สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เพราะความจริงมีได้เพียงหนึ่งเดียว
ไหวไหม เฮียหล่อ คันไม่ไหว เฮาว่าหลบมาบ้านเมืองอุบลเฮาสา ถ้าบ่ไหว เฮาสิพาไปกินข้าวเหนียวฮ่อนๆ บ่ายปลาจี่ฮิมมูลกะได้
ครับ. นี่คือตัวตน อธิบายได้ชัดได้เจนเสมอต้นเสมอปลาย ของหล่อขวัญ
ลูกผู้ชายด้วยกันถ้าใครไม่เคยตกในภาวะนั้นย่อมจะไม่เข้าใจ ขนาดอ่านแล้ว ยังแทบเขวี้ยง samsung hero ทิ้งและนับถือความอดกลั้นของเฮียหล่อขวัญนะที่ยุงพิมเล่าจนเจนจบแระโยคความ บทจะไม่มีมันไม่เหลือเลยนะ แม้เพียงเพื่อนหยิบที่ยื่นให้แม้ไม่มากมูลค่าแต่มันมากซึ่งน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของสหาย
ในฐานะเพื่อนร่วมบอร์ดคนหนึ่ง ที่เคยได้ตอบได้ติดตาม เย้าแหย่ทั้งหล่อขวัญและคุณนิด ขอบอกเลยครับ ผมเชื่อหล่อขวัญครับ.
มันเจ็บที่สุดคือการที่เราคิดว่านี่คือเพื่อน แต่โดนแทงสวนด้านหลังกะให้ตายแบบไม่รู้ตัว คบไม่ได้ว่ะ คนกันเองที่ไม่กันเอง หน้าไหว้หลังหลอก
ขอสวัสดีลาคุณนิด #เพชรน้ำนิล ไว้ ณ ตรงนี้เลยละกันครับ.
ไหวไหม เฮียหล่อ คันไม่ไหว เฮาว่าหลบมาบ้านเมืองอุบลเฮาสา ถ้าบ่ไหว เฮาสิพาไปกินข้าวเหนียวฮ่อนๆ บ่ายปลาจี่ฮิมมูลกะได้
ครับ. นี่คือตัวตน อธิบายได้ชัดได้เจนเสมอต้นเสมอปลาย ของหล่อขวัญ
ลูกผู้ชายด้วยกันถ้าใครไม่เคยตกในภาวะนั้นย่อมจะไม่เข้าใจ ขนาดอ่านแล้ว ยังแทบเขวี้ยง samsung hero ทิ้งและนับถือความอดกลั้นของเฮียหล่อขวัญนะที่ยุงพิมเล่าจนเจนจบแระโยคความ บทจะไม่มีมันไม่เหลือเลยนะ แม้เพียงเพื่อนหยิบที่ยื่นให้แม้ไม่มากมูลค่าแต่มันมากซึ่งน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของสหาย
ในฐานะเพื่อนร่วมบอร์ดคนหนึ่ง ที่เคยได้ตอบได้ติดตาม เย้าแหย่ทั้งหล่อขวัญและคุณนิด ขอบอกเลยครับ ผมเชื่อหล่อขวัญครับ.
มันเจ็บที่สุดคือการที่เราคิดว่านี่คือเพื่อน แต่โดนแทงสวนด้านหลังกะให้ตายแบบไม่รู้ตัว คบไม่ได้ว่ะ คนกันเองที่ไม่กันเอง หน้าไหว้หลังหลอก
ขอสวัสดีลาคุณนิด #เพชรน้ำนิล ไว้ ณ ตรงนี้เลยละกันครับ.
