The Killing of a Sacred Deer (Yorgos Lanthimos, 2017)
คะแนน B
By Form Corleone
"เร่งเร้าอารมณ์ จิกกัดสังคม ภายใต้ความเจ็บปวดป่วยไข้" กลับมาอีกครั้งของผู้กำกับ 'ยอร์กอส ลาธิมอส' แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ตลกร้ายเหมือนกับ The Lobster, Dogtooth อารมณ์ของ 'The Killing of a Sacred Deer' ค่อนข้างหลอนประสาทและกดดันจิตใจช่วงขณะที่ดูตลอดเวลาตั้งแต่เปิดเรื่องจนจบเรื่อง หนังเต็มไปด้วยความน่าสงสัยและน่าสนใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งยังแฝงไปด้วยการเสียดสีชนชั้นทางสังคม ตัวละครในเรื่องที่รับบทโดย 'โคลิน ฟาร์เรล' นายแพทย์ ที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งครอบครัว ฐานะทางสังคม ชื่อเสียง การงานที่มั่นคง เขาได้ยื่นมือไปช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งรับบทโดย 'แบรี่ โคลอี้' ซึ่งเป็นลูกชายคนไข้ที่เสียชีวิตไปจากการผ่าตัดของเขา ประกอบด้วย 'นิโคล คิดแมน' มารับบทเป็นภรรยา เหตุเกิดเมื่อลูกชายและลูกสาวทั้งสองล้มป่วยเป็นอัมพาตส่วนล่างอย่างไม่รู้สาเหตุ จนกระทั่งเด็กหนุ่มได้บอกถึงสาเหตุของการเกิดสิ่งประหลาดในครั้งนี้ต่อครอบครัวของนายแพทย์ ตัวหนังดัดแปลกมาจากตำนาน 'Iphigenia in Aulis' และเป็นวัตถุดิบต่อพล็อตเรื่อง(ดูจบแล้วลองไปสืบค้นข้อมูลเรื่องนี้จะเข้าใจประเด็นของหนังมากขึ้น) สิ่งที่ 'ยอร์กอส' นำเสนอคืองานที่ใส่ความวิกลจริตและห้วงอารมณ์ความอึดอัดจนรู้สึกไม่สบายท้อง+บีบหัวใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งดนตรีประกอบที่บิ้วท์อารมณ์ หรือการถ่ายภาพเคลื่อนกล้องอย่างช้าๆ ในมุมที่ทำให้ตัวละครดูหวาดระแวง+ต้องสงสัยถึงพฤติกรรมนั้นๆ ตลอดจนบทสนทนาแปลกๆ ล่วงเลยไปถึงฉากความรุนแรงแบบดิบเถื่อนจนต้องร้องอุทานออกมาช่วงที่ดู
สำหรับเราหนังไม่มีความประนีประนอมคนดูเท่าไหร่ เรียกว่าเอาแต่ใจเลยก็ยังได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องตัวหนังเองแทบที่จะไม่แคร์ว่าช่วงเวลาไหนจะเร้าอารมณ์หรือช่วงเวลาไหนจะหยุดพัก ยิ่งช่วงท้ายเรื่องคือความพีคที่สุดของการดิ้นร้นเอาชีวิตรอด ทุกขณะของงานนี้สามารถเกิดอารมณ์เร่งเร้าได้ตลอดเวลา จนไปถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ตัวละครได้รับยังแสดงออกมาให้เรารู้สึกเจ็บปวดตาม นอกจากนี้ ประเด็นการเสียดสีสังคมชนชั้นที่หนังเล่นนั้นยังสะท้อนและจิกกัดชนชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นล่างได้อย่างกลมกลืน ภายใต้ตัวละครที่มีทุกอย่างเพอร์เฟค(นายแพทย์และครอบครัว)กับตัวละครที่แทบจะไม่มีอะไรติดตัวเลย(เด็กหนุ่ม) นำพามาถึงข้อสรุปที่ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างในการกลับไปมีพร้อมซึ่งทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น การล้มป่วยของตัวละครยังดูมีเงื่อนงำให้สงสัยถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนสามารถมองได้ว่าโดนของไม่ดีเข้าตัว อะไรทำนองนั้น เพียงแต่ตัวหนังเองไม่ได้ชักจูงให้เราต้องนึกสงสัยถึงมูลเหตุของสิ่งที่ทำให้ล้มป่วย แต่เป็นวิธีการเอาคืนในรูปแบบของการสูญเสียอะไรไปมากกว่า ท้ายสุด 'The Killing of a Sacred Deer' เป็นหนังที่ดูยากด้วยความแปลกประหลาดสำหรับใครบางคนที่ไม่ถนัดงานแนวนี้ แต่สำหรับเรา เราคิดว่าหนังไม่ถึงกับดูยากมากเกินไป เพราะประเด็นของหนังเองค่อนข้างตรงไปตรงมา และน่าหลงใหล+มีเสน่ห์ เมื่อดูจบเรารู้สึกชอบที่หนังนำเสนอออกมาในแบบที่เป็นอยู่ เพราะมันทำให้เราตกผลึกชุดความคิดบางอย่างต่อพล็อตเรื่องทั้งหมดได้ขณะหนึ่งเลยทีเดียวครับ...(ย้ำ หนังไม่เหมาะกับทุกคน ต้องใช้สมาธิพอสมควร)
