ชอบละครเรื่องนี้มากเลยค่ะ
แค่เอื้อม
เรื่องย่อ
แค่เอื้อม : โรแมนติค กับ คุณโบตั๋น
อ่านนิยายของคุณโบตั๋นมาหลายเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นแนวลำบากลำเค็ญสู้ชีวิตพิชิตฝัน ตัวละครมักมีปัญหาเก็บกดอยู่ร่ำไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเหตุความยากจนข้นแค้น ด้วยเหตุปัญหาภายในครอบครัว ขี้เมา ติดยา ตีเมีย ตีลูก ติดโรค และ อีกจิปาถะ อ่านไปเครียดไปแต่ก็นับว่าเป็นนิยายสอนใจประเทืองสติ และ ปัญญา เอ๊ะ ... บอกไปรึยังว่าต้อง "เครียด" ด้วยนะ (ฮา)
อ่านทีไรทีนั้นจะเอาความโรแมนติคมาเป็นแกนหลักเห็นจะไม่มี มีแต่มาเป็นส่วนประกอบอยู่เรื่อยไป ไม่นึกเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวเบา ๆ เอาความรักโรแมนติคเป็นที่ตั้งจากปลายปากกาคุณโบตั๋นกับเขาบ้าง แต่ในที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้สิ เรื่องราวโรแมนติคน่ารักจากปลายปากกานักเขียนแนวชีวิตเอาล่ะสิมันจะเป็นยังไง อารัมบทมาเสียยืดเสียยาวจะรู้ไหมหนอว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ลองหลับตานึกมโนภาพ
ละไอหมอกเย็นชื่นของอากาศบนยอดดอย ไร่พืชเมืองหนาวออกผลอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้สะพรั่งพร้อมสีสันสดสวย กระดิ่งส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งเมื่อต้องลมเย็น หนุ่มสาวคนงานชาวเขาทยอยออกทำงานเมื่ออรุณแรฟ้า ณ ทีนั้นคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำทีมโดยดร. นภมัย อบรมชาวบ้านเพาะเลี้ยงเห็ดเป็นอาชีพ มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมมากมายรวมถึงพ่อเลี้ยงสุนทรเจ้าของที่ดินผืนใหญ่บนภูหมอกฟ้า และ หลานสาวคนงามนามสายป่านที่ตั้งใจสืบสานกิจการของผู้เป็นตา พลิกผืนดินบนเชิงภูเป็นที่ทำกิน แน่นอนว่าเธอได้ดร.นภมัยเป็นผู้ช่วยเหลือทางวิชาการ นอกจากลงไม้ลงมือรดน้ำพรวนดินปลูกเห็ด ทั้งสองก็ยังได้มีโอกาสปลูกรักไปพร้อมกัน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติคเย็นชื่นรื่นรมณ์ของเมืองเหนือ
สงสัยล่ะสิว่ามีแบบนี้ด้วยหรือนิยายของคณโบตั๋น ... ตั้งแต่อ่านมาก็เจอเรื่อง "แค่เอื้อม" นี้แหละค่ะที่โรแมนติคที่สุด อ่านทีไรก็ใคร่อยากจะไปตั้งรกรากที่เมืองเหนือขึ้นมาเชียว อยากสัมผัสสายหมอกละอองน้ำกลิ่นอากาศเย็นสดสะอาด และ สายลมเย็นระรื่นของทางเหนือเต็มที (แต่ในความเป็นจริงจะเป็นอย่างที่เขียนในหนังสือรึเปล่าอันนี้มันก็อีกเรื่องหนึ่ง)
