ป้ายรถเมล์ในลอนดอนและพิพิธภัณฑ์ของล้ำค่าจากทั่วโลก
หนังพาไป ตอนที่ 4
เดินทางมาจนถึงตอนที่ 4 แล้วสำหรับรายการหนังพาไปปี 4 ที่จะเป็นปีสุดท้ายแล้วโดยตั้งแต่ตอนแรกนั้นเริ่มต้นการเดินทางที่ประเทศอังกฤษและวนเวียนอยู่ในเมืองหลวงกรุงลอนดอนตั้งแต่เทปแรกจนกระทั่งเทปล่าสุดที่พาคนดูมาทำความรู้จักกับป้ายรถเมล์ในกรุงลอนดอน ปกติแล้วรายการท่องเที่ยวทั่วไปจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องป้ายรถเมล์กันสักเท่าไรนักแต่ยกเว้นรายการนี้ที่ผู้ดำเนินรายการมักให้ความสนใจกับระบบขนส่งมวลชนในแต่ละเมืองที่ได้เดินทางไป ที่สำคัญชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างของบ้านเรากับบ้านเขาด้วยซึ่งมีทั้งที่ของเขาดีกว่าและแย่กว่า (แต่ที่แย่กว่านี่เหมือนจะมีน้อยกว่ามากเลยนะ) ในส่วนของป้ายรถเมล์ในกรุงลอนดอนนั้นถึงจะยังไม่ได้เห็นก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าของบ้านเขาย่อมดีกว่าบ้านเราแน่นอนเพราะไม่ใช่แค่ความเป็นเมืองหลวงของประเทศโลกที่หนึ่งเท่านั้นหรอกนะแต่เราก็คงพอเข้าใจกันได้อยู่แล้วว่าระบบขนส่งมวลชนบ้านเรานั้นย่ำแย่เพียงใด เราไม่ใช่ว่าไม่มีศักยภาพที่จะทำแต่เราไม่ทำด้วยเหตุผลที่น่าสลดหดหู่ใจหลายๆเหตุผล ทุกวันนี้เราจึงต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้กันต่อไป
จากนั้นผู้ดำเนินรายการ บอลและยอด พาเราไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ระดับโลก พิพิธภัณฑ์บริติช หรือ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ นั่นเอง ที่นี่มีการออกแบบเป็นอย่างดีสามารถผสมผสานความทันสมัยเข้าไปช่วยทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่น่าเบื่อและดูเคร่งขรึมจนเกินไปแบบพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบ้านเราที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเสริมสร้างลูกเล่นอะไรมากนักเพื่อที่จะสามารถดึงดูดคนให้มาเข้าชมได้อย่างเต็มใจ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เพียงสถานที่สำหรับทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนเท่านั้น
เหลือสิ่งอื่นใดที่นี่สิ่งของล้ำค่าจากทั่วโลกที่อังกฤษซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นชนชาติที่ได้ชื่อว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเพราะในยุคล่าอาณานิคมนั้นอังกฤษสามารถเข้าไปยึดครองประเทศต่างๆทั่วโลกเป็นอาณานิคมของตนเอง และยังนำเอาสิ่งของมีค่าหลายอย่างกลับมายังประเทศของตนเองอีกด้วย สิ่งของเหล่านั้นได้กลายเป็นวัตถุโบราณที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ มันทั้งเก่าแก่ สวยงาม และทรงคุณค่าในตัวของมันเอง หากอังกฤษไม่นำเอาข้าวของเหล่านี้กลับมารักษาไว้ที่ประเทศของตนเองเราก็อาจจะไม่ได้เห็นอย่างเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้ เราคงต้องยอมรับว่าคนอังกฤษเป็นผู้ที่ตระหนักถึงการเก็บรักษาสิ่งของล้ำค่าได้เป็นอย่างดี แต่ความเป็นจริงคือสิ่งของล้ำค่าเหล่านั้นไม่ใช่ของอังกฤษตั้งแต่แรก เจ้าของที่แท้จริงย่อมมีสิทธิ์เรียกคืน นี่จึงนำมาซึ่งคำถามที่เหมือนจะตอบไม่ยากเลยว่า ถ้าเจ้าของขอคืนแล้วควรจะคืนหรือไม่ แน่นอนว่าควรต้องคืนอยู่แล้ว แต่ถ้าสิ่งของเหล่านั้นกลับไปสู่เจ้าของเดิมแล้วพวกเขาจะสามารถเก็บรักษาได้ดีเท่ากับอังกฤษหรือไม่ และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นอย่างไรหากไร้ซึ่งสมบัติล้ำค่าจากทั่วโลก
ผ่านมา 4 ตอนแล้วต้องบอกเลยว่าตอนที่ 4 นี้คือชอบมากที่สุดแล้วเพราะได้รู้จักกับป้ายรถเมล์ดีๆในลอนดอนที่เราจะหาไม่ได้จากบ้านเรา ที่สำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยที่จะทำเรื่องพวกนี้แต่น่าเศร้าที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมองไม่เห็นความสำคัญของเรื่องพวกนี้เลย และยังพาเราไปตื่นตาตื่นใจกับสมบัติล้ำค่าทั่วโลกที่ตอนดูนั้นรู้สึกเผลอตัวร่วมลุ้นไปด้วยอย่างใจจดใจจ่อ (เกินเหตุ) แล้วก็ทิ้งท้ายด้วยประเด็นที่ชวนขบคิดได้อย่างหนักหน่วง
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
ขบเคี้ยวหนัง
#หนังพาไป
