วีดีโอความรู้สึกหลังออกจากโรงแบบสดๆร้อนๆไม่กลั่นกรอง >>>>
https://youtu.be/Uk_aE8aT5kI (Subscribe กันด้วยน๊า)
........
หนังเรื่องราวของชีวิตของ ไอ้หมา หนุ่มชีวิตว่างเปล่า ที่อยากจะเป็นใครสักคน หวังยอด like ยอด followers เลยทะเยอทะยานอยากจะเป็นดีเจ แต่เพราะสังคมที่คนจะยอมรับนับถือในปัจจุบัน มักจะให้โอกาสกับคนที่หน้าตา ทำให้เขาเผลอหลงไปทำศัลยกรรม จนหน้าออกมาประหลาด หนำซ้ำสาวแรกรักในความทรงจำของเขาก็เพิ่งมาตาย ทำให้เขาได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีต เพื่อแก้ไขปัจจุบัน
เนื้อเรื่องที่ได้อ่านก่อนเข้าโรงนี่ พาลทำให้นึกว่าเกิดอะไรขึ้น เมายาระหว่างเขียนบท? มันมั่วไปหมด เหมือนมีหลายประเด็นจับฉ่าย แถมหนังล่าสุดของ ผกก. (บุฝผาอาริกาโตะ) ก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ทำให้แบบเกาหัวแกรกๆว่าหนังจะออกมาเป็นยังไงวะ แต่พอได้เห็นตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมา เชี่ยยย น่าสนใจมาก สไตล์ภาพ เพลง มู้ดแอนด์โทน เพลงดังยุค 90's ที่ถูกมาร้องโดยใบเตย + และยังมีโรเบิร์ตสายควัน รู้สึกเลย ว่า
น่าดู แม้จะไม่กล้าคาดหวังกับเนื้อเรื่อง แม้ตัวอย่างจะน่าสนใจมาก
พอหลังจากได้ดู ก็รู้สึกเองนะ ว่าหนังเรื่องนี้ อาจจะแบ่งคนที่ชอบ และคนที่ไม่ชอบ ออกจากกันเลย คนละขั้ว แม้พล็อตจะหวือหวา และน่าจะเป็นหนังโป้งชึ่งมั่วๆได้ด้วยซ้ำ (แบบหนังพจน์ หรือหนังพระนครฟิล์มสมัยก่อนๆเรื่องอื่นๆ เอาใจตลาดชาวบ้าน ดูง่าย) แต่หนังมันถูกคลุมด้วยสไตล์ Minimal ภาพแช่ เฟรมนิ่งบ่อย แม้จะเปลี่ยนช็อต แต่หนังนำเสนอความเพี้ยนๆ ผ่านเฟรมนิ้งๆ ผ่านฉาก และการแสดงของตัวละคร (แม้จะมีเปลี่ยนภาพ เปลี่ยนช็อตไปรับอย่างอื่นบ้าง แต่ก็น้อยมาก) ซึ่งบางคนอาจจะงงว่าทำไมมันนิ่งจะวะ ไม่ Dynamic ฉึบฉับแบบหนังสมัยใหม่เลย แต่เรากลับมองว่า เออ มันเก๋มาก มีฉากแช่หน้านักแสดงลองเทคร้องเพลง มีดอลลี่บ้าง ซึ่งดึงเสน่ห์นักแสดงได้เต็มที่ เช่น ใบเตย แม้ไม่ได้แสดงได้ยอดเยี่ยม แต่หนังก็ใช้ประโยชน์ดึงเสน่ห์เธอออกจากบนจอได้คุ้มมากๆ พวกซีนร้องเพลง ซึนเต้น หรือมุมกล้องที่รับกับแสงที่เล่นกับภาพ และฉากต่างๆ ทำให้หนังดูเก๋ชิบ (โดยส่วนตัวชอบงานโปรดัคชั่น พวกฉาก พวกอะไรต่างๆ มันล้ำๆมาก และแม้แต่ฉากบ้านๆ ก็ดูจัดองค์ประกอบภาพสวยอยู่ดี)
