เปิดผลชันสูตร “น้องเมย” ยังไร้คำอธิบาย เลือดคั่งตับ-ม้าม ชี้ไม่ได้เกิดจากซีพีอาร์
https://www.prachachat.net/general/news-78239
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ครอบครัวนาย
ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้อง
เมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ที่โรงเรียนเตรียมทหาร ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้งถึงกรณีการเสียชีวิตของน้อง
เมย
โดยนาย
พิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย กล่าวว่า อยากขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือที่ผ่านมา อยากให้ช่วยหาคนกระทำความผิดมาลงโทษ หรืออยากให้ล้างคำครหาว่า ลูกตนไม่ได้ป่วยหรือ โดนบังคับให้เรียน ตนไม่ได้อยากทะเลาะกับกองทัพหรือโรงเรียนเตรียมทหาร ตนต้องการให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเหมือนที่ผ่านมา
ด้านน.ส.
สุพิชชา พี่สาวของน้อง
เมย กล่าวว่า มีประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติม จากเอกสารการชันสูตรจากสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎ คือจากที่บอกว่ากระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 หัก ด้านขวา
ต่อมาพบว่าชิ้นเนื้อทางกล้องจุลทรรศ์ พบว่าตับ มีการคั่งเลือดเล็กน้อย กับม้าม มีการคั่งเลือด จึงอยากได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่อวัยวะภายในที่ห่างจากจุดที่ซีพีอาร์ มีการคั่งเลือดขึ้นมา โดยในวันที่เดินทางไปรับชิ้นส่วนอวัยวะ ไม่มีการพูดถึงเรื่องการคั่งเลือด
น.ส.
สุพิชชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขอชื่นชมทีมแพทย์ จปร. ที่ได้ทำซีพีอาร์เป็นเวลา 4 ชั่วโมง เพื่อรอให้เราไปถึง ซึ่ง
มีการถามกับแพทย์อุบัติเหตุเพิ่มเติม และได้รับคำตอบว่าต่อให้มีการซีพีอาร์ 4 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถทำให้เลือดคั่งที่ตับและม้ามได้ เพราะจุดค่อนข้างไกลกัน
น.ส.
สุพิชชา กล่าวว่า ส่วนพยาธิหัวใจ ที่ทีมแพทย์ รพ.พระมงกุฎ ชี้แจงว่าพบเซลล์ในหัวใจน้องบางตัวที่โต ต่างจากเด็กในวัยเดียวกันนั้น แต่พบว่าอยู่ในระดับนิวเคลียส ยังไม่ขยายตัวไปถึงขั้นกว่าที่จะบอกได้ชัดเจน ถ้าน้องเมย เสียชีวิตจากภาวะหัวใจโตจริง บ้านเราสามารถยอมรับได้ ว่าเกิดจากตัวโรค แต่ถ้าน้องมีรอยช้ำประกอบกับหัวใจโต จะขอสืบหาความจริงต่อไปว่า ใครทำร้ายน้อง และเป็นเหตุต่อเนื่องทำให้น้องเกิดความผิดปกติที่หัวใจหรือไม่
“ต้องท้าวความไปก่อนว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้พาน้องไปรักษาที่ รพ.สมิติเวช ศรีราชา เพราะน้องบอกว่า ตกบันไดมา มีการเอ็กซเรย์ช่วงปอด ตรงรอยโรค ไม่มีอะไรระบุชัดเจน แต่หัวใจ มีการระบุว่าขนาดปกติ ไม่มีอะไรระบุว่าขนาดหัวใจโต เพราะหมอได้ติดตามดูอยู่ จึงสงสัยว่าคนหัวใจโตจะเป็นปุ๊ปปั๊ปภายใน 4 วันได้หรือไม่ กำลังติดตามดูอยู่”น.ส.สุพิชชา กล่าว
ทั้งนี้ มีแพทย์ได้โทร.มาให้คำปรึกษา และชี้ว่าซี่โครงตำแหน่งที่หัก และเลือดที่คั่ง ไม่สามารถเกิดจากการซีพีอาร์ได้ ทางบ้านไม่มีใครคิดจะให้ร้ายโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะน้องได้ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในโรงเรียน ทั้งนี้ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
ญาติพลทหารวิเชียร-เหยื่อตายในค่าย เตือนสติน.ร.เตรียมทหาร รักได้แต่ควรรักอย่างมีสติ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_645884
การเสียชีวิตของ ‘น้อง
เมย’ นตท.
ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร สร้างความเสียใจให้กับครอบครัว รวมถึงคำถามตามมาของสังคมและเรียกร้องให้เลิกใช้ความรุนแรงในการเรียนหรือฝึก พร้อมการถกเถียงเป็นวงกว้างถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ‘น้อง
เมย’ ว่ามาจากอะไรกันแน่??
โดยก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ทหารถูกทำร้ายจนเสียชีวิตเช่นกัน อย่างกรณีของ ‘พลทหาร
วิเชียร เผือกสม’ ที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิต เมื่อเดือนมิ.ย.2554 โดยครอบครัวได้ต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรม
ล่าสุด น.ส.
นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือ
เมย์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร อีกคนสำคัญที่เดินเรื่องทวงความยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนในประเทศไทย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง มันคือสิ่งที่ผิด #ย้ำว่ามันคือสิ่งที่ผิด
การที่นักเรียนเตรียมทหารทั้งปัจจุบันและอดีตต่างออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องที่จะยิ่งทำให้สังคมวิจารณ์โรงเรียนเตรียมทหารและสถาบันกองทัพหนักขึ้น #รักได้แต่ควรรักอย่างมีสติ
หากโรงเรียนและบรรดานักเรียนเตรียมทหารยังคงมีแนวคิดเช่นนี้ แทนการทำให้ความจริงกระจ่าง เพราะสังคมยังคงค้างคาใจ ผลเสียก็จะตกอยู่กับสถาบันเอง
มุมมองส่วนตัวมองว่า เป็นเฉพาะบุคคล ไม่ใช่สถาบัน เพราะรอบกายของเมย์ยังแวดล้อมไปด้วยทหารและตำรวจที่ดี #แม้ตัวเองจะโดนทหารบางนายกระทำสิ่งไม่ถูกต้องใส่ ซึ่งผู้ใหญ่ของกองทัพที่รู้จักและคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำกับเมย์มาโดยตลอดก็ไม่มีนายใดที่เห็นด้วย แถมยังสนับสนุนให้เมย์ช่วยเหลือให้คำแนะนำกับ “
ครอบครัวน้องเมยผู้เสียชีวิต”
อย่าให้ความรักในสถาบันมาบังตา ครอบงำชีวิต จนมองไม่เห็นสิ่งถูกสิ่งผิด แยกความผิดชอบชั่วดีไม่ออก #ไม่มีใครทำลายชื่อเสียงของกองทัพได้ #นอกจากคนภายในกองทัพเอง
จากใจครอบครัวของพลทหารที่ต้องเสียชีวิตจากวัฒนธรรมความรุนแรงของครูฝึกที่จบจากโรงเรียนเตรียมทหารและนักเรียนนายร้อย
ปล.ขอบคุณทุกๆกำลังใจค่ะ มัวทำแต่งานราชการค่ะ เลยไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย คดีความในส่วนของผู้ต้องหายังคงรออัยการสูงสุด(คนใหม่) ชี้ขาดเหมือนเดิม และในส่วนคดีความที่เป็นโจทก์ เบื้องต้นอัยการทหารมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง 8 นาย และสั่งฟ้อง 2 นาย (หนึ่งในสองที่ถูกสั่งฟ้อง คือ ร.ท.)