ก็อย่างที่จั่วไว้ค่ะนั่นเป็นเรื่องย่อ ๆ ของแค่เอื้อมเขาล่ะ แต่ยี่ห้อคุณโบตั๋นซะอย่างจะกลวงโบ๋ว่างเปล่ามีแต่เรื่องโรแมนติคเดี่ยว ๆ ก็เสียของสิน่า ดังนั้นท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ ของมนต์เมืองเหนือคุณโบตั๋นเธอก็ใส่ความจริงจังลงไปจนได้ ตามท้องเรื่องนี้เป็นปีพ.ศ. 2540-2541 อันเป็นช่วงวิกฤตฟองสบู่ของเมืองไทยที่สถาบันการเงิน บริษัทเอกชนหมดสิ้นยุคเฟื่องฟู ต้อง lay off พนักงานกันเป็นแถบ ๆ บางที่ถึงกับต้องปิดตัวลงไป สายป่านสาวงามนางเอกของเรื่องแม้ไม่ได้เป็นเป้าหมายถูกปลดกับเขาก็เล็งเห็นว่าจะกระ
กระสนในเมืองใหญ่นานไปคงไม่เข้าที ใช้ชีวิตดิ้นรนในเมืองใหญ่มาหลายปีคงได้เวลาหวนกลับไปดูแลคุณตาคุณยายบ้าง ซึ่งต่อมาความตั้งใจของเธอก็ขยับขยายกลายเป็นสำนึกรักบ้านเกิดด้วยอีกทางหนึ่ง
แง่หนึ่งที่เห็นได้จากสายป่าน (และนิยายคุณโบตั๋น)คือ การไม่เป็นคนจับจดเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หนักก็เอา เบาก็สู้ แม้จะตัวนิดเดียว ซึ่งก็ไปต้องตาต้องใจพ่อแว่นตาโต ดร.นภมัย พระเอกของเรื่องอยู่ไม่น้อย แม่สาวสวยบอบบางสนิมสร้อยจะกลายร่างเป็นแม่เลี้ยงเมืองเหนือดูแลกิจการเรือกสวนไร่นาของตาได้อย่างไร หลังจากได้ทำงานทำการร่วมกันอยู่แรมเดือนก็รู้ว่าสาวเจ้านั้นฉลาดเฉลียว มีลูกล่อลูกชน และ อึดพอตัว ส่วนสายป่านก็ถูกใจความเอาจริงเอาจังเป็นผู้ใหญ่ของท่านดร. แต่ด้วยสถานภาพกึ่งเจ้านายลูกน้องกึ่งเพื่อนร่วมงาน ด้วยฐานะที่แตกต่าง และ ทั้งสองคนก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วทำให้ผ่านแรมเดือนจนมาถึงแรมปีก็คอยแต่ "มะลันดูแก มะแลดูกัน" ไปไม่ถึงไหนซะที ทั้ง ๆ ที่บรรยากาศก็แสนจะเป็นใจที่สุด ทำให้เพื่อนฝูงญาติมิตรของทั้งสองฝ่ายลุ้นกันใจหายใจคว่ำ แถมยังออกหน้า(เจือก)ช่วยเหลือสุดลิ่มทิ่มประตู
นี่ก็นาน ๆ ทีเหมือนกันสำหรับนิยายทั่วไป ที่จะเจอสเตปรักแบบธรรมดา ๆ กับเขามั่ง ไม่ต้องเป็นศัตรูกันหรือขัดแย้งกันเมื่อแรกพบ ไม่ใช่คู่รักที่เข้าใจผิดกัน ไม่มีการแก้แค้น ไม่มีการปลอมตัว ไม่มีการเล่นตัวเล่มเกมส์ตามจีบ ไม่ตบจูบ ไม่ข่มขืน ไปแบบธรรมดา ไปแบบธรรมชาติ เป็นผู้ใหญ่ สุขุม ไว้ท่าที แต่ก็ไม่ใช่ปากกับใจไม่ตรงกัน เพียงแต่รอคอยเวลาเพื่อความพร้อมและแน่ใจ ว่าก็ว่าเถอะ แบบนี้ดูน่ารักสบายใจเวลาอ่านดีไม่หยอกเลยได้อารมณ์เย็น ๆ เมืองบรรยากาศเมืองเหนือในเรื่องที่แหละ
