สวัสดีค่า
วันนี้ จะมาเล่าอาการเจ็บป่วยของร่างกาย เผื่อเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ นะ
จขกท อายุ 40 ในเดือนธันวาคมนี้ล่ะ
อาการเริ่มของการเจ็บป่วยนี้ คืออาการปวดเข่าขวา หรือจริงๆ อาจจะเป็นอาการปวดเหนือหัวเข่า ซึ่งตอนนั้น ก็ไม่ได้คิดว่ามันเหนือ หรือมันตรงเข่า แบบดูจากสภาพง่าย ๆ ก็ว่าปวดเข่าไปก่อนน่ะ เดินไปก็มีเสียงหัวเข่าไป ก็คิดว่าใช่ มันต้องใช่แน่ (อีกข้างก็มีเสียงนะแต่ไม่ปวด นั่นแหล่ะ ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าทำไมไม่ปวดเหมือนกัน 55+) อาการปวดแบบไม่เยอะมากนะ มา ๆ ไป ๆ
ช่วงปลายปีที่แล้ว รู้สึกอยากออกกำลังกาย เลยไปหาที่ต่อยมวยซะ ดูฮาร์ดคอร์ ใช้แรงดี มียิมแถวบ้าน ราคาไม่แรงด้วย
ในคลาส เค้าก็จะสอนตามขั้นตอนแหล่ะ วอร์มอัพ เวท บอดี้เวท แล้วเข้าเป้า ไรงี้ สนุกสนานดีมาก ตอนนั้นก็ไม่มีอาการอะไรนอกเหนือจากการปวดเข่าขวา ก็พยายามหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้เจ็บเข่าไป ก็โอเคนะ เหมือนว่ามันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร กล้ามเนื้อได้ใช้งาน หัวใจได้สูบฉีด มันช่างดีจริงๆ
ต่อยมาจนซักกลางปีมั้ง คนข้างตัวก็ปวดเข่า (อันนี้ปวดของเข่าจริงๆ) เลยจะไปปั่นจักรยาน เราก็เอาด้วย ปั่นด้วยกัน กีฬาเซฟหัวเข่า สนุกสนาน เลยหยุดต่อยมวยไป ก็ไปปั่นกัน ปั่นแถวบ้าน ไปงานปั่นบ้าง ไกลสุดก็ 80 กิโล ค่อนข้างไปได้ด้วยดี แต่ในช่วงก่อนจะเริ่มปั่นนี่แหล่ะ ที่มีอาการเพิ่มเติมคือ ปวดเมื่อยขา (โดยเฉพาะต้นขาขวา) แบบเบาๆ โดยที่คิดว่าคงปวดเมื่อยธรรมดา จนไปปั่น ก็คิดว่าปวดกล้ามเนื้อธรรมดาที่ใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้น ซึ่งมันก็บรรเทาลงไปตามเวลาที่ได้พักขา เลยไม่ใส่ใจอีก
อาการต่อมาที่เพิ่มคือ ปวดจี๊ดลงกลางฝ่าเท้าข้างขวา แบบเวลาเดินเท้าป่าว ๆ ใส่รองเท้าส้นแบน ๆ ลงเท้าหนัก ๆ เวลาลงบันได หรือต่างระดับ เราก็เอ เส้นตึงเหรอ (น่ะ นึกไปเรื่อย 55+) คือไม่ได้ใส่ใจมากอีกเพราะ ตอนต่อยมวย ข้างซ้ายเคยจี๊ด แต่จี๊ดไปที่เส้นอันหลังเท้า น่าจะอักเสบ เพราะว่าหายเองเมื่อได้พัก เราก็นึกว่า เออ เหมือนๆ กันแหล่ะ
.....แต่เริ่มไม่เหมือน เมื่อไม่หาย เราก็ไปหาอ่านในเน็ต หรือว่าเท้าผิดรูปหว่า เป็นรองช้ำมั้ย แต่เท้าก็ไม่แบนนา แต่ไม่เป็นไร ไปหารองเท้าสุขภาพใส่.....อาการจี๊ดดูเหมือนจะดีขึ้น แต่จะยังมาบ้างนานๆๆๆๆๆ ครั้ง ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพ เราก็ว่าใช่ล่ะ มาถูกทางแล้ว