ความคิดเห็นที่ 7
เข้าใจและเห็นภาพเลยครับ
ผมเองก็เคยตกอยู่ในภาวะอย่างคุณตระกองฯ เคยประสบชะตากรรมในลักษณะประเภทใครสักคนก็ได้ที่เมตตาให้เงินแค่ 50 สตางค์ก็พอ ก็สามารถผลักความทุกข์ยากของผมได้ระดับหนึ่งแล้ว เล่าให้ฟังนิดหนึ่งนะครับ เพื่อที่จะเข้าใจว่าผมรู้สึกถึงชะตากรรมที่คุณตระกองประสบลึกซึ่งเพียงไหน
ตอนอยู่กทม. ผมเคยประสบชะตากรรมที่ไม่มีเงินติดกระเป๋าสักสตางค์และไม่มีแม้ที่จะซุกหัวนอน(ตอนนั้นเป็นเด็กวัดแถวๆ สะพานผ่านฟ้า พระที่อาศัยมีเรื่องกับเจ้าคณะกุฏิอย่างรุนแรง ห้องในกุฏิที่ผมอาศัยถูกสั่งปิด) แม้จะมีเงินในบัญชีอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นเป็นเวลาค่ำคืนไม่สามารถเบิกได้(ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สามารถกดเอทีเอ็มได้) ผมจึงคิดจะหันหน้าไปพึ่งยืมเงินและขอซุกหัวนอนสักคืนกับคนที่สนิทที่สุดซึ่งเป็นพระเคยบวชเรียนมาด้วยกันทีวัดอรุณฯ ตอนนั้นเงินค่าเรือข้าวฟากจากวัดโพธิ์ไปวัดอรุณคือ50 สตางค์ อย่าว่าแต่แค่ห้าสิบสตางค์เลยแค่เฟื้องเดียวผมก็ไม่มี ตัดสินใจเดินจากฝั่งพระนครข้ามสะพานปิ่นเกล้า อรุณอมรินทร์แล้วโค้งเข้าวัดอรุณ กว่าจะถึงวัดอรุณก็ดึกดื่นค่อนคืน ได้ที่ซุกหัวนอนและหลวงพี่ก็เมตตาให้เงินมาหนึ่งร้อย ผมคล้ายๆ คุณตระกองฯ คือ ถ้าคนที่ไม่สนิทจริงๆ ผมไม่คิดจะขอยืมเงิน ความจริงเงินแค่50สตางค์ ถ้าผมจะขอความอนุเคราะห์จากหลวงพี่รูปอื่นๆ ในวัด หรือแม้กระทั่งคนที่เดินถนนผ่านไปมาเชื่อว่าก็คงได้
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับกับชะตากรรมที่เคยประสบและกำลังประสบอยู่ตอนนี้(หมายถึงเรื่องกับทางครอบครัวไม่ใช่เรื่องทะเลาะกับคนในบอร์ดตอนนี้ ส่วนเรื่องในบอร์ดผมเชื่อว่าคุณตระกองฯ คงจะผ่านพ้นไปได้โดยไม่มีปัญหา)
ผมเข้าใจทุกอย่างที่คุณตระกองอธิบายอย่างลึกซึ้งครับ อีกทางหนึ่งผมเชื่อว่าที่คุณนิดให้คุณตระกองฯ ยืมนั้นก็มาจากจิตใจที่เป็นเมตตาของคุณนิดโดยธรรมชาติเป็นทุนอยู่แล้ว(คือคุณนิดในสายตาผม เป็นคนอย่างนั้น) คนหนึ่งเดือดร้อนและอีกคนหนึ่งหยิบยื่นให้ทุเลาความเดือดร้อน เป็นภาพที่งดงามครับ อยากให้มองกันอย่างนี้ แต่เมื่อถูกทำให้มองเป็นอย่างอื่นเสียแล้ว....ทั้งคนให้และทั้งคนรับก็จะรู้สึกเจ็บพอๆ กันนั่นแหละครับ
ผมเองก็เคยตกอยู่ในภาวะอย่างคุณตระกองฯ เคยประสบชะตากรรมในลักษณะประเภทใครสักคนก็ได้ที่เมตตาให้เงินแค่ 50 สตางค์ก็พอ ก็สามารถผลักความทุกข์ยากของผมได้ระดับหนึ่งแล้ว เล่าให้ฟังนิดหนึ่งนะครับ เพื่อที่จะเข้าใจว่าผมรู้สึกถึงชะตากรรมที่คุณตระกองประสบลึกซึ่งเพียงไหน
