ปัจจุบันงานฟรีแลนซ์เป็นที่นิยมมาก บางคนทำเพื่อหารายได้เสริม จากงานประจำ บางคนทำเป็นอาชีพหลัก และกลายเป็นรายได้หลักไปเลย
เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบงานประจำ ที่จริงก็รู้อารมณ์การทำงานตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ไปฝึกงาน 2 ที่ ทำงานพาร์ททามมาตลอด 4 ปีช่วงเรียน
หลังจากเรียนจบ...เราก็ไปหาที่สมัครงาน หลายที่ (งานโรงแรม) ส่วนใหญ่จะให้ทดลองงาน 2-3 เดือน ก่อนจะได้บรรจุ เงินเดือน 9,000-12,000 ยังไม่ได้เซอร์วิสชาร์จ จนมาถึงโรงแรมแห่งชื่อดังแห่งหนึ่งระดับ 5 ดาว ที่หลายๆคนอยากเข้ามาทำงาน เพราะ เซอร์วิสชาร์จเยอะ เราผ่านการสัมภาษณ์ทุกอย่างแล้ว แต่พอคุยข้อตกลงแล้ว คิดหนักเลย ทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันละ 10 ชม. เงินเดือน 12,000 เราถามว่า กี่เดือนถึงจะบรรจุเป็นพนักงาน เค้าตอบเรากลับมาว่า ไม่แน่นอน อาจจะ ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี แล้วถ้าเกิดเหตุทางการเมืองอะไรขึ้นมา น้องก็ต้องพร้อมออกเลย คงเข้าใจเน๊อะ...คิดว่าเราจะทำไหม 5555 ที่พูดมานี่แทบไม่มีความหวังว่าจะได้บรรจุเลย มีการยื้อไว้พี่อยากให้น้องมาทำนะ เริ่มงานได้เลยไหม....คิดในใจ ทำไมรร.ใหญ่ถึงเอาเปรียบขนาดนี้ บายค่ะ ไปกับเพื่อนสองคนนี่มองหน้ากันแล้ว ชิ่งเลย และส่วนใหญ่ที่เข้าไปสมัครก็ไม่ค่อยมีที่ไหนรับเด็กจบใหม่ บอกไม่มีประสบการณ์ ...ก็ไม่มีใครให้โอกาสได้ทำ เด็กจบใหม่จะมีประสบการณ์ได้ยังไงนะ เฮ้อ...
มาจบที่รร.แห่งหนึ่ง ทำงานไปได้แปปเดียว แล้วก็ออก ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะ งานโอเค วันนั้นที่เราตัดสินใจจะไม่ทำแล้ว คืองานเลิก 6 โมงเย็น แต่ต้องทำต่อถึง 1 ทุ่ม ไม่ได้ OT ออกไปรอรถเมล์รอเป็นชม. ก็ไม่มา แท็กซี่ก็ไม่ว่างซักคัน สรุปวันนั้นใช้เวลากลับบ้าน 4 ชม.กว่า แล้ว ตี 3 ก็ต้องตื่นละ ได้นอนแค่ไม่กี่ชม. อยู่ในกรุงเทพ ต้องรีบตื่น แค่รอรถเมล์ยังนาน เสียเวลาในการเดินทางมาก จะใช้ BTS ก็รู้สึกแพง แถมคนก็แน่นสุดๆ เหนื่อยจากการทำงานไม่เท่าไร แต่เหนื่อยจากการเดินทางนี่ท้อเลย ทำไมต้องเอาเวลามาเสียกับตรงนี้นะ
สำหรับเรางานประจำทำแล้วไม่มีความสุขเลย คิดตลอดว่า งานที่ทำอยู่ทุ่มเทให้ใครก็ไม่รู้ ทำงานให้เต็มที่ เกินเวลาบางทีก็ไม่ได้ค่า OT เพิ่ม หยุดแค่วันเดียว อิสระก็ไม่มี เงินเดือนก็น้อย แถมเราเองไม่ได้เก่งขนาดที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในไม่กี่ปีแน่นอน เลยเลือกที่จะออกมาทำอะไรอย่างอื่นดีกว่า เชื่อว่าหลายๆคนที่ออกมาทำฟรีแลนซ์อาจจะมีคนคิดคล้ายๆกัน ...เห็นเพื่อนๆที่ทำงานประจำ มีแต่คนบ่น เงินไม่พอใช้ ไม่ก็พอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน แต่ส่วนใหญ่บ่นอย่างเดียวแต่ไม่ออก บ่นมา 2-3 ปี ก็ไม่ออกยังทำอยู่ที่เดิม ไม่รู้ทำไม 5555