สุดท้าย .... แล้วมันอย่างไร ทำไมถึงแค่เอื้อม อันนี้ขอเอาเพลงตอนที่ทำเป็นละครมาลงไว้ คิดว่าบอกความหมายได้ครบถ้วนดี ถึงแม้ตัวละครจะผิดจากหนังสือไปมากอยู่ แต่ก็น่ารักดีอยู่ในตัว
แค่ปลายเอื้อม
โอ้ดวงใจน้อย ๆ ที่เฝ้าคอยเก็บไว้
รักเป็นไงต้องใช้เวลาศึกษามัน
ก็ถูกใจลึก ๆ แค่แอบมองแอบฝัน
เผื่อสักวันเค้านั้นจะมองกลับเหลียวมา
พอสายตาประสานใจฉันมันแพ้พ่าย
เตรียมถ้อยคำอย่างไรยังนึกกลัว
ซ่อนอาการนั้นไว้บอกกับใจเสมอ
หากพบเจอต้องเฉยไว้ก่อนต้องไว้ตัว
เก็บใจเรานั้นไว้อย่าให้ใครรู้ตัว
อย่านึกกลัวต้องใช้เวลาศึกษากัน
เหมือนไกล (เหมือนไกลแสนไกล)
แม้ใกล้แค่ปลายเอื้อม (สองใจไม่เคยเชื่อม)
ดั่งเดือน (ที่คอยย้ำเตือน) เมื่อยามที่เมฆบัง (รักคงเลือนลาง)
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันที่สองดวงใจได้ชิดกัน
เหมือนไกล (เหมือนไกลแสนไกล)
แม้ใกล้แค่ปลายเอื้อม (สองใจไม่เคยเชื่อม)
ดั่งเดือน (ที่คอยย้ำเตือน) เมื่อยามที่เมฆบัง (รักคงเลือนลาง)
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันที่สองดวงใจได้ชิดกัน
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันเมื่อฉันและเธอ...เอื้อมถึงกัน
ปล. พี่บี๋ พี่นุ่น เป็นพระเอกนางเอกที่สวยหล่อมากเลย สมัยนี้หาหน้าตาแบบนี้ยากแล้วอะ
ที่มา : www.bloggang.com
อยากบอกช่อง 7 ว่า
แค่เอื้อม
เรื่องย่อ
แค่เอื้อม : โรแมนติค กับ คุณโบตั๋น
อ่านนิยายของคุณโบตั๋นมาหลายเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นแนวลำบากลำเค็ญสู้ชีวิตพิชิตฝัน ตัวละครมักมีปัญหาเก็บกดอยู่ร่ำไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเหตุความยากจนข้นแค้น ด้วยเหตุปัญหาภายในครอบครัว ขี้เมา ติดยา ตีเมีย ตีลูก ติดโรค และ อีกจิปาถะ อ่านไปเครียดไปแต่ก็นับว่าเป็นนิยายสอนใจประเทืองสติ และ ปัญญา เอ๊ะ ... บอกไปรึยังว่าต้อง "เครียด" ด้วยนะ (ฮา)
อ่านทีไรทีนั้นจะเอาความโรแมนติคมาเป็นแกนหลักเห็นจะไม่มี มีแต่มาเป็นส่วนประกอบอยู่เรื่อยไป ไม่นึกเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวเบา ๆ เอาความรักโรแมนติคเป็นที่ตั้งจากปลายปากกาคุณโบตั๋นกับเขาบ้าง แต่ในที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้สิ เรื่องราวโรแมนติคน่ารักจากปลายปากกานักเขียนแนวชีวิตเอาล่ะสิมันจะเป็นยังไง อารัมบทมาเสียยืดเสียยาวจะรู้ไหมหนอว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ลองหลับตานึกมโนภาพ