… คือ … ก็ …. รับรู้มาตลอดว่า อาจมีแพะในคดีพลทหารวิเชียรฯ เสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะมากถึง 8 ใน 10 นาย เพราะฉะนั้นจะเบรคเรื่องงานกลับมาตามล่าหาความจริง จริงๆในเรื่องของตัวเองแล้ว
ขอบคุณที่มา
นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์
รุ่นพี่เตรียมทหารฯ เตือนสติ หลังดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ ชี้ ทุกคนสมควรมีชีวิตฝึกอย่างถูกต้อง!
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_647041
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี นาย
ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และเกิดเป็นข่าวหลังจาก พ่อแม่ พี่สาว ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และระบุว่า ข้องใจกับสาเหตุการเสียชีวิต และเปิดเผยถึงเรื่อง อวัยวะภายใน สมอง ที่หายไป ในขณะที่กองทัพ เร่งออกมาชี้แจงและตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางครอบครัวยังคงมีคำถามคาใจเรื่องการซ่อม หรือ ธำรงวินัย และขอให้มีการสอบสวนให้ชัดเจน ในขณะที่บรรดารุ่นพี่ของโรงเรียนเตรียมทหารได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกโซเชียล
ขณะเดียวกัน มีสมาชิกเฟซบุ๊ก
Thatpon Srisupunbut ได้ระบุว่า ตนเองเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 56 พร้อมกับกล่าวถึงกรณีที่รุ่นพี่ ออกมาแสดงความคิดเห็นติติงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่า เป็นคนนอกจะไปรู้เรื่องอะไร ด้วยการเตือนสติ ว่าทหารจำเป็นต้อง “
อดทนต่อความเจ็บใจ” เป็นสิ่งที่พวกคุณควรจะมีมากที่สุดในตอนนี้ ก่อนที่คุณจะให้คนอื่นมีสติคุณควรจะมีสติเสียก่อน ซึ่งมีการแชร์ความคิดเห็นดังกล่าวออกไปจำนวนมาก พร้อมทั้งได้รับความชื่นชมในความคิดเห็นดังกล่าว
JJNY : 5 ข่าวน้องเมย เปิดผลชันสูตร/ญาติพลวิเชียร - รุ่นพี่ ตท. เตือนสติ/ทะลุ 5 หมื่นชื่อ กองทัพเมินคนกลาง/ปฏิรูปศาลทหาร
https://www.prachachat.net/general/news-78239
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ครอบครัวนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ที่โรงเรียนเตรียมทหาร ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้งถึงกรณีการเสียชีวิตของน้องเมย
โดยนายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย กล่าวว่า อยากขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือที่ผ่านมา อยากให้ช่วยหาคนกระทำความผิดมาลงโทษ หรืออยากให้ล้างคำครหาว่า ลูกตนไม่ได้ป่วยหรือ โดนบังคับให้เรียน ตนไม่ได้อยากทะเลาะกับกองทัพหรือโรงเรียนเตรียมทหาร ตนต้องการให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเหมือนที่ผ่านมา