หลังจากเลิกทำงาน ตอนนี้เราทำฟรีแลนซ์เป็นอาชีพหลัก มา 2 ปีแล้ว ทำหลายอย่างรวมกัน ขายของก็ขาย เอาจริงๆ ได้เงินเยอะกว่างานประจำ ได้อิสระ ไปไหนก็เอางานไปทำได้ แต่ก็ต้องมีวินัยบังคับตัวเองให้ทำงาน เมื่อถึงเวลาต้องทำด้วยนะ บางทีมันอิสระจนเราไม่กระตือรือร้น 555 ตอนนี้ไม่คิดจะกลับไปทำงานประจำแล้ว เวลาไปเจอญาติๆ มีผู้ใหญ่หลายๆคนถามเหมือนกัน ทำงานอะไร ทำไมไม่ไปทำงานธนาคาร ขายประกัน ละรายได้ดีจะตาย เบื่อจะตอบ ก็ไม่ได้ชอบขายตรงกันทุกคนไหมละ
ข้อดีของงานฟรีแลนช์ :
- อิสระ ทำงานที่บ้าน หรือ ไปเที่ยว ก็เอาไปทำได้
- ถ้าได้เจองานที่ถนัด แล้วชอบ มีความสุขในการทำงานได้ไม่ยาก
- รายได้ดี
ข้อเสียของงานฟรีแลนซ์ :
- ไม่มั่นคง
- รายได้ไม่คงที่
เริ่มต้นจาก 0 หลักจากเรียนจบก็ไม่ได้ขอเงินที่บ้านอีกเลย ส่งเงินให้ที่บ้านแทน
ตอนนี้มีเงินเก็บประมาณ 100k จากงานฟรีแลนซ์ หลายๆอย่าง เพิ่งจบมา 2 ปีถือว่าเริ่มต้นได้ดี
ขอบคุณ..โรงแรมที่เราอยากทำ แต่แนวคิดองค์กรดูเอาเปรียบพนักงานไปนิดนึงงงงง มันทำให้ความคิดเราเปลี่ยนตั้งแต่วันนั้น
_____________________________
เพื่อนๆ พี่ ๆ ช่วยกันแชร์ประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะคะ น่าจะมีหลายคนอยากฟังหลายๆความคิด
แชร์ประสบการณ์...หลังเรียนจบ เลือกทำงานฟรีแลนซ์ แทนงานประจำ
เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบงานประจำ ที่จริงก็รู้อารมณ์การทำงานตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ไปฝึกงาน 2 ที่ ทำงานพาร์ททามมาตลอด 4 ปีช่วงเรียน
หลังจากเรียนจบ...เราก็ไปหาที่สมัครงาน หลายที่ (งานโรงแรม) ส่วนใหญ่จะให้ทดลองงาน 2-3 เดือน ก่อนจะได้บรรจุ เงินเดือน 9,000-12,000 ยังไม่ได้เซอร์วิสชาร์จ จนมาถึงโรงแรมแห่งชื่อดังแห่งหนึ่งระดับ 5 ดาว ที่หลายๆคนอยากเข้ามาทำงาน เพราะ เซอร์วิสชาร์จเยอะ เราผ่านการสัมภาษณ์ทุกอย่างแล้ว แต่พอคุยข้อตกลงแล้ว คิดหนักเลย ทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันละ 10 ชม. เงินเดือน 12,000 เราถามว่า กี่เดือนถึงจะบรรจุเป็นพนักงาน เค้าตอบเรากลับมาว่า ไม่แน่นอน อาจจะ ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี แล้วถ้าเกิดเหตุทางการเมืองอะไรขึ้นมา น้องก็ต้องพร้อมออกเลย คงเข้าใจเน๊อะ...คิดว่าเราจะทำไหม 5555 ที่พูดมานี่แทบไม่มีความหวังว่าจะได้บรรจุเลย มีการยื้อไว้พี่อยากให้น้องมาทำนะ เริ่มงานได้เลยไหม....คิดในใจ ทำไมรร.ใหญ่ถึงเอาเปรียบขนาดนี้ บายค่ะ ไปกับเพื่อนสองคนนี่มองหน้ากันแล้ว ชิ่งเลย และส่วนใหญ่ที่เข้าไปสมัครก็ไม่ค่อยมีที่ไหนรับเด็กจบใหม่ บอกไม่มีประสบการณ์ ...ก็ไม่มีใครให้โอกาสได้ทำ เด็กจบใหม่จะมีประสบการณ์ได้ยังไงนะ เฮ้อ...