ละไอหมอกเย็นชื่นของอากาศบนยอดดอย ไร่พืชเมืองหนาวออกผลอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้สะพรั่งพร้อมสีสันสดสวย กระดิ่งส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งเมื่อต้องลมเย็น หนุ่มสาวคนงานชาวเขาทยอยออกทำงานเมื่ออรุณแรฟ้า ณ ทีนั้นคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำทีมโดยดร. นภมัย อบรมชาวบ้านเพาะเลี้ยงเห็ดเป็นอาชีพ มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมมากมายรวมถึงพ่อเลี้ยงสุนทรเจ้าของที่ดินผืนใหญ่บนภูหมอกฟ้า และ หลานสาวคนงามนามสายป่านที่ตั้งใจสืบสานกิจการของผู้เป็นตา พลิกผืนดินบนเชิงภูเป็นที่ทำกิน แน่นอนว่าเธอได้ดร.นภมัยเป็นผู้ช่วยเหลือทางวิชาการ นอกจากลงไม้ลงมือรดน้ำพรวนดินปลูกเห็ด ทั้งสองก็ยังได้มีโอกาสปลูกรักไปพร้อมกัน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติคเย็นชื่นรื่นรมณ์ของเมืองเหนือ
สงสัยล่ะสิว่ามีแบบนี้ด้วยหรือนิยายของคณโบตั๋น ... ตั้งแต่อ่านมาก็เจอเรื่อง "แค่เอื้อม" นี้แหละค่ะที่โรแมนติคที่สุด อ่านทีไรก็ใคร่อยากจะไปตั้งรกรากที่เมืองเหนือขึ้นมาเชียว อยากสัมผัสสายหมอกละอองน้ำกลิ่นอากาศเย็นสดสะอาด และ สายลมเย็นระรื่นของทางเหนือเต็มที (แต่ในความเป็นจริงจะเป็นอย่างที่เขียนในหนังสือรึเปล่าอันนี้มันก็อีกเรื่องหนึ่ง)
ก็อย่างที่จั่วไว้ค่ะนั่นเป็นเรื่องย่อ ๆ ของแค่เอื้อมเขาล่ะ แต่ยี่ห้อคุณโบตั๋นซะอย่างจะกลวงโบ๋ว่างเปล่ามีแต่เรื่องโรแมนติคเดี่ยว ๆ ก็เสียของสิน่า ดังนั้นท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ ของมนต์เมืองเหนือคุณโบตั๋นเธอก็ใส่ความจริงจังลงไปจนได้ ตามท้องเรื่องนี้เป็นปีพ.ศ. 2540-2541 อันเป็นช่วงวิกฤตฟองสบู่ของเมืองไทยที่สถาบันการเงิน บริษัทเอกชนหมดสิ้นยุคเฟื่องฟู ต้อง lay off พนักงานกันเป็นแถบ ๆ บางที่ถึงกับต้องปิดตัวลงไป สายป่านสาวงามนางเอกของเรื่องแม้ไม่ได้เป็นเป้าหมายถูกปลดกับเขาก็เล็งเห็นว่าจะกระกระสนในเมืองใหญ่นานไปคงไม่เข้าที ใช้ชีวิตดิ้นรนในเมืองใหญ่มาหลายปีคงได้เวลาหวนกลับไปดูแลคุณตาคุณยายบ้าง ซึ่งต่อมาความตั้งใจของเธอก็ขยับขยายกลายเป็นสำนึกรักบ้านเกิดด้วยอีกทางหนึ่ง
แง่หนึ่งที่เห็นได้จากสายป่าน (และนิยายคุณโบตั๋น)คือ การไม่เป็นคนจับจดเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หนักก็เอา เบาก็สู้ แม้จะตัวนิดเดียว ซึ่งก็ไปต้องตาต้องใจพ่อแว่นตาโต ดร.