โดยส่วนตัวนะครับ
1) John Wick Chapter 2 (2017)
- ผมว่าสมกับการรอคอย จากภาคแรก 3 ปี กลับมาที่ยิ่งใหญ่อลังกว่าเดิม จากทุนการสร้างที่มากขึ้น สถานที่ถ่ายทำที่ดูอลังและมากกว่าภาคแรก เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและน่าติดตามกว่าภาคแรก ฉากแอ็คชั่นที่อัดแน่นเข้ามาแบบ Non - Stop ทั้งเรื่อง ยิ่งตอนดูในโรงเสียงยิงกันนี่ดังปังๆๆเเสบรูหูเลยทีเดียว แถมตอนท้ายภาคนี้ทิ้งปมไว้ให้อยากดูภาคสามทันที คีอานู รีฟส์ พระเอกในเรื่องถึงอายุแกปาไป 50 แล้ว แต่แกยังโคตรเท่และบู๊ดุดันอยู่ เอาเป็นว่านักแสดงหนุ่มๆหลายคนยังบู๊ไม่สุดเท่าแกเลย
2) Mission Impossible Rouge Nation (2015)
- หนังฟอร์มยักษ์ของค่าย paramount pictures และเป็นการกลับมาที่โคตรจะตื่นเต้นและท้าทายกว่าเดิมของ ทอม ครูซ ภาคนี้พี่แกแก่พอตัว 50 กว่า แต่เรื่องเสี่ยงตายเอาเป็นว่า ไม่มีคำว่ากลัว แกทั้งเกาะเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ ยังๆหวาดเสียวไม่พอ พี่แกยังไปดำน้ำนานกว่า 5 นาทีได้ แล้วที่น่าทึ่ง คือ แกเล่นเองทุกฉากไม่มีสตั้นเลย แกทุ่มเทสุดๆ แถมภาคนี้ยังได้ วิง แรมส์
กลับมาเล่นในบท ลูเธอร์ สติกเคว หลังจากภาค Ghost Protocol แกออกมาไม่ถึงห้านาที ที่เสียดายของเป็นบทของ เจเรมี่ เรนเนอร์ ในบท วิลเลี่ยม แบรนท์ ที่ภาคนี้พี่แกไม่ได้โชว์บู๊แบบภาคก่อนเลย แถมบทแกดูไม่มีอะไรมาก มาแบบบางฉากไม่จำเป็นก็ได้ ภาคนี้ถือว่าคุ้มค่าในการรอคอย ตอนดูในโรงตื่นเต้นมากเป็นพิเศษกับฉาก อีธาน ฮันท์ ขับรถไล่ล่าในโมร็อคโค คือ ลุ้นตัวเกร็งเลย แถมเสียงประกอบหนังทำให้ลุ้นมากๆ
3) Furious 7 (2015)
- เรื่องนี้ตอนเข้าไปดูในโรงรอบแรกๆ คนดูเต็มโรงเลยครับ เพราะตอนนั้นคงไปดูการแสดงครั้งสุดท้ายของ พอล วอล์กเกอร์ ในบท ไบรอัน โอ คอนเนอร์ และหนังภาคนี้ก็จัดเต็มเรื่องบู๊ตามสไตล์หนังตระกูลฟาส ที่นอกจากจะเว่อร์ขึ้น จัดเต็มเรื่องนักแสดง และเริ่มจะออกทะเล แต่หนังก็ยังไม่ลืมประเด็นความเป็นครอบครัวของพี่ดอม และสมาชิกในทีม หนังยังคงใช้รถหรูเยอะ และสถานที่การถ่ายทำที่เยอะ ภาคนี้ไปทั้ง อาบูดาบี แอลเอ เทือกเขาคอเคซัส แถมได้ป๋า เคริท รัสเซล ดารารุ่นใหญ่มาปล่อยของในภาคนี้ด้วย ถึงภาคนี้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรเข้มข้นมาก James Wan ผกก.