ตอนอยู่กทม. ผมเคยประสบชะตากรรมที่ไม่มีเงินติดกระเป๋าสักสตางค์และไม่มีแม้ที่จะซุกหัวนอน(ตอนนั้นเป็นเด็กวัดแถวๆ สะพานผ่านฟ้า พระที่อาศัยมีเรื่องกับเจ้าคณะกุฏิอย่างรุนแรง ห้องในกุฏิที่ผมอาศัยถูกสั่งปิด) แม้จะมีเงินในบัญชีอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นเป็นเวลาค่ำคืนไม่สามารถเบิกได้(ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สามารถกดเอทีเอ็มได้) ผมจึงคิดจะหันหน้าไปพึ่งยืมเงินและขอซุกหัวนอนสักคืนกับคนที่สนิทที่สุดซึ่งเป็นพระเคยบวชเรียนมาด้วยกันทีวัดอรุณฯ ตอนนั้นเงินค่าเรือข้าวฟากจากวัดโพธิ์ไปวัดอรุณคือ50 สตางค์ อย่าว่าแต่แค่ห้าสิบสตางค์เลยแค่เฟื้องเดียวผมก็ไม่มี ตัดสินใจเดินจากฝั่งพระนครข้ามสะพานปิ่นเกล้า อรุณอมรินทร์แล้วโค้งเข้าวัดอรุณ กว่าจะถึงวัดอรุณก็ดึกดื่นค่อนคืน ได้ที่ซุกหัวนอนและหลวงพี่ก็เมตตาให้เงินมาหนึ่งร้อย ผมคล้ายๆ คุณตระกองฯ คือ ถ้าคนที่ไม่สนิทจริงๆ ผมไม่คิดจะขอยืมเงิน ความจริงเงินแค่50สตางค์ ถ้าผมจะขอความอนุเคราะห์จากหลวงพี่รูปอื่นๆ ในวัด หรือแม้กระทั่งคนที่เดินถนนผ่านไปมาเชื่อว่าก็คงได้
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับกับชะตากรรมที่เคยประสบและกำลังประสบอยู่ตอนนี้(หมายถึงเรื่องกับทางครอบครัวไม่ใช่เรื่องทะเลาะกับคนในบอร์ดตอนนี้ ส่วนเรื่องในบอร์ดผมเชื่อว่าคุณตระกองฯ คงจะผ่านพ้นไปได้โดยไม่มีปัญหา)
ผมเข้าใจทุกอย่างที่คุณตระกองอธิบายอย่างลึกซึ้งครับ อีกทางหนึ่งผมเชื่อว่าที่คุณนิดให้คุณตระกองฯ ยืมนั้นก็มาจากจิตใจที่เป็นเมตตาของคุณนิดโดยธรรมชาติเป็นทุนอยู่แล้ว(คือคุณนิดในสายตาผม เป็นคนอย่างนั้น) คนหนึ่งเดือดร้อนและอีกคนหนึ่งหยิบยื่นให้ทุเลาความเดือดร้อน เป็นภาพที่งดงามครับ อยากให้มองกันอย่างนี้ แต่เมื่อถูกทำให้มองเป็นอย่างอื่นเสียแล้ว....ทั้งคนให้และทั้งคนรับก็จะรู้สึกเจ็บพอๆ กันนั่นแหละครับ
ความคิดเห็นที่ 1
อ่อ อีกเรื่อง เป็นเรื่องที่นิดอาจได้ยินคำ "สร้างเรื่อง" จากจอมลวงโลก
ไอ้คน ๆ นี้ ชอบสร้างเรื่องลวงโลกสารพัดเรื่องครับ
พอโดนแฉ ก็ข่มขู่ ปฏิเสธกลางบอร์ดหน้าตาเฉย เพราะมันเชื่อว่าไม่มีใครกล้าแฉมัน
เพราะถ้าแฉมัน มันสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ มันเลยด้านที่จะทำไขสือปฏิเสธ
คนไม่รู้ความจริง โดนมันให้ข้อมูลลวงโลก บวกมาดเสี่ย จ่ายไม่อั้น ช่วยไม่เลือก ซื้อไม่ต่อ เห็นมันทำเก่งปฏิเสธกลางบอร์ด ก็เคลิ้มสิ
คนที่เขาเกี่ยวข้อง เขาเห็นแล้ว ร้อง "เหลือรับ" กันทุกคน
นั่นคือเรื่องพี่เป็นหนี้คนนอกกะลาคนหนึ่ง ที่ชื่อล็อคอินว่า "โบกกรัก"
พี่เชื่อว่าเรื่องนี้ นิดหรืออีกหลายคนได้รับ "ข้อมูลละเลงสี" แน่นอนครับ
สังเกตได้จากการที่มันพยายามสร้างเรื่องว่า พี่เอาใจใครบางคน เข้าข้างคนบางกลุ่มเพราะเรื่องหนี้นี้แหละ
พี่จะเล่าให้ฟังครับ และไม่ใช่ความลับเลย มีคนรู้เรื่องหลายคน