มาจบที่รร.แห่งหนึ่ง ทำงานไปได้แปปเดียว แล้วก็ออก ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะ งานโอเค วันนั้นที่เราตัดสินใจจะไม่ทำแล้ว คืองานเลิก 6 โมงเย็น แต่ต้องทำต่อถึง 1 ทุ่ม ไม่ได้ OT ออกไปรอรถเมล์รอเป็นชม. ก็ไม่มา แท็กซี่ก็ไม่ว่างซักคัน สรุปวันนั้นใช้เวลากลับบ้าน 4 ชม.กว่า แล้ว ตี 3 ก็ต้องตื่นละ ได้นอนแค่ไม่กี่ชม. อยู่ในกรุงเทพ ต้องรีบตื่น แค่รอรถเมล์ยังนาน เสียเวลาในการเดินทางมาก จะใช้ BTS ก็รู้สึกแพง แถมคนก็แน่นสุดๆ เหนื่อยจากการทำงานไม่เท่าไร แต่เหนื่อยจากการเดินทางนี่ท้อเลย ทำไมต้องเอาเวลามาเสียกับตรงนี้นะ
สำหรับเรางานประจำทำแล้วไม่มีความสุขเลย คิดตลอดว่า งานที่ทำอยู่ทุ่มเทให้ใครก็ไม่รู้ ทำงานให้เต็มที่ เกินเวลาบางทีก็ไม่ได้ค่า OT เพิ่ม หยุดแค่วันเดียว อิสระก็ไม่มี เงินเดือนก็น้อย แถมเราเองไม่ได้เก่งขนาดที่จะได้เลื่อนตำแหน่งในไม่กี่ปีแน่นอน เลยเลือกที่จะออกมาทำอะไรอย่างอื่นดีกว่า เชื่อว่าหลายๆคนที่ออกมาทำฟรีแลนซ์อาจจะมีคนคิดคล้ายๆกัน ...เห็นเพื่อนๆที่ทำงานประจำ มีแต่คนบ่น เงินไม่พอใช้ ไม่ก็พอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน แต่ส่วนใหญ่บ่นอย่างเดียวแต่ไม่ออก บ่นมา 2-3 ปี ก็ไม่ออกยังทำอยู่ที่เดิม ไม่รู้ทำไม 5555
หลังจากเลิกทำงาน ตอนนี้เราทำฟรีแลนซ์เป็นอาชีพหลัก มา 2 ปีแล้ว ทำหลายอย่างรวมกัน ขายของก็ขาย เอาจริงๆ ได้เงินเยอะกว่างานประจำ ได้อิสระ ไปไหนก็เอางานไปทำได้ แต่ก็ต้องมีวินัยบังคับตัวเองให้ทำงาน เมื่อถึงเวลาต้องทำด้วยนะ บางทีมันอิสระจนเราไม่กระตือรือร้น 555 ตอนนี้ไม่คิดจะกลับไปทำงานประจำแล้ว เวลาไปเจอญาติๆ มีผู้ใหญ่หลายๆคนถามเหมือนกัน ทำงานอะไร ทำไมไม่ไปทำงานธนาคาร ขายประกัน ละรายได้ดีจะตาย เบื่อจะตอบ ก็ไม่ได้ชอบขายตรงกันทุกคนไหมละ
ข้อดีของงานฟรีแลนช์ :
- อิสระ ทำงานที่บ้าน หรือ ไปเที่ยว ก็เอาไปทำได้
- ถ้าได้เจองานที่ถนัด แล้วชอบ มีความสุขในการทำงานได้ไม่ยาก
- รายได้ดี
ข้อเสียของงานฟรีแลนซ์ :
- ไม่มั่นคง
- รายได้ไม่คงที่
เริ่มต้นจาก 0 หลักจากเรียนจบก็ไม่ได้ขอเงินที่บ้านอีกเลย ส่งเงินให้ที่บ้านแทน
ตอนนี้มีเงินเก็บประมาณ 100k จากงานฟรีแลนซ์ หลายๆอย่าง เพิ่งจบมา 2 ปีถือว่าเริ่มต้นได้ดี
ขอบคุณ..โรงแรมที่เราอยากทำ แต่แนวคิดองค์กรดูเอาเปรียบพนักงานไปนิดนึงงงงง มันทำให้ความคิดเราเปลี่ยนตั้งแต่วันนั้น
_____________________________
เพื่อนๆ พี่ ๆ ช่วยกันแชร์ประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะคะ น่าจะมีหลายคนอยากฟังหลายๆความคิด