[CR] ป้ายรถเมล์ในลอนดอนและพิพิธภัณฑ์ของล้ำค่าจากทั่วโลก หนังพาไป ตอนที่ 4
ป้ายรถเมล์ในลอนดอนและพิพิธภัณฑ์ของล้ำค่าจากทั่วโลก
หนังพาไป ตอนที่ 4
เดินทางมาจนถึงตอนที่ 4 แล้วสำหรับรายการหนังพาไปปี 4 ที่จะเป็นปีสุดท้ายแล้วโดยตั้งแต่ตอนแรกนั้นเริ่มต้นการเดินทางที่ประเทศอังกฤษและวนเวียนอยู่ในเมืองหลวงกรุงลอนดอนตั้งแต่เทปแรกจนกระทั่งเทปล่าสุดที่พาคนดูมาทำความรู้จักกับป้ายรถเมล์ในกรุงลอนดอน ปกติแล้วรายการท่องเที่ยวทั่วไปจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องป้ายรถเมล์กันสักเท่าไรนักแต่ยกเว้นรายการนี้ที่ผู้ดำเนินรายการมักให้ความสนใจกับระบบขนส่งมวลชนในแต่ละเมืองที่ได้เดินทางไป ที่สำคัญชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างของบ้านเรากับบ้านเขาด้วยซึ่งมีทั้งที่ของเขาดีกว่าและแย่กว่า (แต่ที่แย่กว่านี่เหมือนจะมีน้อยกว่ามากเลยนะ) ในส่วนของป้ายรถเมล์ในกรุงลอนดอนนั้นถึงจะยังไม่ได้เห็นก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าของบ้านเขาย่อมดีกว่าบ้านเราแน่นอนเพราะไม่ใช่แค่ความเป็นเมืองหลวงของประเทศโลกที่หนึ่งเท่านั้นหรอกนะแต่เราก็คงพอเข้าใจกันได้อยู่แล้วว่าระบบขนส่งมวลชนบ้านเรานั้นย่ำแย่เพียงใด เราไม่ใช่ว่าไม่มีศักยภาพที่จะทำแต่เราไม่ทำด้วยเหตุผลที่น่าสลดหดหู่ใจหลายๆเหตุผล ทุกวันนี้เราจึงต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้กันต่อไป
จากนั้นผู้ดำเนินรายการ บอลและยอด พาเราไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ระดับโลก พิพิธภัณฑ์บริติช หรือ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ นั่นเอง ที่นี่มีการออกแบบเป็นอย่างดีสามารถผสมผสานความทันสมัยเข้าไปช่วยทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่น่าเบื่อและดูเคร่งขรึมจนเกินไปแบบพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบ้านเราที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเสริมสร้างลูกเล่นอะไรมากนักเพื่อที่จะสามารถดึงดูดคนให้มาเข้าชมได้อย่างเต็มใจ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เพียงสถานที่สำหรับทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนเท่านั้น
เหลือสิ่งอื่นใดที่นี่สิ่งของล้ำค่าจากทั่วโลกที่อังกฤษซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นชนชาติที่ได้ชื่อว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเพราะในยุคล่าอาณานิคมนั้นอังกฤษสามารถเข้าไปยึดครองประเทศต่างๆทั่วโลกเป็นอาณานิคมของตนเอง และยังนำเอาสิ่งของมีค่าหลายอย่างกลับมายังประเทศของตนเองอีกด้วย สิ่งของเหล่านั้นได้กลายเป็นวัตถุโบราณที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ มันทั้งเก่าแก่ สวยงาม และทรงคุณค่าในตัวของมันเอง หากอังกฤษไม่นำเอาข้าวของเหล่านี้กลับมารักษาไว้ที่ประเทศของตนเองเราก็อาจจะไม่ได้เห็นอย่างเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้ เราคงต้องยอมรับว่าคนอังกฤษเป็นผู้ที่ตระหนักถึงการเก็บรักษาสิ่งของล้ำค่าได้เป็นอย่างดี แต่ความเป็นจริงคือสิ่งของล้ำค่าเหล่านั้นไม่ใช่ของอังกฤษตั้งแต่แรก เจ้าของที่แท้จริงย่อมมีสิทธิ์เรียกคืน นี่จึงนำมาซึ่งคำถามที่เหมือนจะตอบไม่ยากเลยว่า ถ้าเจ้าของขอคืนแล้วควรจะคืนหรือไม่ แน่นอนว่าควรต้องคืนอยู่แล้ว แต่ถ้าสิ่งของเหล่านั้นกลับไปสู่เจ้าของเดิมแล้วพวกเขาจะสามารถเก็บรักษาได้ดีเท่ากับอังกฤษหรือไม่ และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นอย่างไรหากไร้ซึ่งสมบัติล้ำค่าจากทั่วโลก
ผ่านมา 4 ตอนแล้วต้องบอกเลยว่าตอนที่ 4 นี้คือชอบมากที่สุดแล้วเพราะได้รู้จักกับป้ายรถเมล์ดีๆในลอนดอนที่เราจะหาไม่ได้จากบ้านเรา ที่สำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยที่จะทำเรื่องพวกนี้แต่น่าเศร้าที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมองไม่เห็นความสำคัญของเรื่องพวกนี้เลย และยังพาเราไปตื่นตาตื่นใจกับสมบัติล้ำค่าทั่วโลกที่ตอนดูนั้นรู้สึกเผลอตัวร่วมลุ้นไปด้วยอย่างใจจดใจจ่อ (เกินเหตุ) แล้วก็ทิ้งท้ายด้วยประเด็นที่ชวนขบคิดได้อย่างหนักหน่วง
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
ขบเคี้ยวหนัง
#หนังพาไป