และทุกคนที่ได้รับรู้ (โดยเฉพาะหลายคนที่อยู่ในวงสนทนาวันที่พูดถึงเรื่องพี่เป็นหนี้) ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องเอ็งโม้มาข้าโม้บ้าง เท่านั้นเอง
ต้นปี 56 พี่อยู่ในอำเภอ ๆ หนึ่งทางภาคเหนือ ตอนนี้ลูกบ้าขึ้น เลยไปซะงั้นแหละ
ไม่รู้จักใคร เพิ่งไปถึงตอนหัวค่ำ มีเงินติดตัวอยู่ 40 บาทถ้วน
ประมาณสามทุ่ม ก็เข้าร้านเน็ต พอดีเห็นพี่โบกกรักเล่นราชดำเนินอยู่พอดี
ตอนนั้นพี่โบกกรักอยู่อาฟริกาใต้
ก็เลยหลังไมค์บอกเล่าสถานการณ์ให้ฟัง ขอความช่วยเหลือ
พี่โบกกรักบอกทันทีว่า จะโอนให้ 1,500 บาท ไม่ต้องส่งคืน แต่ไม่รู้จะโอนได้ไหม ลองดูก่อน
พี่เอง ก็ไม่มีอะไรติดตัว เพราะตอนลูกบ้าขึ้น ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาเลย
มีเพียงกระเป๋าสะพายคู่ชีพที่พกหนังสือและบัตรประชาชนเป็นประจำเท่านั้น
ในซองบัตรประชาชน มีบัตรเอทีเอ็มเก่าที่พี่เปิดปัญชีไว้ตั้งแต่ปี 2542
เป็นบัญชีที่เปิดไว้รับค่าข้อเขียนที่พี่เขียนไปตามนิตยสารต่าง ๆ (มติชน สยามรับ เนชั่น ศิลปวัฒนธรรม ด่วยตูน ฯลฯ)
แต่ราว ๆ ปี 48 49 พี่ก็เลิกเขียน เพราะเบื่อ ไม่อยากดัง
(ทุกวันนี้ หากใครรู้ชื่อจริงพี่ ใช้กูเกิ้ล จะยังเห็นข้อมูลเรื่องนี้นิดหน่อยในเว็บมติชน
เพราะข้อเขียนบางเรื่องพี่ก็ใช้ชื่อจริง ไม่ได้ใช้นามปากกก ไม่ได้โม้)
ก็แปลว่า ไม่รู้พี่โบกกรักจะโอนได้ไหม ไม่รู้บัตรเอทีเอ็มพี่จะใช้ได้ไหม
เพราะไม่ได้ใช้มานานแล้ว และไม่ได้ลองกดดูสักที
พี่โบกกรักส่งภาพการโอนเงินมาให้ทางหลังไมค์ ว่าโอนได้แล้ว 1,000 บาท
พี่ขอบคุณ ไปกดเงิน กดได้
จากวันนั้น ก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องเงินจำนวนนี้กับพี่โบกกรักอีกเลย
มีแต่คุยกันเรื่องอื่น ทั้งทางหน้าบอร์ดและทางหลังไมค์
ตัวพี่เอง ก็คิดว่า เมื่อพี่โบกกรักกลับไทย จึงจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณและคืนเงิน
เมื่อรู้ว่าพี่โบกกรักกลับไทย ก็พยายามหาโอกาสเข้า กทม. แต่ยังไม่มีโอกาสสักที
จนเมื่อต้นปีที่แล้ว พี่ได้มีโอกาสเข้า กทม. ก็โทรหาพี่สาวเหลือน้อย
ขอเบอร์พี่โบกกรัก โทรหา
พี่โบกกรักติดงาน แต่ยังให้เกียรติพี่มาก บอกว่า จะปลีกตัวออกมาพบ อยากพบเหมือนกัน
นัดกันตอนเที่ยงวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
พี่ไปนั่งรอ พี่โบกกรักมาถึง
คำแรกที่พี่โบกกรักทักทายก็คือ เฮ้ย หล่อจริงว่ะ โดยเฉพาะจมูกโด่งจัง พี่จำไม่ลืม
จะลืมได้ไง ตาถึงแบบนี้ ไม่เหมือนป้าสาวเหลือน้อยที่สายตาสั้นใส่แว่นหนาเตอะ หาว่าพี่ไม่หล่อ
พี่โบกกรักบอกมีเวลาไม่เกินสองชั่วโมงนะ
ก็กินกันไปคุยกันไป เรื่องคดีจำนำข้าว เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง พี่โบกกรักเล่าเรื่องการทำงานให้ฟัง ฯลฯ
(ไม่ต้องห่วง ไม่มีเรื่อง "ตัวเสนียด" ในระหว่างการพูดคุยสักคำ)
แล้วจู่ ๆ พี่โบกกรักก็ลุกขึ้น บอกว่า หมดเวลา ต้องไปแล้ว