แต่อาการเมื่อยต้นขาอะไร หน่วงๆ เข่านี่ ยังอยู่ดีนะ ก็พยายามนวด ๆ เข้าร้านนวดเป็นประจำ 55+ กินกลูโคซามีนเพิ่มไปด้วย แต่ไม่เห็นกะเปลี่ยนแปลงวุ้ย
จนอาการต่อมาคือ ปวดเมื่อยมากขึ้น และปวดมาที่สะโพก และเอวด้านขวา อาจจะเป็นเพราะไปกระโดดเชือกรึป่าวก็ไม่รู้ ช่วงนั้นไม่ค่อยได้ปั่น เลยอยากออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน โดดเชือกละกันงั้น โดดไปไม่เยอะ ร้อยทีเอง 55+
หลังจากที่มีอาการปวดสะโพกและเอวขึ้น ขาก็เริ่มปวดเมื่อย ล้ามากขึ้น ออกแนวต้องทุบๆ ตุบๆ บริเวณบั้นเอว และสะโพกอยู่บ่อยครั้ง จนแบบว่ามันปวดจนรู้สึกผิดปกติ (เพิ่งจะรู้สึก) คือนั่งทำงานนาน ๆ อาการยิ่งแย่ๆ เลยหาข้อมูลใหม่ มีแววว่าหมอนรองกระดูกจะแย่แฮะ แต่ไม่รู้จะปลิ้น จะทับ จะแตก หรือยังไง หรือจะเป็นกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นปราสาทนะ อาการเหมือนกันเด๊ะเลย
เลยได้เริ่มการไปหาหมอ เรานัดหมอที่ศูนย์กระดูกและข้อเลย โดยไม่ผ่านอายุรกรรม (เอกชนเค้าเลือกนัดหมอได้อ่ะ ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพไป)
หมอก็ถามอาการ แล้วตรวจเช็ครอบแรกแบบง่าย ๆ ด้วยการนอนแล้วยกขา แล้วหมอกดปลายขา อาการก็จะแปล้บ ๆ ตึง ๆ มากกว่าอีกข้างที่ไม่เป็น
หมอก็สันนิษฐานว่า เป็นหมอนรองกระดูกแตก ตอนฟังนี่แบบ แตกตอนไหนฟระ อะไรยังไง เอ...แล้วมันยังไงล่ะเนี่ย
คือหมอก็บอกว่า อาการยังไม่แย่นะ ดูแล้วไม่ได้เป็นมาก เพราะขาไม่ชา ไม่มีอ่อนแรง ก็เอายาไปกินก่อนนะ เป็นวิตามินบำรุง กับรักษาปลายประสาท 2 อาทิตย์มเจอกัน
ก็กินไป ครบกำหนดหมอนัด หมอก็ถามว่า ดีขึ้นมั้ย ก็ดีนิดนึง 55+ นิดเดียวอ่ะ ตอนนอนหลับสบายดี แต่พอเวลาปกติ มันก็ปวด แล้วก็ไม่ปวด สลับไปยังงี้ ถือว่านิดเดียวละกัน ดีขึ้นไม่ถึง 50% ล่ะ หมอเลยสั่ง mri เพื่อหารอยโรคที่แท้จริง อ่ะ จัดไป เข้าอุโมงค์ก็เข้า
ได้คิว mri อีกห้าวันถัดมา แล้วนัดหมอในวันถัดไปเลย
(นอกเรื่องตอน mri ทรมานชะมัด ห้ามกระดิกเนี่ย แล้วบอกห้ามกระดิก เหมือนยิ่งอยากกระดิก แบบโอ้ย ตรูจะไอมั้ย จะจามมั้ย คิดสารพัด สรุปผ่านไปได้เพราะสวดมนต์ ถึงจะจบบทมั่งไม่จบมั่ง ก็ถือว่าดีในการสงบจิตใจเลย)
ก่อนที่หมอจะให้ดูผล mri หมอซักประวัติอีกครั้งถึงอาการปวด ก็บอกหมอไปว่า มันปวดเข่าก่อน แล้วก็จี๊ดๆ แล้วก็ปวดเมื่อยต้นขา สะโพวก เอาว่า จากเข่าขึ้นด้านบนน่ะ แล้วหมอก็เฉลยว่า งั้นก็ตรงกันล่ะ เพราะหมอนรองกระดูกแตกที่ L3, L4 (แต่ยังมีอีกอันจะแค่โปน ๆ อยู่)
ลักษณะการแตกคือหมอนรองจะโปนออกมา ทำให้ส่วนด้านในที่เป็นกลมๆ กลายเป็นสามเหลี่ยม (ไม่แบนนะ) นั่นแหล่ะทำให้มันปวดร้าวไปถึงเหนือหัวเข่า...หมอไม่ได้บอกว่าเข่านะ คือมันทำให้เรารู้สึกไปเองว่าเราปวดเข่า แต่จริงๆ เข่าเราปกติสุขมาก