ด้านน.ส.สุพิชชา พี่สาวของน้องเมย กล่าวว่า มีประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติม จากเอกสารการชันสูตรจากสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎ คือจากที่บอกว่ากระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 หัก ด้านขวา ต่อมาพบว่าชิ้นเนื้อทางกล้องจุลทรรศ์ พบว่าตับ มีการคั่งเลือดเล็กน้อย กับม้าม มีการคั่งเลือด จึงอยากได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่อวัยวะภายในที่ห่างจากจุดที่ซีพีอาร์ มีการคั่งเลือดขึ้นมา โดยในวันที่เดินทางไปรับชิ้นส่วนอวัยวะ ไม่มีการพูดถึงเรื่องการคั่งเลือด
น.ส.สุพิชชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขอชื่นชมทีมแพทย์ จปร. ที่ได้ทำซีพีอาร์เป็นเวลา 4 ชั่วโมง เพื่อรอให้เราไปถึง ซึ่งมีการถามกับแพทย์อุบัติเหตุเพิ่มเติม และได้รับคำตอบว่าต่อให้มีการซีพีอาร์ 4 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถทำให้เลือดคั่งที่ตับและม้ามได้ เพราะจุดค่อนข้างไกลกัน
น.ส.สุพิชชา กล่าวว่า ส่วนพยาธิหัวใจ ที่ทีมแพทย์ รพ.พระมงกุฎ ชี้แจงว่าพบเซลล์ในหัวใจน้องบางตัวที่โต ต่างจากเด็กในวัยเดียวกันนั้น แต่พบว่าอยู่ในระดับนิวเคลียส ยังไม่ขยายตัวไปถึงขั้นกว่าที่จะบอกได้ชัดเจน ถ้าน้องเมย เสียชีวิตจากภาวะหัวใจโตจริง บ้านเราสามารถยอมรับได้ ว่าเกิดจากตัวโรค แต่ถ้าน้องมีรอยช้ำประกอบกับหัวใจโต จะขอสืบหาความจริงต่อไปว่า ใครทำร้ายน้อง และเป็นเหตุต่อเนื่องทำให้น้องเกิดความผิดปกติที่หัวใจหรือไม่
“ต้องท้าวความไปก่อนว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้พาน้องไปรักษาที่ รพ.สมิติเวช ศรีราชา เพราะน้องบอกว่า ตกบันไดมา มีการเอ็กซเรย์ช่วงปอด ตรงรอยโรค ไม่มีอะไรระบุชัดเจน แต่หัวใจ มีการระบุว่าขนาดปกติ ไม่มีอะไรระบุว่าขนาดหัวใจโต เพราะหมอได้ติดตามดูอยู่ จึงสงสัยว่าคนหัวใจโตจะเป็นปุ๊ปปั๊ปภายใน 4 วันได้หรือไม่ กำลังติดตามดูอยู่”น.ส.สุพิชชา กล่าว
ทั้งนี้ มีแพทย์ได้โทร.มาให้คำปรึกษา และชี้ว่าซี่โครงตำแหน่งที่หัก และเลือดที่คั่ง ไม่สามารถเกิดจากการซีพีอาร์ได้ ทางบ้านไม่มีใครคิดจะให้ร้ายโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะน้องได้ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในโรงเรียน ทั้งนี้ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
ญาติพลทหารวิเชียร-เหยื่อตายในค่าย เตือนสติน.ร.เตรียมทหาร รักได้แต่ควรรักอย่างมีสติ
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_645884
การเสียชีวิตของ ‘น้องเมย’ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร สร้างความเสียใจให้กับครอบครัว รวมถึงคำถามตามมาของสังคมและเรียกร้องให้เลิกใช้ความรุนแรงในการเรียนหรือฝึก พร้อมการถกเถียงเป็นวงกว้างถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ‘น้องเมย’ ว่ามาจากอะไรกันแน่??