ภาคนี้แกยัดแต่ฉากยิงกัน เตะต่อยกันแบบกลายเป็นหนังสงครามไปซะเละ ที่ชอบในภาคนี้ก็มีหลายซีน อย่างฉากพี่จา พนม อัดกับ พอล ในรถบัส, ฉากเล็ตตี้สู้กับการ์ดของเจ้าชายที่โคตรจะดุเดือดกว่าคู่ชายต่อยกันอีก และฉากปิดเรื่องอำลา พอล วอล์กเกอร์ ที่โคตรจะซึ้งเลย ที่แอบเสียดายนิดๆ ตรงที่เฮีย เจสัน สเตแธมออกมาบู๊น้อยไปนิด ตอนท้ายๆที่สู้ตัวต่อตัวกับดอมก็ดูไม่สุด เหมือนตอน Fast Five ตอนดอมต่อยกับฮ็ฮบบ์ที่ดูโหดสะใจกว่า
4) Skyfall (2012)
- เป็นภาคที่ดราม่าที่สุดแต่สำหรับผมว่ามันดีเยี่ยมให้คะแนนเท่ากับภาค Casino Royale หนังทำรายละเอียดได้ดี ฉากแอ็คชั่นไม่ได้เยอะมากมายเท่าสองภาคแรก แต่มันดูดาร์กๆโทนแบบ The Dark Knight และหลายฉากที่โคตรอาร์ท เช่น ฉากเจมส์ บอนด์สู้กับนักฆ่าในห้องกระจก ดูมันศิลปะมาก และเป็นภาคที่ส่งท้าย จูดี้ เด้นซ์ ในบท M ได้น่าประทับใจ ถึงภาคนี้พี่เคร็กแกจะเหี่ยวโคตรๆก็ตาม อิอิ ที่ประทับใจอีกอย่างคือเพลงประกอบหนังภาคนี้ Skyfall ของ Adele เพราะติดหูมากๆ
5) Jason Bourne (2016)
- การกลับมาในรอบ 9 ปีของ Matt Damon & Paul Greenglass ในฐานะนักแสดงนำในบท เจสัน บอร์นกับผู้กำกับ ถึงเนื้อเรื่องในภาคนี้จะไม่มีอะไรมากให้น่าสนใจเหมือนสามภาคแรก หนังมาโทนเดิมๆ ดราม่าผสมทริลเลอร์ ฉากแอ็คชั่นที่ไม่แปลกใหม่แต่เต็มอิ่มและยังจัดหนักตามสไตล์บอร์น ฉากต่อสู้มือเปล่า ฉากขับรถไล่ล่า ก็ยังสนุกอยู่ ถือว่าเป็นการกลับมาที่คงความมันสไตล์บอร์นได้ดีและยังสนุกอยู่ ถึงไม่ค่อยจะมีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม
ผมขอแถมอีกเรื่อง ถือเป็นโบนัส
6) Jack Reacher Never Go Back (2016)
- ถือว่าภาคนี้สนุกดูง่าย อาจไม่ประทับใจเท่าภาคแรกแต่ก็ยังดูสนุกอยู่ หนังภาคนี้ค่อยข้างออกตลาดมากขึ้น เรื่องสืบสวนสอบสวนความเข้มข้นลดน้อยลง แต่ที่เพิ่มเข้ามา คือ ฉากแอ็คชั่นสไตล์ดิบๆของพระเอกในเรื่อง ทอม ครูซ ถึงภาคนี้แกจะดูอืดๆหน่อยก็ตาม จุดขายของ Jack Reacher คือการสืบสวนสอบสวนแบบไม่เน้นอุปกรณ์กับทีม โชว์ทักษะอันชาญฉลาดของพระเอกแบบขั้นเทพ ภาคนี้มันน้อยลง หนักไปทางบู๊ เตะต่อยกันแบบดิบๆ มีอาวุธตรงไหนใกล้มือก็หยิบมาใช้ นางเอกภาคนี้ดูเก่งกว่าภาคแรกไม่ได้เป็นภาระให้รีชเชอร์ นอกจากนี้ลูกสาวผมทองในเรื่องก็น่ารักดี มีกวนอยู่บ้าง มีฉากนึงในเรื่องที่ผมชอบ คือ ฉากที่รีชเชอร์แกกระโดดลงมาจากที่สูงมาอัดตัวร้ายและแกแย่งปืนมายิง ยิงจนถังน้ำมันระเบิด ดูสะใจมาก