ชอบอีกอย่างที่มุขตลกในหนังไทย หลังๆ มักจะมาพร้อมเสียงซาวด์ล้นๆอันน่ารำคาญเวลาตบมุข แบบ โป้ง ซึ่ง ป๊อง แป่ว..ขนาด GDH เองยังใช้ซาวด์เลย แต่เรื่องนี้คือเงียบ มีความ Cinematic เต็มที่ ซึ่งดีใจมากๆ ที่หนังเลือกเวย์นี้ ที่ถึงจะขำ ก็ให้ขำกริบ มุขผ่านบ้างไม่ผ่านบ้างช่างมัน แต่มีความ Cinematic แน่นอน
มาถึงสิ่งที่คนน่าจะสงสัยที่สุด ว่าบทเรื่องนี้เละไหม หรือหนังมันจะเล่าเรื่องอะไรของมันวะ? มันจะมั่วๆไหมวะ เอาจริงๆ มันก็ดูมั่ว แต่ในความมั่วโยงใยไปมาของมัน มันก็มีเหตุมีผลของมันที่มันมั่ว และหนังมันดึงให้เราไหลไปกับความมั่วเหล่านี้ได้แบบเหลือเชื่อ เพราะปกติหนังมั่วๆเหล่านี้ พอมันหลุดมากๆ เราเองก็จะหลุดจากหนัง แต่เรื่องนี้กลับไม่เลย เรายิ่งสงสัยมากกว่า ว่ามันจะจบแฮปปี้หรือจะเศร้า! ทำให้เราตามติดผ่านตัวละครหลักอย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่อยากรู้ว่าจบยังไง ให้มันจบๆไป
เราพบว่าความมั่วของมัน นำพาไปสู่อะไรบางอย่าง การแก้ไข การไถ่บาป การหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต...ในความมั่วเหล่านี้ มีการคิดมาดี คิด Timeline มาแล้ว แม้จะมีช่องโหว่ แต่เราก็ยอมมันว่ะ แต่ก็อย่างที่บอก เพราะมู้ดแอนด์โทนและจังหวะมันค่อนข้างเฉพาะตัว บวกกับความมั่วที่บางคนอาจไม่ชอบก็ได้ เลยเดาว่า จะต้องมีทั้งคนอยู่ฝั่งชอบ และไม่ชอบ แยกจากกันไปเลย ส่วนข้าพเจ้าเอง ขอยอมรับว่าอยู่ฝั่งชอบ แบบชอบมากๆจ้า
ความรู้สึกหลังออกจากโรง : ดอกฟ้า_หมาแจ๊ส (2017) ชอบกว่าที่คาดไว้มากๆ
........
หนังเรื่องราวของชีวิตของ ไอ้หมา หนุ่มชีวิตว่างเปล่า ที่อยากจะเป็นใครสักคน หวังยอด like ยอด followers เลยทะเยอทะยานอยากจะเป็นดีเจ แต่เพราะสังคมที่คนจะยอมรับนับถือในปัจจุบัน มักจะให้โอกาสกับคนที่หน้าตา ทำให้เขาเผลอหลงไปทำศัลยกรรม จนหน้าออกมาประหลาด หนำซ้ำสาวแรกรักในความทรงจำของเขาก็เพิ่งมาตาย ทำให้เขาได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีต เพื่อแก้ไขปัจจุบัน
เนื้อเรื่องที่ได้อ่านก่อนเข้าโรงนี่ พาลทำให้นึกว่าเกิดอะไรขึ้น เมายาระหว่างเขียนบท? มันมั่วไปหมด เหมือนมีหลายประเด็นจับฉ่าย แถมหนังล่าสุดของ ผกก. (บุฝผาอาริกาโตะ) ก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ทำให้แบบเกาหัวแกรกๆว่าหนังจะออกมาเป็นยังไงวะ แต่พอได้เห็นตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมา เชี่ยยย น่าสนใจมาก สไตล์ภาพ เพลง มู้ดแอนด์โทน เพลงดังยุค 90's ที่ถูกมาร้องโดยใบเตย + และยังมีโรเบิร์ตสายควัน รู้สึกเลย ว่าน่าดู แม้จะไม่กล้าคาดหวังกับเนื้อเรื่อง แม้ตัวอย่างจะน่าสนใจมาก