หนทางแก้ไข....อยู่กับมัน หรือไม่ก็ผ่าตัด 555+ ผ่าตัดนี่คืออ๊อบชั่นเสริมนะ เผื่อไม่อยากอยู่กับมันแล้ว เพราะมันเป็นแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะหายคือต้องผ่าตัด แต่ถ้ายังอยู่กับมันได้ก็อยู่ไปก่อน ถ้าไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันเราขนาดที่ไม่อยากจะทน...อ่อ หมอบอกว่า หมอรังสีแจ้งใน mri ว่าเรายังเป็นระดับน้อย ซึ่งหมอก็ดูว่ายังไม่ได้แย่เหมือนกัน แต่เดาจากเวลาที่เป็นมาแล้วตอนปวดเข่า คือไม่น่าจะหายได้เองแล้ว เพราะปกติหมอนรองกระดูกแตก จะมีโอกาสหายได้เอง แต่เกินสองเดือน อาจจะไม่หายแล้ว
ก็โอเคอ่ะหมอ....พอทำใจมาล่ะว่าคงเป็นซักโรค แต่% ที่คิดว่าจะเป็นคือกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทมากกว่า เพราะอาการเหมือนกันทุกสิ่งอย่าง แล้วไม่คิดว่าเป็นหมอนรองกระดูก เพราะไม่ปวดหลังเลย แนวสันหลังนี่กริบมาก มาตรงสะโพกลงขาล้วนๆ
จากนี้ทำไรได้มั่งเหรอ หมอบอก...ใช้ชีวิตได้ปกติ แค่ไม่ยกของหนัก นั่งนาน ๆ และไอจามแรงๆ มันจะกระเทือนหลัง เลยคิดต่อว่า อะไรที่กระเทือนหลังก็คงทำไม่ได้เช่นกัน แต่จักรยาน ปั่นได้นะ หมอบอก 55+ ก็กินยาบำรุง กับรักษาระบบประสาทไป 2 เดือนนัดเจอหมอใหม่
สรุปอาการของเรา
1. ปวดหน่วงๆ เหนือหัวเข่าข้างขวา ปวดเหมือนคนออกกำลังกายแล้วปวดกล้ามเนื้อนั่นแหล่ะ ปวดแบบหนัก ๆ อ่ะ
2. มีอาการจี๊ดลงกลางเท้าข้างขวาอย่างฉับพลัน
3. ปวดบั้นเอว และสะโพกข้างขวา พร้อมด้วยปวดเมื่อยขาข้างขวาตลอดเวลา ลงน่องบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ตลอดเหมือนต้นขา
ไม่เคยมีอาการชาที่ขาขวาเลย
สาเหตุ...เราก็ไม่รู้ แต่คงอาจจะเพราะพฤติกรรมการใช้ร่างกายที่ผิด ๆ ประกอบกับกิจกรรมกีฬาบางอย่างรุนแรง เลยสะสมมาจนมันเป็นยังงี้นั่นแหล่ะ
ตอนนี้เราก็พยายามสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง ท้องไว้ (ปกติแพลงค์ประจำนะ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ด้วย ไม่รู้มันช่วยให้เราเป็นในระดับน้อยรึป่าว) และว่าจะไปแพทย์ทางเเลือก (นวดที่ รพ) กับเวชศาสตร์ฟื้นฟู (กายภาพบำบัด) ดูซะหน่อย เผื่อจะได้แนวทางการดูแลและรักษาตัวเองไม่ให้เป็นมากกว่านี้
เอาว่า คงพอมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยเนอะ อาจจะดูเวิ้นเว้อบางครั้ง แต่ก็เพื่อให้เห็นว่ามันไปมายังไงอะไรยังงี้ ใครมีอาการอะไรที่ไม่ปกติมาก อย่ารอช้านะ ควรรีบไปหาสาเหตุซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า
ขอบคุณจ้า