5 อันดับหนังแอ็คชั่นสุดเดือดระอุที่สุดของคุณ ที่ดูกี่รอบไม่มีวันเบื่อ พร้อมเหตุผล ขอใหม่ๆหน่อย
1) John Wick Chapter 2 (2017)
- ผมว่าสมกับการรอคอย จากภาคแรก 3 ปี กลับมาที่ยิ่งใหญ่อลังกว่าเดิม จากทุนการสร้างที่มากขึ้น สถานที่ถ่ายทำที่ดูอลังและมากกว่าภาคแรก เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและน่าติดตามกว่าภาคแรก ฉากแอ็คชั่นที่อัดแน่นเข้ามาแบบ Non - Stop ทั้งเรื่อง ยิ่งตอนดูในโรงเสียงยิงกันนี่ดังปังๆๆเเสบรูหูเลยทีเดียว แถมตอนท้ายภาคนี้ทิ้งปมไว้ให้อยากดูภาคสามทันที คีอานู รีฟส์ พระเอกในเรื่องถึงอายุแกปาไป 50 แล้ว แต่แกยังโคตรเท่และบู๊ดุดันอยู่ เอาเป็นว่านักแสดงหนุ่มๆหลายคนยังบู๊ไม่สุดเท่าแกเลย
2) Mission Impossible Rouge Nation (2015)
- หนังฟอร์มยักษ์ของค่าย paramount pictures และเป็นการกลับมาที่โคตรจะตื่นเต้นและท้าทายกว่าเดิมของ ทอม ครูซ ภาคนี้พี่แกแก่พอตัว 50 กว่า แต่เรื่องเสี่ยงตายเอาเป็นว่า ไม่มีคำว่ากลัว แกทั้งเกาะเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ ยังๆหวาดเสียวไม่พอ พี่แกยังไปดำน้ำนานกว่า 5 นาทีได้ แล้วที่น่าทึ่ง คือ แกเล่นเองทุกฉากไม่มีสตั้นเลย แกทุ่มเทสุดๆ แถมภาคนี้ยังได้ วิง แรมส์
กลับมาเล่นในบท ลูเธอร์ สติกเคว หลังจากภาค Ghost Protocol แกออกมาไม่ถึงห้านาที ที่เสียดายของเป็นบทของ เจเรมี่ เรนเนอร์ ในบท วิลเลี่ยม แบรนท์ ที่ภาคนี้พี่แกไม่ได้โชว์บู๊แบบภาคก่อนเลย แถมบทแกดูไม่มีอะไรมาก มาแบบบางฉากไม่จำเป็นก็ได้ ภาคนี้ถือว่าคุ้มค่าในการรอคอย ตอนดูในโรงตื่นเต้นมากเป็นพิเศษกับฉาก อีธาน ฮันท์ ขับรถไล่ล่าในโมร็อคโค คือ ลุ้นตัวเกร็งเลย แถมเสียงประกอบหนังทำให้ลุ้นมากๆ
3) Furious 7 (2015)
- เรื่องนี้ตอนเข้าไปดูในโรงรอบแรกๆ คนดูเต็มโรงเลยครับ เพราะตอนนั้นคงไปดูการแสดงครั้งสุดท้ายของ พอล วอล์กเกอร์ ในบท ไบรอัน โอ คอนเนอร์ และหนังภาคนี้ก็จัดเต็มเรื่องบู๊ตามสไตล์หนังตระกูลฟาส ที่นอกจากจะเว่อร์ขึ้น จัดเต็มเรื่องนักแสดง และเริ่มจะออกทะเล แต่หนังก็ยังไม่ลืมประเด็นความเป็นครอบครัวของพี่ดอม และสมาชิกในทีม หนังยังคงใช้รถหรูเยอะ และสถานที่การถ่ายทำที่เยอะ ภาคนี้ไปทั้ง อาบูดาบี แอลเอ เทือกเขาคอเคซัส แถมได้ป๋า เคริท รัสเซล ดารารุ่นใหญ่มาปล่อยของในภาคนี้ด้วย ถึงภาคนี้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรเข้มข้นมาก James Wan ผกก.