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: The Killing of a Sacred Deer (Yorgos Lanthimos, 2017) เขียนโดย Form Corleone
คะแนน B
By Form Corleone
"เร่งเร้าอารมณ์ จิกกัดสังคม ภายใต้ความเจ็บปวดป่วยไข้" กลับมาอีกครั้งของผู้กำกับ 'ยอร์กอส ลาธิมอส' แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ตลกร้ายเหมือนกับ The Lobster, Dogtooth อารมณ์ของ 'The Killing of a Sacred Deer' ค่อนข้างหลอนประสาทและกดดันจิตใจช่วงขณะที่ดูตลอดเวลาตั้งแต่เปิดเรื่องจนจบเรื่อง หนังเต็มไปด้วยความน่าสงสัยและน่าสนใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งยังแฝงไปด้วยการเสียดสีชนชั้นทางสังคม ตัวละครในเรื่องที่รับบทโดย 'โคลิน ฟาร์เรล' นายแพทย์ ที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งครอบครัว ฐานะทางสังคม ชื่อเสียง การงานที่มั่นคง เขาได้ยื่นมือไปช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งรับบทโดย 'แบรี่ โคลอี้' ซึ่งเป็นลูกชายคนไข้ที่เสียชีวิตไปจากการผ่าตัดของเขา ประกอบด้วย 'นิโคล คิดแมน' มารับบทเป็นภรรยา เหตุเกิดเมื่อลูกชายและลูกสาวทั้งสองล้มป่วยเป็นอัมพาตส่วนล่างอย่างไม่รู้สาเหตุ จนกระทั่งเด็กหนุ่มได้บอกถึงสาเหตุของการเกิดสิ่งประหลาดในครั้งนี้ต่อครอบครัวของนายแพทย์ ตัวหนังดัดแปลกมาจากตำนาน 'Iphigenia in Aulis' และเป็นวัตถุดิบต่อพล็อตเรื่อง(ดูจบแล้วลองไปสืบค้นข้อมูลเรื่องนี้จะเข้าใจประเด็นของหนังมากขึ้น) สิ่งที่ 'ยอร์กอส' นำเสนอคืองานที่ใส่ความวิกลจริตและห้วงอารมณ์ความอึดอัดจนรู้สึกไม่สบายท้อง+บีบหัวใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งดนตรีประกอบที่บิ้วท์อารมณ์ หรือการถ่ายภาพเคลื่อนกล้องอย่างช้าๆ ในมุมที่ทำให้ตัวละครดูหวาดระแวง+ต้องสงสัยถึงพฤติกรรมนั้นๆ ตลอดจนบทสนทนาแปลกๆ ล่วงเลยไปถึงฉากความรุนแรงแบบดิบเถื่อนจนต้องร้องอุทานออกมาช่วงที่ดู
สำหรับเราหนังไม่มีความประนีประนอมคนดูเท่าไหร่ เรียกว่าเอาแต่ใจเลยก็ยังได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องตัวหนังเองแทบที่จะไม่แคร์ว่าช่วงเวลาไหนจะเร้าอารมณ์หรือช่วงเวลาไหนจะหยุดพัก ยิ่งช่วงท้ายเรื่องคือความพีคที่สุดของการดิ้นร้นเอาชีวิตรอด ทุกขณะของงานนี้สามารถเกิดอารมณ์เร่งเร้าได้ตลอดเวลา จนไปถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ตัวละครได้รับยังแสดงออกมาให้เรารู้สึกเจ็บปวดตาม นอกจากนี้ ประเด็นการเสียดสีสังคมชนชั้นที่หนังเล่นนั้นยังสะท้อนและจิกกัดชนชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นล่างได้อย่างกลมกลืน ภายใต้ตัวละครที่มีทุกอย่างเพอร์เฟค(นายแพทย์และครอบครัว)กับตัวละครที่แทบจะไม่มีอะไรติดตัวเลย(เด็กหนุ่ม) นำพามาถึงข้อสรุปที่ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างในการกลับไปมีพร้อมซึ่งทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น การล้มป่วยของตัวละครยังดูมีเงื่อนงำให้สงสัยถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนสามารถมองได้ว่าโดนของไม่ดีเข้าตัว อะไรทำนองนั้น เพียงแต่ตัวหนังเองไม่ได้ชักจูงให้เราต้องนึกสงสัยถึงมูลเหตุของสิ่งที่ทำให้ล้มป่วย แต่เป็นวิธีการเอาคืนในรูปแบบของการสูญเสียอะไรไปมากกว่า ท้ายสุด 'The Killing of a Sacred Deer' เป็นหนังที่ดูยากด้วยความแปลกประหลาดสำหรับใครบางคนที่ไม่ถนัดงานแนวนี้ แต่สำหรับเรา เราคิดว่าหนังไม่ถึงกับดูยากมากเกินไป เพราะประเด็นของหนังเองค่อนข้างตรงไปตรงมา และน่าหลงใหล+มีเสน่ห์ เมื่อดูจบเรารู้สึกชอบที่หนังนำเสนอออกมาในแบบที่เป็นอยู่ เพราะมันทำให้เราตกผลึกชุดความคิดบางอย่างต่อพล็อตเรื่องทั้งหมดได้ขณะหนึ่งเลยทีเดียวครับ...(ย้ำ หนังไม่เหมาะกับทุกคน ต้องใช้สมาธิพอสมควร)
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/