบมากๆ มีแค่เราสอง 555+ ไม่มีฟีลโรแมนติกจ้ะ มีแต่วังเวง หมาก็เห่าจังงง แต่แฟนเราไม่สน แบกขากล้องลงไปหามุม ถ่ายรูป ตอนแรกเราง่วงเลยรออยู่ในรถ แต่สักพักได้ยินเสียงกุกๆกักๆ โกยเถอะโยมม วิ่งลงจากรถรัว5555+
หลังจากที่เก็บภาพแสงแรกเสร็กก็เดินทางต่อไปที่ไปรณีย์เขาค้อต่อ เสาร์อาทิตย์คนเยอะมากกกกกก นั่งรอชมทะเลหมอกกันอย่างจริงจัง งานกางเสื่อก็มา กินไข่ต้ม มาม่า โอ๊ยยย ...กลิ่นมาม่านี่มันเย้ายวนใจ
เราหาร้านนั่งจิบกาแฟและกินอาหารเช้ากันสายๆ ทอดสายตามองวิวได้ไม่เบื่อเลย ที่เขาค้อตอนนี้มีร้านกาแฟเกิดขึ้นใหม่เยอะมากๆๆๆๆ เราแวะร้าน The Pug Coffee อยู่ถัดจากไปรณีย์เลย วิวสวยบรรยากาศร้านน่ารักดีมีน้องมามาวิ่งเล่นในร้านด้วย
พอเที่ยงก็เข้ารีสอรท์ค่ะ อยากเข้าไปเดินเล่นถ่ายรูปก่อน ถึงแม้ว่าเค้าจะยังไม่ให้เช็คอินก็เถอะ
จากอำเภอเขาค้อขับไปอีกประมาณ 9 กมก็จะเจอทางเข้ารีสอร์ทค่ะ ขับตามทางเข้าไปไม่ยากค่ะ กูเกิ้ลพามาถึงไม่หลงค่ะ
มาถึงแล้วค่ะ De Capoc Resort สวย สงบ ดูมีอะไรๆอย่างในรูปเลยจริงๆค่ะ ว่าแล้วก็ลงไปหาพี่พนักงานที่อยู่ด้านหน้า ที่นี่เค้าไม่มีล็อบบี้จริงจังนะคะ จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แทน แจ้งชื่อแล้วจิบเวลคัมดริ้งค์เย็นๆชื่นใจรอสักแพพพ
De Capoc ที่นี่เป็นที่พักน้องใหม่สุดค่ะ เพิ่งเปิดตอนต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เอง De แปลว่า ณ Capoc แปลว่า ปุยนุ่นในภาษาฝรั่งเศส คอนเซ็ปคงอยากให้ลูกค้ามาพักแล้วรู้สึกสบายเหมือนอยู่บนปุยนุ่น 5555+
เข้ามาเดินเล่นในรีอสร์ทรอเวลาดีกว่า ที่นี่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะมากกกกกก ด้วยความที่เพิ่งเปิดใหม่ ต้นไม้อาจจะยังไม่ร่มรื่นมากนัก แต่ด้วยความที่อากาศบนเขาเย็นอยู่แล้วก็เลยสบายๆ เราจองที่พักแบบวิลล่าไปค่ะ ที่นี่มีแค่ 5 หลัง และมีห้องพักที่ในตึกอีก 16 ห้อง สงบเงียบและเป็นส่วนตัวสุดๆ
ห้องอาหารเป็นแบบเปิดโล่ง น่าจะฟินถ้ามากินข้าวตอนพระอาทิตย์ตก
ระหว่างรอห้องขอสั่งกาแฟกับของว่างมากินรองท้องหน่อย เราสั่งเป็นกาแฟแมคคิเอโต้เย็นและสตรอเบอรรี่โซดา พร้อมกับขนมปังกระเทียมและคารามาริ สายของทอดไม่ควรพลาด อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
ทานเสร็จก็ได้เวลาเข้าห้องพัก ก้าวเข้าไปในห้องนี่เหมือนในรูปเปร๊ะ ตกแต่งห้องได้แปลกดี มีห้องกระจกและอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้อง เพิ่มความเกร๋ด้วยต้นไม้ที่งอกขึ้นมาจากพื้น เหยยย....ดี