ภาคนี้แกยัดแต่ฉากยิงกัน เตะต่อยกันแบบกลายเป็นหนังสงครามไปซะเละ ที่ชอบในภาคนี้ก็มีหลายซีน อย่างฉากพี่จา พนม อัดกับ พอล ในรถบัส, ฉากเล็ตตี้สู้กับการ์ดของเจ้าชายที่โคตรจะดุเดือดกว่าคู่ชายต่อยกันอีก และฉากปิดเรื่องอำลา พอล วอล์กเกอร์ ที่โคตรจะซึ้งเลย ที่แอบเสียดายนิดๆ ตรงที่เฮีย เจสัน สเตแธมออกมาบู๊น้อยไปนิด ตอนท้ายๆที่สู้ตัวต่อตัวกับดอมก็ดูไม่สุด เหมือนตอน Fast Five ตอนดอมต่อยกับฮ็ฮบบ์ที่ดูโหดสะใจกว่า
4) Skyfall (2012)
- เป็นภาคที่ดราม่าที่สุดแต่สำหรับผมว่ามันดีเยี่ยมให้คะแนนเท่ากับภาค Casino Royale หนังทำรายละเอียดได้ดี ฉากแอ็คชั่นไม่ได้เยอะมากมายเท่าสองภาคแรก แต่มันดูดาร์กๆโทนแบบ The Dark Knight และหลายฉากที่โคตรอาร์ท เช่น ฉากเจมส์ บอนด์สู้กับนักฆ่าในห้องกระจก ดูมันศิลปะมาก และเป็นภาคที่ส่งท้าย จูดี้ เด้นซ์ ในบท M ได้น่าประทับใจ ถึงภาคนี้พี่เคร็กแกจะเหี่ยวโคตรๆก็ตาม อิอิ ที่ประทับใจอีกอย่างคือเพลงประกอบหนังภาคนี้ Skyfall ของ Adele เพราะติดหูมากๆ
5) Jason Bourne (2016)
- การกลับมาในรอบ 9 ปีของ Matt Damon & Paul Greenglass ในฐานะนักแสดงนำในบท เจสัน บอร์นกับผู้กำกับ ถึงเนื้อเรื่องในภาคนี้จะไม่มีอะไรมากให้น่าสนใจเหมือนสามภาคแรก หนังมาโทนเดิมๆ ดราม่าผสมทริลเลอร์ ฉากแอ็คชั่นที่ไม่แปลกใหม่แต่เต็มอิ่มและยังจัดหนักตามสไตล์บอร์น ฉากต่อสู้มือเปล่า ฉากขับรถไล่ล่า ก็ยังสนุกอยู่ ถือว่าเป็นการกลับมาที่คงความมันสไตล์บอร์นได้ดีและยังสนุกอยู่ ถึงไม่ค่อยจะมีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม
ผมขอแถมอีกเรื่อง ถือเป็นโบนัส
6) Jack Reacher Never Go Back (2016)
- ถือว่าภาคนี้สนุกดูง่าย อาจไม่ประทับใจเท่าภาคแรกแต่ก็ยังดูสนุกอยู่ หนังภาคนี้ค่อยข้างออกตลาดมากขึ้น เรื่องสืบสวนสอบสวนความเข้มข้นลดน้อยลง แต่ที่เพิ่มเข้ามา คือ ฉากแอ็คชั่นสไตล์ดิบๆของพระเอกในเรื่อง ทอม ครูซ ถึงภาคนี้แกจะดูอืดๆหน่อยก็ตาม จุดขายของ Jack Reacher คือการสืบสวนสอบสวนแบบไม่เน้นอุปกรณ์กับทีม โชว์ทักษะอันชาญฉลาดของพระเอกแบบขั้นเทพ ภาคนี้มันน้อยลง หนักไปทางบู๊ เตะต่อยกันแบบดิบๆ มีอาวุธตรงไหนใกล้มือก็หยิบมาใช้ นางเอกภาคนี้ดูเก่งกว่าภาคแรกไม่ได้เป็นภาระให้รีชเชอร์ นอกจากนี้ลูกสาวผมทองในเรื่องก็น่ารักดี มีกวนอยู่บ้าง มีฉากนึงในเรื่องที่ผมชอบ คือ ฉากที่รีชเชอร์แกกระโดดลงมาจากที่สูงมาอัดตัวร้ายและแกแย่งปืนมายิง ยิงจนถังน้ำมันระเบิด ดูสะใจมาก