โดยก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ทหารถูกทำร้ายจนเสียชีวิตเช่นกัน อย่างกรณีของ ‘พลทหาร วิเชียร เผือกสม’ ที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิต เมื่อเดือนมิ.ย.2554 โดยครอบครัวได้ต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรม
ล่าสุด น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือเมย์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร อีกคนสำคัญที่เดินเรื่องทวงความยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนในประเทศไทย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง มันคือสิ่งที่ผิด #ย้ำว่ามันคือสิ่งที่ผิด
การที่นักเรียนเตรียมทหารทั้งปัจจุบันและอดีตต่างออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องที่จะยิ่งทำให้สังคมวิจารณ์โรงเรียนเตรียมทหารและสถาบันกองทัพหนักขึ้น #รักได้แต่ควรรักอย่างมีสติ
หากโรงเรียนและบรรดานักเรียนเตรียมทหารยังคงมีแนวคิดเช่นนี้ แทนการทำให้ความจริงกระจ่าง เพราะสังคมยังคงค้างคาใจ ผลเสียก็จะตกอยู่กับสถาบันเอง
มุมมองส่วนตัวมองว่า เป็นเฉพาะบุคคล ไม่ใช่สถาบัน เพราะรอบกายของเมย์ยังแวดล้อมไปด้วยทหารและตำรวจที่ดี #แม้ตัวเองจะโดนทหารบางนายกระทำสิ่งไม่ถูกต้องใส่ ซึ่งผู้ใหญ่ของกองทัพที่รู้จักและคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำกับเมย์มาโดยตลอดก็ไม่มีนายใดที่เห็นด้วย แถมยังสนับสนุนให้เมย์ช่วยเหลือให้คำแนะนำกับ “ครอบครัวน้องเมยผู้เสียชีวิต”
อย่าให้ความรักในสถาบันมาบังตา ครอบงำชีวิต จนมองไม่เห็นสิ่งถูกสิ่งผิด แยกความผิดชอบชั่วดีไม่ออก #ไม่มีใครทำลายชื่อเสียงของกองทัพได้ #นอกจากคนภายในกองทัพเอง
จากใจครอบครัวของพลทหารที่ต้องเสียชีวิตจากวัฒนธรรมความรุนแรงของครูฝึกที่จบจากโรงเรียนเตรียมทหารและนักเรียนนายร้อย
ปล.ขอบคุณทุกๆกำลังใจค่ะ มัวทำแต่งานราชการค่ะ เลยไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย คดีความในส่วนของผู้ต้องหายังคงรออัยการสูงสุด(คนใหม่) ชี้ขาดเหมือนเดิม และในส่วนคดีความที่เป็นโจทก์ เบื้องต้นอัยการทหารมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง 8 นาย และสั่งฟ้อง 2 นาย (หนึ่งในสองที่ถูกสั่งฟ้อง คือ ร.ท.)
… คือ … ก็ …. รับรู้มาตลอดว่า อาจมีแพะในคดีพลทหารวิเชียรฯ เสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะมากถึง 8 ใน 10 นาย เพราะฉะนั้นจะเบรคเรื่องงานกลับมาตามล่าหาความจริง จริงๆในเรื่องของตัวเองแล้ว
ขอบคุณที่มา นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์
รุ่นพี่เตรียมทหารฯ เตือนสติ หลังดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ ชี้ ทุกคนสมควรมีชีวิตฝึกอย่างถูกต้อง!
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_647041
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และเกิดเป็นข่าวหลังจาก พ่อแม่ พี่สาว ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และระบุว่า ข้องใจกับสาเหตุการเสียชีวิต และเปิดเผยถึงเรื่อง อวัยวะภายใน สมอง ที่หายไป ในขณะที่กองทัพ เร่งออกมาชี้แจงและตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางครอบครัวยังคงมีคำถามคาใจเรื่องการซ่อม หรือ ธำรงวินัย และขอให้มีการสอบสวนให้ชัดเจน ในขณะที่บรรดารุ่นพี่ของโรงเรียนเตรียมทหารได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกโซเชียล
ขณะเดียวกัน มีสมาชิกเฟซบุ๊ก Thatpon Srisupunbut ได้ระบุว่า ตนเองเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 56 พร้อมกับกล่าวถึงกรณีที่รุ่นพี่ ออกมาแสดงความคิดเห็นติติงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่า เป็นคนนอกจะไปรู้เรื่องอะไร ด้วยการเตือนสติ ว่าทหารจำเป็นต้อง “อดทนต่อความเจ็บใจ” เป็นสิ่งที่พวกคุณควรจะมีมากที่สุดในตอนนี้ ก่อนที่คุณจะให้คนอื่นมีสติคุณควรจะมีสติเสียก่อน ซึ่งมีการแชร์ความคิดเห็นดังกล่าวออกไปจำนวนมาก พร้อมทั้งได้รับความชื่นชมในความคิดเห็นดังกล่าว