ควักเงินสองพันบาทใส่มือพี่ ว่าไว้จ่าย
พี่ร้องว่า ไม่ครับ ๆ ผมยังเป็นหนี้พี่อยู่ นี่ว่าจะใช้คืนและเลี้ยงตอบแทน
พี่โบกกรักบอกว่า เฮ้ย ไม่เป็นไร ๆ ยัดเงินใส่มือแล้วเดินออกไปทันที (จากห้องกินข้าว)
พี่จะเดินตาม แต่คนที่ร่วมวงอยู่ด้วยบอกว่า ไม่ต้องหรอก พี่แกคงรีบจริง ๆ
ในภาวะอย่างนั้น ใบฐานะลูกผู้ชาย ถือว่าเป็นเรื่องขี้หมามากครับ
ไว้วันหน้า ไว้โอกาสหน้า มีโอกาสได้พบปะกัน ค่อยว่ากันได้เสมอ
ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโม้ว่า ให้ใครยืม ช่วยเหลือใคร ทำบุญที่ไหน ใครเป็นเหลือบ
แต่พอยืมคนอื่น เงียบกริ๊บ แถมปฏิเสธหน้าตาเฉย หรือพอจนมุมก็อ้าง ยืมให้เพื่อน เพื่อนไม่คืน เลยใช้แทนเพื่อน
กลายเป็นเอาดีใส่ตัวหน้าตาเฉยซะอีก
เรื่องก็มีเท่านี้ครับ ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย มีคนรู้เห็นโดยตลอดลหายคน
และไม่ใช่สาเหตุ ไม่ใช่เหตุผล ไม่ใช่อะไรเลย
ที่คนอย่างตระกองขวัญต้องไปเอาใจคนนอกกะลา หรือเอาใจพี่โบกกรัก อย่างที่คนบางคนมันใส่ร้ายกล่าหา
กับคนนอกกะลาคนอื่น พี่ไม่รู้จัก เคยแค่คุยกันหน้าบอร์ดบ้างเท่านั้น หลังไมคฺ์ไม่เคยติดต่อ
อย่างคุณสมทัศน์ พี่รู้ว่าเศรษฐีพันล้านในนครพนมมาตั้งนานตั้งแต่เข้ามาเล่นราชดำเนิน
พี่ยังไม่เคยเข้าใกล้ เพราะเกรงว่า จะถูกมองว่าเพื่อผลประโยชน์ ไม่เคยติดต่อไม่ว่าทางใด ๆ
กับคนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน
นิดครับ
พี่ไม่อายหรอกครับ ว่าพี่มีปัญหา ในระยะหลายปีที่พี่ปลีกตัวขึ้นเหนือ ทิ้งอดีต ตัดขาดการติดต่อสัมพันธ์ไม่ว่ากับใคร
พี่ก็กระท่อนกระแท่นไปตามเรื่อง หล่อไปวัน ๆ จะหยิบยืมเงินใครพี่ก็ระวัง มีก็คืน ไม่มีก็ขอผ่อนผัน ไม่หลบหน้า
ตอนนี้ พี่กำลังแก้ปัญหาความขัดแย้ง ใจหนึ่งก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว แต่อีกใจก็ขัอข้องอยู่
เพราะมีเรื่องที่กระทบจิตใจพี่อย่างแรงมากแบบอภัยไม่ได้อยู่ในบางเรื่อง
พี่เป็นคนไม่เถียง ไม่ขึ้นเสียง หากขัดแย้งจะพูดด้วยเหตุผล หากไม่ฟัง ไม่รับ ก็เลิกพูด
สุดท้าย ก็ตัดสินใจ ทิ้งปัญหา
หากพี่กลับบ้าน พี่จิบไวน์ในสระว่ายน้ำได้สบายครับ
คนเรานั้น ไม่มีปัญหาอะไรที่มันคับใจ แก้ยากเท่ากับปัญหากับคนในครอบครัวครับ
ที่เล่านี่ ไม่ได้โม้นะครับ แค่อยากบอกให้รู้ว่า พี่ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน
เพียงแต่พี่อยู่ในภาวะไม่ยอมเป็นไส้ตะเกียงให้ใครจุดเท่านั้นเอง
พี่ก็งง ๆ นะครับ
ว่าการที่พี่ยืมเงินใคร เป็นหนี้ใคร มันคือเรื่องเลวร้ายที่พี่ต้องเสียคน หายหน้าไปจากบอร์ด
งงครับ
แต่ไอ้คนเชคเด้งดึ๊ง ๆ และทุกวันนนี้ยังเบี้ยวหนี้คนอีกหลายคน หลอกเอาเงินใครหลายคน
กลับลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นยอดบุรุษ และมีคนเชื่อถืออยู่ได้