@@ เมื่ออาการปวดเข่า ไม่ใช่ที่เข่า แต่เป็นหมอนรองกระดูกแตก @@
วันนี้ จะมาเล่าอาการเจ็บป่วยของร่างกาย เผื่อเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ นะ
จขกท อายุ 40 ในเดือนธันวาคมนี้ล่ะ
อาการเริ่มของการเจ็บป่วยนี้ คืออาการปวดเข่าขวา หรือจริงๆ อาจจะเป็นอาการปวดเหนือหัวเข่า ซึ่งตอนนั้น ก็ไม่ได้คิดว่ามันเหนือ หรือมันตรงเข่า แบบดูจากสภาพง่าย ๆ ก็ว่าปวดเข่าไปก่อนน่ะ เดินไปก็มีเสียงหัวเข่าไป ก็คิดว่าใช่ มันต้องใช่แน่ (อีกข้างก็มีเสียงนะแต่ไม่ปวด นั่นแหล่ะ ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าทำไมไม่ปวดเหมือนกัน 55+) อาการปวดแบบไม่เยอะมากนะ มา ๆ ไป ๆ
ช่วงปลายปีที่แล้ว รู้สึกอยากออกกำลังกาย เลยไปหาที่ต่อยมวยซะ ดูฮาร์ดคอร์ ใช้แรงดี มียิมแถวบ้าน ราคาไม่แรงด้วย
ในคลาส เค้าก็จะสอนตามขั้นตอนแหล่ะ วอร์มอัพ เวท บอดี้เวท แล้วเข้าเป้า ไรงี้ สนุกสนานดีมาก ตอนนั้นก็ไม่มีอาการอะไรนอกเหนือจากการปวดเข่าขวา ก็พยายามหลีกเลี่ยงท่าที่ทำให้เจ็บเข่าไป ก็โอเคนะ เหมือนว่ามันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร กล้ามเนื้อได้ใช้งาน หัวใจได้สูบฉีด มันช่างดีจริงๆ
ต่อยมาจนซักกลางปีมั้ง คนข้างตัวก็ปวดเข่า (อันนี้ปวดของเข่าจริงๆ) เลยจะไปปั่นจักรยาน เราก็เอาด้วย ปั่นด้วยกัน กีฬาเซฟหัวเข่า สนุกสนาน เลยหยุดต่อยมวยไป ก็ไปปั่นกัน ปั่นแถวบ้าน ไปงานปั่นบ้าง ไกลสุดก็ 80 กิโล ค่อนข้างไปได้ด้วยดี แต่ในช่วงก่อนจะเริ่มปั่นนี่แหล่ะ ที่มีอาการเพิ่มเติมคือ ปวดเมื่อยขา (โดยเฉพาะต้นขาขวา) แบบเบาๆ โดยที่คิดว่าคงปวดเมื่อยธรรมดา จนไปปั่น ก็คิดว่าปวดกล้ามเนื้อธรรมดาที่ใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้น ซึ่งมันก็บรรเทาลงไปตามเวลาที่ได้พักขา เลยไม่ใส่ใจอีก
อาการต่อมาที่เพิ่มคือ ปวดจี๊ดลงกลางฝ่าเท้าข้างขวา แบบเวลาเดินเท้าป่าว ๆ ใส่รองเท้าส้นแบน ๆ ลงเท้าหนัก ๆ เวลาลงบันได หรือต่างระดับ เราก็เอ เส้นตึงเหรอ (น่ะ นึกไปเรื่อย 55+) คือไม่ได้ใส่ใจมากอีกเพราะ ตอนต่อยมวย ข้างซ้ายเคยจี๊ด แต่จี๊ดไปที่เส้นอันหลังเท้า น่าจะอักเสบ เพราะว่าหายเองเมื่อได้พัก เราก็นึกว่า เออ เหมือนๆ กันแหล่ะ
.....แต่เริ่มไม่เหมือน เมื่อไม่หาย เราก็ไปหาอ่านในเน็ต หรือว่าเท้าผิดรูปหว่า เป็นรองช้ำมั้ย แต่เท้าก็ไม่แบนนา แต่ไม่เป็นไร ไปหารองเท้าสุขภาพใส่.....อาการจี๊ดดูเหมือนจะดีขึ้น แต่จะยังมาบ้างนานๆๆๆๆๆ ครั้ง ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพ เราก็ว่าใช่ล่ะ มาถูกทางแล้ว
