สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีเรื่องอยากมาปรึกษาและสอบถามความคิดเห็นจากเพื่อนๆค่ะ
***โปรดใช้คำพูดที่สุภาพ ไม่มีการพาดพิงหรือด่าทอเพื่อก่อให้เกิดประเด็นที่รุนแรงด้วยนะคะ***
เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้ระหว่างที่ไปทำงานที่ตึกออฟฟิศแห่งนึงย่านเพชรบุรี ก็มีบูทของโรงพยาบาลจุฬา คล้ายๆกับหน่วยรับบริจาคเลือกสภากาชาดไทยแบบนั้นเลยค่ะ มีคุณป้าน่ารักๆ 4 ท่านนั่งให้ข้อมูล คือ เรามีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นตั้งนานแล้วว่าอยากจะบริจาคร่างกาย อวัยวะและดวงตาให้กับโรงพยาบาล คือคิดไว้ตั้งแต่อายุไม่ถึง20ปีด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาจจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ปกครองก็เลยไม่มีโอกาสได้ทำ ซึ่งตอนนี้อายุ 27 ปี คือมีวุฒิภาวะมากพอแล้วที่อยากจะตัดสินใจทำ ก็เลยกรอกใบสมัครยินยอมทั้ง 3 อย่างเลยคือ บริจาคอวัยวะ (ได้บัตรเลยวันนี้) บริจาคดวงตา บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเมื่อล่วงลับไปแล้ว
ตอนทำเสร็จก็อิ่มเอมบุญเต็มที่เลยค่ะ มีความสุขสบาย ปิติยินดีมากๆทั้งกายและใจ ซึ่งเอาจริงๆแล้วเราพอเดาความเห็นของครอบครัวโดยเฉพาะแม่ออกว่า เค้าค่อนข้างเป็นคนหัวสมัยเก่า แต่ป้าที่เค้าแนะนำข้อมูลเค้าก็บอกว่า "ยังไงน้องอย่าลืมบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะให้อนุโมทนาบุญกุศลครั้งใหญ่ครั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่จะได้บุญไปด้วย" ไอ้เราก็เลยคิดว่า งั้นตัดสินใจบอกแม่ละกัน เราก็โตแล้วเค้าก็คงไม่ว่าอะไร คงให้เราตัดสินใจ เราก็เลยไลน์ส่งบัตรที่บริจาคร่างกาย ส่งไปให้พร้อมเขียนบรรยายว่า เราอยากให้แม่อนุโทนาบุญกับเรา เราอาจจะเกิดเป็นผู้หญิงบวชไม่ได้ แต่คิดว่าบุญกุศลครั้งนี้ขอมอบให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหมด ตอนพิมพ์ไปน้ำตาก็ซึมด้วยความปลื้มปิติไป
แต่คดีพลิก!!! แม่โทรไลน์มา เรารับไม่ได้เพราะติดงานแล้ว น้าเลยไลน์มาแทนแม่ผ่านไลน์ของแม่ ว่าตอนนี้แม่ร้องไห้เสียใจหนักมาก รับไม่ได้ ที่เราตัดสินใจโดยพละการ บอกว่ามันไม่ดีคนในครอบครัวและญาติทุกคนไม่ยอมรับกับสิ่งที่เรา มันเป็นสิ่งที่ไม่โอเคมากๆ เหมือนเราไม่รักชีวิตไม่รักร่างกายที่พ่อแม่ให้มา เรากำลังจะทำบาปใหญ่หลวงเพราะทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจหนักมาก ว่าแล้วน้าเราก็บอกว่าแม่เราร้องไห้จนจะเป็นลมแล้วนะ ให้เราโทรไปยกเลิกเดี๋ยวนี้