นภมัย พระเอกของเรื่องอยู่ไม่น้อย แม่สาวสวยบอบบางสนิมสร้อยจะกลายร่างเป็นแม่เลี้ยงเมืองเหนือดูแลกิจการเรือกสวนไร่นาของตาได้อย่างไร หลังจากได้ทำงานทำการร่วมกันอยู่แรมเดือนก็รู้ว่าสาวเจ้านั้นฉลาดเฉลียว มีลูกล่อลูกชน และ อึดพอตัว ส่วนสายป่านก็ถูกใจความเอาจริงเอาจังเป็นผู้ใหญ่ของท่านดร. แต่ด้วยสถานภาพกึ่งเจ้านายลูกน้องกึ่งเพื่อนร่วมงาน ด้วยฐานะที่แตกต่าง และ ทั้งสองคนก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วทำให้ผ่านแรมเดือนจนมาถึงแรมปีก็คอยแต่ "มะลันดูแก มะแลดูกัน" ไปไม่ถึงไหนซะที ทั้ง ๆ ที่บรรยากาศก็แสนจะเป็นใจที่สุด ทำให้เพื่อนฝูงญาติมิตรของทั้งสองฝ่ายลุ้นกันใจหายใจคว่ำ แถมยังออกหน้า(เจือก)ช่วยเหลือสุดลิ่มทิ่มประตู
นี่ก็นาน ๆ ทีเหมือนกันสำหรับนิยายทั่วไป ที่จะเจอสเตปรักแบบธรรมดา ๆ กับเขามั่ง ไม่ต้องเป็นศัตรูกันหรือขัดแย้งกันเมื่อแรกพบ ไม่ใช่คู่รักที่เข้าใจผิดกัน ไม่มีการแก้แค้น ไม่มีการปลอมตัว ไม่มีการเล่นตัวเล่มเกมส์ตามจีบ ไม่ตบจูบ ไม่ข่มขืน ไปแบบธรรมดา ไปแบบธรรมชาติ เป็นผู้ใหญ่ สุขุม ไว้ท่าที แต่ก็ไม่ใช่ปากกับใจไม่ตรงกัน เพียงแต่รอคอยเวลาเพื่อความพร้อมและแน่ใจ ว่าก็ว่าเถอะ แบบนี้ดูน่ารักสบายใจเวลาอ่านดีไม่หยอกเลยได้อารมณ์เย็น ๆ เมืองบรรยากาศเมืองเหนือในเรื่องที่แหละ
สุดท้าย .... แล้วมันอย่างไร ทำไมถึงแค่เอื้อม อันนี้ขอเอาเพลงตอนที่ทำเป็นละครมาลงไว้ คิดว่าบอกความหมายได้ครบถ้วนดี ถึงแม้ตัวละครจะผิดจากหนังสือไปมากอยู่ แต่ก็น่ารักดีอยู่ในตัว
แค่ปลายเอื้อม
โอ้ดวงใจน้อย ๆ ที่เฝ้าคอยเก็บไว้
รักเป็นไงต้องใช้เวลาศึกษามัน
ก็ถูกใจลึก ๆ แค่แอบมองแอบฝัน
เผื่อสักวันเค้านั้นจะมองกลับเหลียวมา
พอสายตาประสานใจฉันมันแพ้พ่าย
เตรียมถ้อยคำอย่างไรยังนึกกลัว
ซ่อนอาการนั้นไว้บอกกับใจเสมอ
หากพบเจอต้องเฉยไว้ก่อนต้องไว้ตัว
เก็บใจเรานั้นไว้อย่าให้ใครรู้ตัว
อย่านึกกลัวต้องใช้เวลาศึกษากัน
เหมือนไกล (เหมือนไกลแสนไกล)
แม้ใกล้แค่ปลายเอื้อม (สองใจไม่เคยเชื่อม)
ดั่งเดือน (ที่คอยย้ำเตือน) เมื่อยามที่เมฆบัง (รักคงเลือนลาง)
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันที่สองดวงใจได้ชิดกัน
เหมือนไกล (เหมือนไกลแสนไกล)
แม้ใกล้แค่ปลายเอื้อม (สองใจไม่เคยเชื่อม)
ดั่งเดือน (ที่คอยย้ำเตือน) เมื่อยามที่เมฆบัง (รักคงเลือนลาง)
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันที่สองดวงใจได้ชิดกัน
อดใจรอคอยให้ลมพัดพาเมฆเบาบาง
คงถึงวันเมื่อฉันและเธอ...เอื้อมถึงกัน
ปล. พี่บี๋ พี่นุ่น เป็นพระเอกนางเอกที่สวยหล่อมากเลย สมัยนี้หาหน้าตาแบบนี้ยากแล้วอะ
ที่มา : www.bloggang.com