ไม่ได้ว่าให้ใครนะครับ แค่ยอกตัวอย่างให้ฟัง ไม่ต้องหัวร้อน เด๋วผมร่วง
ไอ้คน ๆ นี้ ชอบสร้างเรื่องลวงโลกสารพัดเรื่องครับ
พอโดนแฉ ก็ข่มขู่ ปฏิเสธกลางบอร์ดหน้าตาเฉย เพราะมันเชื่อว่าไม่มีใครกล้าแฉมัน
เพราะถ้าแฉมัน มันสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ มันเลยด้านที่จะทำไขสือปฏิเสธ
คนไม่รู้ความจริง โดนมันให้ข้อมูลลวงโลก บวกมาดเสี่ย จ่ายไม่อั้น ช่วยไม่เลือก ซื้อไม่ต่อ เห็นมันทำเก่งปฏิเสธกลางบอร์ด ก็เคลิ้มสิ
คนที่เขาเกี่ยวข้อง เขาเห็นแล้ว ร้อง "เหลือรับ" กันทุกคน
นั่นคือเรื่องพี่เป็นหนี้คนนอกกะลาคนหนึ่ง ที่ชื่อล็อคอินว่า "โบกกรัก"
พี่เชื่อว่าเรื่องนี้ นิดหรืออีกหลายคนได้รับ "ข้อมูลละเลงสี" แน่นอนครับ
สังเกตได้จากการที่มันพยายามสร้างเรื่องว่า พี่เอาใจใครบางคน เข้าข้างคนบางกลุ่มเพราะเรื่องหนี้นี้แหละ
พี่จะเล่าให้ฟังครับ และไม่ใช่ความลับเลย มีคนรู้เรื่องหลายคน
และทุกคนที่ได้รับรู้ (โดยเฉพาะหลายคนที่อยู่ในวงสนทนาวันที่พูดถึงเรื่องพี่เป็นหนี้) ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องเอ็งโม้มาข้าโม้บ้าง เท่านั้นเอง
ต้นปี 56 พี่อยู่ในอำเภอ ๆ หนึ่งทางภาคเหนือ ตอนนี้ลูกบ้าขึ้น เลยไปซะงั้นแหละ
ไม่รู้จักใคร เพิ่งไปถึงตอนหัวค่ำ มีเงินติดตัวอยู่ 40 บาทถ้วน
ประมาณสามทุ่ม ก็เข้าร้านเน็ต พอดีเห็นพี่โบกกรักเล่นราชดำเนินอยู่พอดี
ตอนนั้นพี่โบกกรักอยู่อาฟริกาใต้
ก็เลยหลังไมค์บอกเล่าสถานการณ์ให้ฟัง ขอความช่วยเหลือ
พี่โบกกรักบอกทันทีว่า จะโอนให้ 1,500 บาท ไม่ต้องส่งคืน แต่ไม่รู้จะโอนได้ไหม ลองดูก่อน
พี่เอง ก็ไม่มีอะไรติดตัว เพราะตอนลูกบ้าขึ้น ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาเลย
มีเพียงกระเป๋าสะพายคู่ชีพที่พกหนังสือและบัตรประชาชนเป็นประจำเท่านั้น
ในซองบัตรประชาชน มีบัตรเอทีเอ็มเก่าที่พี่เปิดปัญชีไว้ตั้งแต่ปี 2542
เป็นบัญชีที่เปิดไว้รับค่าข้อเขียนที่พี่เขียนไปตามนิตยสารต่าง ๆ (มติชน สยามรับ เนชั่น ศิลปวัฒนธรรม ด่วยตูน ฯลฯ)
แต่ราว ๆ ปี 48 49 พี่ก็เลิกเขียน เพราะเบื่อ ไม่อยากดัง
(ทุกวันนี้ หากใครรู้ชื่อจริงพี่ ใช้กูเกิ้ล จะยังเห็นข้อมูลเรื่องนี้นิดหน่อยในเว็บมติชน
เพราะข้อเขียนบางเรื่องพี่ก็ใช้ชื่อจริง ไม่ได้ใช้นามปากกก ไม่ได้โม้)
ก็แปลว่า ไม่รู้พี่โบกกรักจะโอนได้ไหม ไม่รู้บัตรเอทีเอ็มพี่จะใช้ได้ไหม
เพราะไม่ได้ใช้มานานแล้ว และไม่ได้ลองกดดูสักที
พี่โบกกรักส่งภาพการโอนเงินมาให้ทางหลังไมค์ ว่าโอนได้แล้ว 1,000 บาท
พี่ขอบคุณ ไปกดเงิน กดได้
จากวันนั้น ก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องเงินจำนวนนี้กับพี่โบกกรักอีกเลย
มีแต่คุยกันเรื่องอื่น ทั้งทางหน้าบอร์ดและทางหลังไมค์