พอหลังจากได้ดู ก็รู้สึกเองนะ ว่าหนังเรื่องนี้ อาจจะแบ่งคนที่ชอบ และคนที่ไม่ชอบ ออกจากกันเลย คนละขั้ว แม้พล็อตจะหวือหวา และน่าจะเป็นหนังโป้งชึ่งมั่วๆได้ด้วยซ้ำ (แบบหนังพจน์ หรือหนังพระนครฟิล์มสมัยก่อนๆเรื่องอื่นๆ เอาใจตลาดชาวบ้าน ดูง่าย) แต่หนังมันถูกคลุมด้วยสไตล์ Minimal ภาพแช่ เฟรมนิ่งบ่อย แม้จะเปลี่ยนช็อต แต่หนังนำเสนอความเพี้ยนๆ ผ่านเฟรมนิ้งๆ ผ่านฉาก และการแสดงของตัวละคร (แม้จะมีเปลี่ยนภาพ เปลี่ยนช็อตไปรับอย่างอื่นบ้าง แต่ก็น้อยมาก) ซึ่งบางคนอาจจะงงว่าทำไมมันนิ่งจะวะ ไม่ Dynamic ฉึบฉับแบบหนังสมัยใหม่เลย แต่เรากลับมองว่า เออ มันเก๋มาก มีฉากแช่หน้านักแสดงลองเทคร้องเพลง มีดอลลี่บ้าง ซึ่งดึงเสน่ห์นักแสดงได้เต็มที่ เช่น ใบเตย แม้ไม่ได้แสดงได้ยอดเยี่ยม แต่หนังก็ใช้ประโยชน์ดึงเสน่ห์เธอออกจากบนจอได้คุ้มมากๆ พวกซีนร้องเพลง ซึนเต้น หรือมุมกล้องที่รับกับแสงที่เล่นกับภาพ และฉากต่างๆ ทำให้หนังดูเก๋ชิบ (โดยส่วนตัวชอบงานโปรดัคชั่น พวกฉาก พวกอะไรต่างๆ มันล้ำๆมาก และแม้แต่ฉากบ้านๆ ก็ดูจัดองค์ประกอบภาพสวยอยู่ดี)
ชอบอีกอย่างที่มุขตลกในหนังไทย หลังๆ มักจะมาพร้อมเสียงซาวด์ล้นๆอันน่ารำคาญเวลาตบมุข แบบ โป้ง ซึ่ง ป๊อง แป่ว..ขนาด GDH เองยังใช้ซาวด์เลย แต่เรื่องนี้คือเงียบ มีความ Cinematic เต็มที่ ซึ่งดีใจมากๆ ที่หนังเลือกเวย์นี้ ที่ถึงจะขำ ก็ให้ขำกริบ มุขผ่านบ้างไม่ผ่านบ้างช่างมัน แต่มีความ Cinematic แน่นอน
มาถึงสิ่งที่คนน่าจะสงสัยที่สุด ว่าบทเรื่องนี้เละไหม หรือหนังมันจะเล่าเรื่องอะไรของมันวะ? มันจะมั่วๆไหมวะ เอาจริงๆ มันก็ดูมั่ว แต่ในความมั่วโยงใยไปมาของมัน มันก็มีเหตุมีผลของมันที่มันมั่ว และหนังมันดึงให้เราไหลไปกับความมั่วเหล่านี้ได้แบบเหลือเชื่อ เพราะปกติหนังมั่วๆเหล่านี้ พอมันหลุดมากๆ เราเองก็จะหลุดจากหนัง แต่เรื่องนี้กลับไม่เลย เรายิ่งสงสัยมากกว่า ว่ามันจะจบแฮปปี้หรือจะเศร้า! ทำให้เราตามติดผ่านตัวละครหลักอย่างตั้งใจ ไม่ใช่แค่อยากรู้ว่าจบยังไง ให้มันจบๆไป
เราพบว่าความมั่วของมัน นำพาไปสู่อะไรบางอย่าง การแก้ไข การไถ่บาป การหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต...ในความมั่วเหล่านี้ มีการคิดมาดี คิด Timeline มาแล้ว แม้จะมีช่องโหว่ แต่เราก็ยอมมันว่ะ แต่ก็อย่างที่บอก เพราะมู้ดแอนด์โทนและจังหวะมันค่อนข้างเฉพาะตัว บวกกับความมั่วที่บางคนอาจไม่ชอบก็ได้ เลยเดาว่า จะต้องมีทั้งคนอยู่ฝั่งชอบ และไม่ชอบ แยกจากกันไปเลย ส่วนข้าพเจ้าเอง ขอยอมรับว่าอยู่ฝั่งชอบ แบบชอบมากๆจ้า