แต่อาการเมื่อยต้นขาอะไร หน่วงๆ เข่านี่ ยังอยู่ดีนะ ก็พยายามนวด ๆ เข้าร้านนวดเป็นประจำ 55+ กินกลูโคซามีนเพิ่มไปด้วย แต่ไม่เห็นกะเปลี่ยนแปลงวุ้ย
จนอาการต่อมาคือ ปวดเมื่อยมากขึ้น และปวดมาที่สะโพก และเอวด้านขวา อาจจะเป็นเพราะไปกระโดดเชือกรึป่าวก็ไม่รู้ ช่วงนั้นไม่ค่อยได้ปั่น เลยอยากออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน โดดเชือกละกันงั้น โดดไปไม่เยอะ ร้อยทีเอง 55+
หลังจากที่มีอาการปวดสะโพกและเอวขึ้น ขาก็เริ่มปวดเมื่อย ล้ามากขึ้น ออกแนวต้องทุบๆ ตุบๆ บริเวณบั้นเอว และสะโพกอยู่บ่อยครั้ง จนแบบว่ามันปวดจนรู้สึกผิดปกติ (เพิ่งจะรู้สึก) คือนั่งทำงานนาน ๆ อาการยิ่งแย่ๆ เลยหาข้อมูลใหม่ มีแววว่าหมอนรองกระดูกจะแย่แฮะ แต่ไม่รู้จะปลิ้น จะทับ จะแตก หรือยังไง หรือจะเป็นกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นปราสาทนะ อาการเหมือนกันเด๊ะเลย
เลยได้เริ่มการไปหาหมอ เรานัดหมอที่ศูนย์กระดูกและข้อเลย โดยไม่ผ่านอายุรกรรม (เอกชนเค้าเลือกนัดหมอได้อ่ะ ใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพไป)
หมอก็ถามอาการ แล้วตรวจเช็ครอบแรกแบบง่าย ๆ ด้วยการนอนแล้วยกขา แล้วหมอกดปลายขา อาการก็จะแปล้บ ๆ ตึง ๆ มากกว่าอีกข้างที่ไม่เป็น
หมอก็สันนิษฐานว่า เป็นหมอนรองกระดูกแตก ตอนฟังนี่แบบ แตกตอนไหนฟระ อะไรยังไง เอ...แล้วมันยังไงล่ะเนี่ย
คือหมอก็บอกว่า อาการยังไม่แย่นะ ดูแล้วไม่ได้เป็นมาก เพราะขาไม่ชา ไม่มีอ่อนแรง ก็เอายาไปกินก่อนนะ เป็นวิตามินบำรุง กับรักษาปลายประสาท 2 อาทิตย์มเจอกัน
ก็กินไป ครบกำหนดหมอนัด หมอก็ถามว่า ดีขึ้นมั้ย ก็ดีนิดนึง 55+ นิดเดียวอ่ะ ตอนนอนหลับสบายดี แต่พอเวลาปกติ มันก็ปวด แล้วก็ไม่ปวด สลับไปยังงี้ ถือว่านิดเดียวละกัน ดีขึ้นไม่ถึง 50% ล่ะ หมอเลยสั่ง mri เพื่อหารอยโรคที่แท้จริง อ่ะ จัดไป เข้าอุโมงค์ก็เข้า
ได้คิว mri อีกห้าวันถัดมา แล้วนัดหมอในวันถัดไปเลย
(นอกเรื่องตอน mri ทรมานชะมัด ห้ามกระดิกเนี่ย แล้วบอกห้ามกระดิก เหมือนยิ่งอยากกระดิก แบบโอ้ย ตรูจะไอมั้ย จะจามมั้ย คิดสารพัด สรุปผ่านไปได้เพราะสวดมนต์ ถึงจะจบบทมั่งไม่จบมั่ง ก็ถือว่าดีในการสงบจิตใจเลย)
ก่อนที่หมอจะให้ดูผล mri หมอซักประวัติอีกครั้งถึงอาการปวด ก็บอกหมอไปว่า มันปวดเข่าก่อน แล้วก็จี๊ดๆ แล้วก็ปวดเมื่อยต้นขา สะโพวก เอาว่า จากเข่าขึ้นด้านบนน่ะ แล้วหมอก็เฉลยว่า งั้นก็ตรงกันล่ะ เพราะหมอนรองกระดูกแตกที่ L3, L4 (แต่ยังมีอีกอันจะแค่โปน ๆ อยู่)
ลักษณะการแตกคือหมอนรองจะโปนออกมา ทำให้ส่วนด้านในที่เป็นกลมๆ กลายเป็นสามเหลี่ยม (ไม่แบนนะ) นั่นแหล่ะทำให้มันปวดร้าวไปถึงเหนือหัวเข่า...หมอไม่ได้บอกว่าเข่านะ คือมันทำให้เรารู้สึกไปเองว่าเราปวดเข่า แต่จริงๆ เข่าเราปกติสุขมาก