ตัวพี่เอง ก็คิดว่า เมื่อพี่โบกกรักกลับไทย จึงจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณและคืนเงิน
เมื่อรู้ว่าพี่โบกกรักกลับไทย ก็พยายามหาโอกาสเข้า กทม. แต่ยังไม่มีโอกาสสักที
จนเมื่อต้นปีที่แล้ว พี่ได้มีโอกาสเข้า กทม. ก็โทรหาพี่สาวเหลือน้อย
ขอเบอร์พี่โบกกรัก โทรหา
พี่โบกกรักติดงาน แต่ยังให้เกียรติพี่มาก บอกว่า จะปลีกตัวออกมาพบ อยากพบเหมือนกัน
นัดกันตอนเที่ยงวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
พี่ไปนั่งรอ พี่โบกกรักมาถึง
คำแรกที่พี่โบกกรักทักทายก็คือ เฮ้ย หล่อจริงว่ะ โดยเฉพาะจมูกโด่งจัง พี่จำไม่ลืม
จะลืมได้ไง ตาถึงแบบนี้ ไม่เหมือนป้าสาวเหลือน้อยที่สายตาสั้นใส่แว่นหนาเตอะ หาว่าพี่ไม่หล่อ
พี่โบกกรักบอกมีเวลาไม่เกินสองชั่วโมงนะ
ก็กินกันไปคุยกันไป เรื่องคดีจำนำข้าว เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง พี่โบกกรักเล่าเรื่องการทำงานให้ฟัง ฯลฯ
(ไม่ต้องห่วง ไม่มีเรื่อง "ตัวเสนียด" ในระหว่างการพูดคุยสักคำ)
แล้วจู่ ๆ พี่โบกกรักก็ลุกขึ้น บอกว่า หมดเวลา ต้องไปแล้ว
ควักเงินสองพันบาทใส่มือพี่ ว่าไว้จ่าย
พี่ร้องว่า ไม่ครับ ๆ ผมยังเป็นหนี้พี่อยู่ นี่ว่าจะใช้คืนและเลี้ยงตอบแทน
พี่โบกกรักบอกว่า เฮ้ย ไม่เป็นไร ๆ ยัดเงินใส่มือแล้วเดินออกไปทันที (จากห้องกินข้าว)
พี่จะเดินตาม แต่คนที่ร่วมวงอยู่ด้วยบอกว่า ไม่ต้องหรอก พี่แกคงรีบจริง ๆ
ในภาวะอย่างนั้น ใบฐานะลูกผู้ชาย ถือว่าเป็นเรื่องขี้หมามากครับ
ไว้วันหน้า ไว้โอกาสหน้า มีโอกาสได้พบปะกัน ค่อยว่ากันได้เสมอ
ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโม้ว่า ให้ใครยืม ช่วยเหลือใคร ทำบุญที่ไหน ใครเป็นเหลือบ
แต่พอยืมคนอื่น เงียบกริ๊บ แถมปฏิเสธหน้าตาเฉย หรือพอจนมุมก็อ้าง ยืมให้เพื่อน เพื่อนไม่คืน เลยใช้แทนเพื่อน
กลายเป็นเอาดีใส่ตัวหน้าตาเฉยซะอีก
เรื่องก็มีเท่านี้ครับ ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย มีคนรู้เห็นโดยตลอดลหายคน
และไม่ใช่สาเหตุ ไม่ใช่เหตุผล ไม่ใช่อะไรเลย
ที่คนอย่างตระกองขวัญต้องไปเอาใจคนนอกกะลา หรือเอาใจพี่โบกกรัก อย่างที่คนบางคนมันใส่ร้ายกล่าหา
กับคนนอกกะลาคนอื่น พี่ไม่รู้จัก เคยแค่คุยกันหน้าบอร์ดบ้างเท่านั้น หลังไมคฺ์ไม่เคยติดต่อ
อย่างคุณสมทัศน์ พี่รู้ว่าเศรษฐีพันล้านในนครพนมมาตั้งนานตั้งแต่เข้ามาเล่นราชดำเนิน
พี่ยังไม่เคยเข้าใกล้ เพราะเกรงว่า จะถูกมองว่าเพื่อผลประโยชน์ ไม่เคยติดต่อไม่ว่าทางใด ๆ
กับคนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน
นิดครับ
พี่ไม่อายหรอกครับ ว่าพี่มีปัญหา ในระยะหลายปีที่พี่ปลีกตัวขึ้นเหนือ ทิ้งอดีต ตัดขาดการติดต่อสัมพันธ์ไม่ว่ากับใคร
พี่ก็กระท่อนกระแท่นไปตามเรื่อง หล่อไปวัน ๆ จะหยิบยืมเงินใครพี่ก็ระวัง มีก็คืน ไม่มีก็ขอผ่อนผัน ไม่หลบหน้า