มาทีเตียงนอน อันนี้พีคสุดๆ เตียงนิ่มแบบดูดวิญญาณ เหมาะกับการมานอนพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งสัปดาห์
ห้องด้านหน้าล้อมรอบด้วยกระจก เมื่อเปิดม่านไปจะชมโชว์ของทะเลหมอกแบบพาโนรามา
แต่ที่แปลกไม่เหมือนใครเป็นที่อีกอย่างที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกที่พักแห่งนี้คือ เปลตาข่ายหน้าห้องค่ะ อารมณ์เหมือนแทรมโบลีนยักษ์ กระโดดมันส์มากกก ถ้าใครที่มากับครอบครัวและมีเด็กน้อยน่าจะแฮปปี้นะคะ
พักผ่อนรอบนนี้กะจะไม่ออกไปไหนเลยค่ะ รอกินข้าวเย็นที่นี่ทีเดียวครบวงจรค่ะ จริงๆจะนอนให้คุ้มกับค่าวิลล่า 5555+
ชมวิวกังหันลมกับพระอาทิตย์ตกตอนเย็นกันบ้าง
แสงแดดสีส้มอ่อนของตอนเย็น ถ่ายมุมไหนก็สวย
หิวมากก อาจจะเป็นเพราะกระโดดตาข่ายหน้าห้องเยอะเกินไป สั่งมาเต็มโต๊ะเลยจร้า...จะกินกันหมดมั้ยเนี่ย? ที่นี่มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทยจานเดี่ยว เราเลือกโต๊ะมุมตรงห้องอาหาร นั่งรับลมพัดหนาว ชมวิวพระอาทิตย์ตก พร้อมกับดินเนอร์ อร๊ายย...โรแมนติคดีจุงงง
เราสั่งเป็นสเต็คเนื้อ พิซซ่าเตาถ่านบางกรอบ สลัดแซลม่อนย่างและสปาเกตตี้คาโบนาร่า
ทานข้าวเสร็จก็เข้าห้องหลับปุ๋ยทันที เหนื่อยกันทั้งคู่ ไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืน
วันที่สอง... เราตื่นกันตีห้าเผื่อเดินทางไปชมทะเลหมอกที่วัดผาซ่อนแก้วและ Pino latte
เสียดายที่ตอนมาฝนตกนิดหน่อย ทำให้ไม่เห็นทะเลหมอกชัดนัก
แต่แสงแรกที่นี่อลังการณ์มากกกก
ถ่ายมุมสูงเสร็จก็ลงมาถ่ายองค์พระข้างล่างกันหน่อย
ไหว้พระกันเสร็จเราก็เดินทางกลับไปทานอาหาร
ราคาห้องพักนี้มาพร้อมอาหารเช้าค่ะ เป็นแบบุฟเฟ่ต์ มีไส้กรอก แฮม ไขด่าว สายข้าวก็มีเป็นข้าวต้มเห็ดหอมหมูสับค่ะ รสชาติอร่อยเลย
ทานข้าวเสร็จก็ว่ายน้ำเล่นก่อนกลับดีกว่า...
แง้ๆไม่อยากกลับกทมเลยค่ะ มาอยู่ที่นี่เหมือนหลุดโลกออกมาจากความวุ่นวาย
จบทริปแห่งความประทับใจไปอีกทริปก่อนสิ้นปี มันคือการพักผ่อนจริงๆ อะไรจะดีไปกว่าการได้มานอนชาร์จแบตในที่ที่อากาศดีๆ ธรรมชาติสวยๆอีกละคะ
จบละค่าาาาา หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปนะคะ
ใครมีคำถามอะไรเข้ามาคุยกันได้เลยที่นี่ค่ะ
https://www.facebook.com/myhubbyandi/