เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมประสบอุบัติเหตุ โดนรถกระบะชน
เรื่องคดีความนั้น ผู้ขับเป็นฝ่ายผิด
มีอาการกระดูกที่ใบหน้าด้านซ้ายแตกหักสองตำแหน่ง คือหัวคิ้วและเบ้าตา
ได้รับการผ่าตัดเพื่อนำเหล็กดามกระดูก การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี
แต่มีอาการชาที่ใบหน้าด้านซ้ายตรงบริเวณเส้นประสาท Infraorbital
คือตั้งแต่เหงือกด้านบน ริมฝีปากเรื่อยๆผจนถึงใต้ตาซ้าย ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาได้วินิจฉัยว่า
อาการชาที่ว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับภายในหนึ่งปีหรือหนึ่งปีครึ่ง
แพทย์ลงความเห็นว่าผมต้องใช้เวลาพักรักษาตัว หก สัปดาห์
มีใบรับรองแพทย์ มีใบแสดงรายละเอียดการทำ x-ray มีแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลแผ่นฟิล์ม x-ray
ค่ารักษาส่วนนี้ทางโรงพยาบาลได้เบิกจาก พรบ. และประกันภัยรถยนต์ของผู้ขับรถ (ซึ่งมีวงเงินอยู่ที่ห้าแสนแปดหมื่นบาท(รวม พรบ.))
เป็นจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นกว่าบาท
หลังจากนั้นผมยังคงต้องไปพบแพทย์ตามที่นัดอัดหลายครั้ง ตีจำนวนเงินตรงนี้ประมาณหนึ่งหมื่นบาท
หลังจากที่อาการต่างๆเริ่มดีขึ้น อาการแผลถลอกและรอยช้ำต่างๆเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังมีรอยแผลจากการผ่าตัดที่ใบหน้า
และมีอาการตาซ้ายแห้ง
ผมได้ไปทำการขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ขับและประกันภัย โดยเรียกไปที่จำนวนสองแสนหกหมื่นบาท
โดยคิดรวมทั้งค่ารักษาในอนาคตทั้งเรื่องแผลจากการผ่าตัดผ่าและตาที่แห้ง จำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียม และค่าทำขวัญ
หลังจากนั้นสองสัปดาห์ก็นัดมาพบกันอีกครั้ง ฝ่ายประกันบอกว่าได้การอนุมัติมาที่สามหมื่นบาท
ซึ่งผมเห็นว่ามันน้อยเกินกว่าที่จะยอมรับได้ เพราะเมื่อหักลบแค่ค่าใช้จ่ายในการไปพบแพทย์ตามที่นัดก็ปาเข้าไปหนึ่งหมื่นบาทแล้ว
รวมกับรายได้ที่ผมต้องเสียไปตามเวลาหกสัปดาห์ตามที่แพทย์ระบุ โดยคิดแค่ระดับค่าจ้างขั้นต่ำก็เป็นจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันบาท
จะเท่ากับว่าผมได้ค่าทดแทน แปดพันบาท
ซึ่งเงินจำนวนแค่นี้ผมทำงานเดือนๆนึงผมก็ได้มากกว่านี้อยู่แล้ว
มันไม่สามารถชดเชยทดแทนความปกติของร่างกายสิ่งที่ผมต้องเสียไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ทำไมทาง LMG เค้าถึงให้มาเพียงเท่านี้ เหมือนกับผมหกล้มเล็กน้อยมีแผลฟกช้ำ
ทั้งๆที่ผมกระดูกใบหน้าหักสองตำแหน่ง สภาพวันแรกๆใบหน้าบวมบานอักเสบมีแผลช้ำเลือดช้ำหนองน่าสยดสยอง
ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ใส่เหล็กดามกระดูก
อยากถามความเห็นว่า ในกรณีของผมนี้ ค่าสินไหมที่ควรได้รับคือประมาณเท่าไหร่ครับ
และผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
ขอคำปรึกษา เรื่องค่าสินไหมทดแทนจากการโดนรถชน
เรื่องคดีความนั้น ผู้ขับเป็นฝ่ายผิด
มีอาการกระดูกที่ใบหน้าด้านซ้ายแตกหักสองตำแหน่ง คือหัวคิ้วและเบ้าตา
ได้รับการผ่าตัดเพื่อนำเหล็กดามกระดูก การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี
แต่มีอาการชาที่ใบหน้าด้านซ้ายตรงบริเวณเส้นประสาท Infraorbital
คือตั้งแต่เหงือกด้านบน ริมฝีปากเรื่อยๆผจนถึงใต้ตาซ้าย ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาได้วินิจฉัยว่า
อาการชาที่ว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับภายในหนึ่งปีหรือหนึ่งปีครึ่ง
แพทย์ลงความเห็นว่าผมต้องใช้เวลาพักรักษาตัว หก สัปดาห์
มีใบรับรองแพทย์ มีใบแสดงรายละเอียดการทำ x-ray มีแผ่นซีดีที่บรรจุข้อมูลแผ่นฟิล์ม x-ray
ค่ารักษาส่วนนี้ทางโรงพยาบาลได้เบิกจาก พรบ. และประกันภัยรถยนต์ของผู้ขับรถ (ซึ่งมีวงเงินอยู่ที่ห้าแสนแปดหมื่นบาท(รวม พรบ.))
เป็นจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นกว่าบาท
หลังจากนั้นผมยังคงต้องไปพบแพทย์ตามที่นัดอัดหลายครั้ง ตีจำนวนเงินตรงนี้ประมาณหนึ่งหมื่นบาท
หลังจากที่อาการต่างๆเริ่มดีขึ้น อาการแผลถลอกและรอยช้ำต่างๆเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังมีรอยแผลจากการผ่าตัดที่ใบหน้า
และมีอาการตาซ้ายแห้ง
ผมได้ไปทำการขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ขับและประกันภัย โดยเรียกไปที่จำนวนสองแสนหกหมื่นบาท
โดยคิดรวมทั้งค่ารักษาในอนาคตทั้งเรื่องแผลจากการผ่าตัดผ่าและตาที่แห้ง จำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียม และค่าทำขวัญ
หลังจากนั้นสองสัปดาห์ก็นัดมาพบกันอีกครั้ง ฝ่ายประกันบอกว่าได้การอนุมัติมาที่สามหมื่นบาท
ซึ่งผมเห็นว่ามันน้อยเกินกว่าที่จะยอมรับได้ เพราะเมื่อหักลบแค่ค่าใช้จ่ายในการไปพบแพทย์ตามที่นัดก็ปาเข้าไปหนึ่งหมื่นบาทแล้ว
รวมกับรายได้ที่ผมต้องเสียไปตามเวลาหกสัปดาห์ตามที่แพทย์ระบุ โดยคิดแค่ระดับค่าจ้างขั้นต่ำก็เป็นจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันบาท
จะเท่ากับว่าผมได้ค่าทดแทน แปดพันบาท
ซึ่งเงินจำนวนแค่นี้ผมทำงานเดือนๆนึงผมก็ได้มากกว่านี้อยู่แล้ว
มันไม่สามารถชดเชยทดแทนความปกติของร่างกายสิ่งที่ผมต้องเสียไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ทำไมทาง LMG เค้าถึงให้มาเพียงเท่านี้ เหมือนกับผมหกล้มเล็กน้อยมีแผลฟกช้ำ
ทั้งๆที่ผมกระดูกใบหน้าหักสองตำแหน่ง สภาพวันแรกๆใบหน้าบวมบานอักเสบมีแผลช้ำเลือดช้ำหนองน่าสยดสยอง
ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ใส่เหล็กดามกระดูก
อยากถามความเห็นว่า ในกรณีของผมนี้ ค่าสินไหมที่ควรได้รับคือประมาณเท่าไหร่ครับ
และผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