หนทางแก้ไข....อยู่กับมัน หรือไม่ก็ผ่าตัด 555+ ผ่าตัดนี่คืออ๊อบชั่นเสริมนะ เผื่อไม่อยากอยู่กับมันแล้ว เพราะมันเป็นแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะหายคือต้องผ่าตัด แต่ถ้ายังอยู่กับมันได้ก็อยู่ไปก่อน ถ้าไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันเราขนาดที่ไม่อยากจะทน...อ่อ หมอบอกว่า หมอรังสีแจ้งใน mri ว่าเรายังเป็นระดับน้อย ซึ่งหมอก็ดูว่ายังไม่ได้แย่เหมือนกัน แต่เดาจากเวลาที่เป็นมาแล้วตอนปวดเข่า คือไม่น่าจะหายได้เองแล้ว เพราะปกติหมอนรองกระดูกแตก จะมีโอกาสหายได้เอง แต่เกินสองเดือน อาจจะไม่หายแล้ว
ก็โอเคอ่ะหมอ....พอทำใจมาล่ะว่าคงเป็นซักโรค แต่% ที่คิดว่าจะเป็นคือกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทมากกว่า เพราะอาการเหมือนกันทุกสิ่งอย่าง แล้วไม่คิดว่าเป็นหมอนรองกระดูก เพราะไม่ปวดหลังเลย แนวสันหลังนี่กริบมาก มาตรงสะโพกลงขาล้วนๆ
จากนี้ทำไรได้มั่งเหรอ หมอบอก...ใช้ชีวิตได้ปกติ แค่ไม่ยกของหนัก นั่งนาน ๆ และไอจามแรงๆ มันจะกระเทือนหลัง เลยคิดต่อว่า อะไรที่กระเทือนหลังก็คงทำไม่ได้เช่นกัน แต่จักรยาน ปั่นได้นะ หมอบอก 55+ ก็กินยาบำรุง กับรักษาระบบประสาทไป 2 เดือนนัดเจอหมอใหม่
สรุปอาการของเรา
1. ปวดหน่วงๆ เหนือหัวเข่าข้างขวา ปวดเหมือนคนออกกำลังกายแล้วปวดกล้ามเนื้อนั่นแหล่ะ ปวดแบบหนัก ๆ อ่ะ
2. มีอาการจี๊ดลงกลางเท้าข้างขวาอย่างฉับพลัน
3. ปวดบั้นเอว และสะโพกข้างขวา พร้อมด้วยปวดเมื่อยขาข้างขวาตลอดเวลา ลงน่องบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ตลอดเหมือนต้นขา
ไม่เคยมีอาการชาที่ขาขวาเลย
สาเหตุ...เราก็ไม่รู้ แต่คงอาจจะเพราะพฤติกรรมการใช้ร่างกายที่ผิด ๆ ประกอบกับกิจกรรมกีฬาบางอย่างรุนแรง เลยสะสมมาจนมันเป็นยังงี้นั่นแหล่ะ
ตอนนี้เราก็พยายามสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง ท้องไว้ (ปกติแพลงค์ประจำนะ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ด้วย ไม่รู้มันช่วยให้เราเป็นในระดับน้อยรึป่าว) และว่าจะไปแพทย์ทางเเลือก (นวดที่ รพ) กับเวชศาสตร์ฟื้นฟู (กายภาพบำบัด) ดูซะหน่อย เผื่อจะได้แนวทางการดูแลและรักษาตัวเองไม่ให้เป็นมากกว่านี้
เอาว่า คงพอมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยเนอะ อาจจะดูเวิ้นเว้อบางครั้ง แต่ก็เพื่อให้เห็นว่ามันไปมายังไงอะไรยังงี้ ใครมีอาการอะไรที่ไม่ปกติมาก อย่ารอช้านะ ควรรีบไปหาสาเหตุซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า
ขอบคุณจ้า