เราก็พยายามพิมพ์ไปอธิบายให้เค้าเข้าใจนะคะ เพราะจริงๆที่บ้านก็นับถือพุทธ พ่อแม่ก็ชอบทำบุญนะ แต่ออกแนวความเชื่อเล็กๆ ตามสไตล์คนต่างจังหวัด แต่เราอ่ะชอบทำบุญ ฟังธรรมะบ้าง รู้สึกปลงกับชีวิตนะ ไม่ได้หมดหวังแต่ว่า รู้สึกว่าร่างกายคนเราจริงๆมันก็ไม่ใช่ของเรา ตายไปเราก็เอาไปด้วยไม่ได้ สิ่งที่จะอยู่ไปตลอดคือคุณความดีที่เราทำ ณ ปัจจุบันมากกว่า หรือหากเราตายไปแล้วร่างกายของเราสามารถเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เราก็ยินดีมากๆ เราคิดแบบนี้ คิดว่ามันดี แต่พอมาเจอแม่เราเป็นแบบนี้ บอกตรงๆค่ะว่า ไม่รู้ว่าที่ทำไป เป็นบุญหรือบาป คือใจนึงก็เจตนาดีนะ เราก็ยังคงมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง แต่ใจนึงก็คิดว่าเราจะบาปมั้ย ทำให้บุพการีเสียใจ เค้ายอมรับไม่ได้คิดว่าเรากำลังทำร้ายความรู้สึกเค้า เค้าบอกว่า เค้ารักเราไม่อยากให้ร่างกายของเราไปให้ใครทั้งนั้น
อยากถามเพื่อนๆว่า เราควรทำอย่างไรดีคะ ควรไปยกเลิกใบสมัครที่ยื่นไปแล้วทั้งหมด หรือว่าก็ยืนยันคำตอบเดิมต่อไป แต่ถ้าเลือกอันนี้บอกตรงๆว่าก็คงไม่สามารถบอกพ่อแม่ได้จริงๆ คงต้องบอกเค้าไปว่า เรายกเลิกไปแล้ว คือมันก็เท่ากับเราโกหกเค้าค่ะ ซึ่งเค้าก็ขู่เราไว้นะ ว่าถ้า มาบอกว่ายกเลิกแล้วไม่ยกเลิกจริงๆ บาปหนักมากๆ อย่าโกหกพ่อแม่มันไม่ดี เป็นลูกที่ไม่ดี ตอนนี้บอกเลยว่าสภาพจิตใจก็หดหู่เล็กน้อยค่ะ แต่ถ้าให้ไปยกเลิกก็คงรู้สึกผิดหวังเหมือนกัน
ถามว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ เพื่อนๆจะทำยังไงดีคะ คือบางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำคัญเราเรื่องนี้ค่อนข้างเซนซิทีฟมากจริงๆค่ะ ขอรับฟังทุกความเห็นแบบสุภาพชนนะคะ ไม่อยากก่อให้เกิดดราม่าแบบที่กระทบใครด้วยค่ะ
ขอบพระคุณทุกๆความเห็นค่ะ
ปล. ถ้าติดแท็กผิดยังไงบอกได้นะคะ ไม่ค่อยได้เล่นไม่ค่อยแน่ใจว่าแท็กถูกไหม
พึ่งตัดสินใจบริการอวัยวะ ดวงตาและร่างกายให้โรงพยาบาลจุฬา แต่แม่กับคนที่บ้านกลับรับไม่ได้ ร้องไห้ฟูมฟายหนักมาก
***โปรดใช้คำพูดที่สุภาพ ไม่มีการพาดพิงหรือด่าทอเพื่อก่อให้เกิดประเด็นที่รุนแรงด้วยนะคะ***
เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้ระหว่างที่ไปทำงานที่ตึกออฟฟิศแห่งนึงย่านเพชรบุรี ก็มีบูทของโรงพยาบาลจุฬา คล้ายๆกับหน่วยรับบริจาคเลือกสภากาชาดไทยแบบนั้นเลยค่ะ มีคุณป้าน่ารักๆ 4 ท่านนั่งให้ข้อมูล คือ เรามีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นตั้งนานแล้วว่าอยากจะบริจาคร่างกาย อวัยวะและดวงตาให้กับโรงพยาบาล คือคิดไว้ตั้งแต่อายุไม่ถึง20ปีด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาจจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ปกครองก็เลยไม่มีโอกาสได้ทำ ซึ่งตอนนี้อายุ 27 ปี คือมีวุฒิภาวะมากพอแล้วที่อยากจะตัดสินใจทำ ก็เลยกรอกใบสมัครยินยอมทั้ง 3 อย่างเลยคือ บริจาคอวัยวะ (ได้บัตรเลยวันนี้) บริจาคดวงตา บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาเมื่อล่วงลับไปแล้ว
ตอนทำเสร็จก็อิ่มเอมบุญเต็มที่เลยค่ะ มีความสุขสบาย ปิติยินดีมากๆทั้งกายและใจ ซึ่งเอาจริงๆแล้วเราพอเดาความเห็นของครอบครัวโดยเฉพาะแม่ออกว่า เค้าค่อนข้างเป็นคนหัวสมัยเก่า แต่ป้าที่เค้าแนะนำข้อมูลเค้าก็บอกว่า "ยังไงน้องอย่าลืมบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะให้อนุโมทนาบุญกุศลครั้งใหญ่ครั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่จะได้บุญไปด้วย" ไอ้เราก็เลยคิดว่า งั้นตัดสินใจบอกแม่ละกัน เราก็โตแล้วเค้าก็คงไม่ว่าอะไร คงให้เราตัดสินใจ เราก็เลยไลน์ส่งบัตรที่บริจาคร่างกาย ส่งไปให้พร้อมเขียนบรรยายว่า เราอยากให้แม่อนุโทนาบุญกับเรา เราอาจจะเกิดเป็นผู้หญิงบวชไม่ได้ แต่คิดว่าบุญกุศลครั้งนี้ขอมอบให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหมด ตอนพิมพ์ไปน้ำตาก็ซึมด้วยความปลื้มปิติไป
แต่คดีพลิก!!! แม่โทรไลน์มา เรารับไม่ได้เพราะติดงานแล้ว น้าเลยไลน์มาแทนแม่ผ่านไลน์ของแม่ ว่าตอนนี้แม่ร้องไห้เสียใจหนักมาก รับไม่ได้ ที่เราตัดสินใจโดยพละการ บอกว่ามันไม่ดีคนในครอบครัวและญาติทุกคนไม่ยอมรับกับสิ่งที่เรา มันเป็นสิ่งที่ไม่โอเคมากๆ เหมือนเราไม่รักชีวิตไม่รักร่างกายที่พ่อแม่ให้มา เรากำลังจะทำบาปใหญ่หลวงเพราะทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจหนักมาก ว่าแล้วน้าเราก็บอกว่าแม่เราร้องไห้จนจะเป็นลมแล้วนะ ให้เราโทรไปยกเลิกเดี๋ยวนี้
เราก็พยายามพิมพ์ไปอธิบายให้เค้าเข้าใจนะคะ เพราะจริงๆที่บ้านก็นับถือพุทธ พ่อแม่ก็ชอบทำบุญนะ แต่ออกแนวความเชื่อเล็กๆ ตามสไตล์คนต่างจังหวัด แต่เราอ่ะชอบทำบุญ ฟังธรรมะบ้าง รู้สึกปลงกับชีวิตนะ ไม่ได้หมดหวังแต่ว่า รู้สึกว่าร่างกายคนเราจริงๆมันก็ไม่ใช่ของเรา ตายไปเราก็เอาไปด้วยไม่ได้ สิ่งที่จะอยู่ไปตลอดคือคุณความดีที่เราทำ ณ ปัจจุบันมากกว่า หรือหากเราตายไปแล้วร่างกายของเราสามารถเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เราก็ยินดีมากๆ เราคิดแบบนี้ คิดว่ามันดี แต่พอมาเจอแม่เราเป็นแบบนี้ บอกตรงๆค่ะว่า ไม่รู้ว่าที่ทำไป เป็นบุญหรือบาป คือใจนึงก็เจตนาดีนะ เราก็ยังคงมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง แต่ใจนึงก็คิดว่าเราจะบาปมั้ย ทำให้บุพการีเสียใจ เค้ายอมรับไม่ได้คิดว่าเรากำลังทำร้ายความรู้สึกเค้า เค้าบอกว่า เค้ารักเราไม่อยากให้ร่างกายของเราไปให้ใครทั้งนั้น
อยากถามเพื่อนๆว่า เราควรทำอย่างไรดีคะ ควรไปยกเลิกใบสมัครที่ยื่นไปแล้วทั้งหมด หรือว่าก็ยืนยันคำตอบเดิมต่อไป แต่ถ้าเลือกอันนี้บอกตรงๆว่าก็คงไม่สามารถบอกพ่อแม่ได้จริงๆ คงต้องบอกเค้าไปว่า เรายกเลิกไปแล้ว คือมันก็เท่ากับเราโกหกเค้าค่ะ ซึ่งเค้าก็ขู่เราไว้นะ ว่าถ้า มาบอกว่ายกเลิกแล้วไม่ยกเลิกจริงๆ บาปหนักมากๆ อย่าโกหกพ่อแม่มันไม่ดี เป็นลูกที่ไม่ดี ตอนนี้บอกเลยว่าสภาพจิตใจก็หดหู่เล็กน้อยค่ะ แต่ถ้าให้ไปยกเลิกก็คงรู้สึกผิดหวังเหมือนกัน
ถามว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ เพื่อนๆจะทำยังไงดีคะ คือบางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำคัญเราเรื่องนี้ค่อนข้างเซนซิทีฟมากจริงๆค่ะ ขอรับฟังทุกความเห็นแบบสุภาพชนนะคะ ไม่อยากก่อให้เกิดดราม่าแบบที่กระทบใครด้วยค่ะ
ขอบพระคุณทุกๆความเห็นค่ะ
ปล. ถ้าติดแท็กผิดยังไงบอกได้นะคะ ไม่ค่อยได้เล่นไม่ค่อยแน่ใจว่าแท็กถูกไหม