ตอนนี้ พี่กำลังแก้ปัญหาความขัดแย้ง ใจหนึ่งก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว แต่อีกใจก็ขัอข้องอยู่
เพราะมีเรื่องที่กระทบจิตใจพี่อย่างแรงมากแบบอภัยไม่ได้อยู่ในบางเรื่อง
พี่เป็นคนไม่เถียง ไม่ขึ้นเสียง หากขัดแย้งจะพูดด้วยเหตุผล หากไม่ฟัง ไม่รับ ก็เลิกพูด
สุดท้าย ก็ตัดสินใจ ทิ้งปัญหา
หากพี่กลับบ้าน พี่จิบไวน์ในสระว่ายน้ำได้สบายครับ
คนเรานั้น ไม่มีปัญหาอะไรที่มันคับใจ แก้ยากเท่ากับปัญหากับคนในครอบครัวครับ
ที่เล่านี่ ไม่ได้โม้นะครับ แค่อยากบอกให้รู้ว่า พี่ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน
เพียงแต่พี่อยู่ในภาวะไม่ยอมเป็นไส้ตะเกียงให้ใครจุดเท่านั้นเอง
พี่ก็งง ๆ นะครับ
ว่าการที่พี่ยืมเงินใคร เป็นหนี้ใคร มันคือเรื่องเลวร้ายที่พี่ต้องเสียคน หายหน้าไปจากบอร์ด
งงครับ
แต่ไอ้คนเชคเด้งดึ๊ง ๆ และทุกวันนนี้ยังเบี้ยวหนี้คนอีกหลายคน หลอกเอาเงินใครหลายคน
กลับลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นยอดบุรุษ และมีคนเชื่อถืออยู่ได้
ไม่ได้ว่าให้ใครนะครับ แค่ยอกตัวอย่างให้ฟัง ไม่ต้องหัวร้อน เด๋วผมร่วง
ความคิดเห็นที่ 6
ต้องชัดเจนแบบนี้ครับคุณหล่อ..
นี่คือความจริง ที่ทุกๆคนอยากรู้
เชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าทุกอย่าง
ที่คุณหล่อเอามาเปิดเป็นประเด็น
ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆที่บอกว่าไม่ใช่ ไม่ถูก
จริงๆแล้ว แม้จะไม่อยากเห็น การออกมา พูดสาวไส้กันแบบนี้ แต่ก็ขอยอมรับ นับถือน้ำใจ ความกล้าหาญ ของคุณหล่อ ที่ออกมาชี้แจง ในประเด็นนี้ได้แบบชัดเจนไม่กำกวม. แแ้จะมีบางคนสิ้นคิดถึงขนาดว่าโง่เอาพฤติกรรมตัวเองมาประจานให้คนอื่นสมน้ำหน้า. แต่ผมบอกเลยว่า..คนที่โง่จริงๆคือคนที่คิดว่าทำเรื่องโง่ๆแล้ว..เก็บซ่อนปฏิเสฐหรือตะแบงไปแบบข้างๆคูๆต่างหาก..เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว เชื่อว่าคนที่เกี่ยวข้องก็คงยากที่จะโต้แย้ง
เพราะความจริง จริงๆจริงๆ มันมีหนึ่งเดียว ถ้าพูดไม่หมดหรือผิดเพี้ยนไปจากนี้ ก็เตรียมรอรับ ข้อโต้แย้งหรือข้อมูลจากฝ่ายตรงข้ามได้เลย
เรื่องแบบนี้จริงๆแล้ว ถ้าไม่ไปดึงคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องก็คงไม่เป็นเรื่องแต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นมันได้เกิดขึ้นและได้ทำลายความรู้สึกดีๆที่ทั้งสองฝ่ายเคยมีให้กันไปจนหมดสิ้นแล้ว
อภัยทานคือทานที่ได้อานิสงส์ และผลบุญมากที่สุด รองจากธรรมทาน ผมในฐานะคนที่เล่นบอร์ด ที่ไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีคุณค่าราคาค่างวดอะไรให้ต้องเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง อยากจะเห็นทั้งคู่ให้อภัยซึ่งกันและกัน
การให้อภัย ไม่จำเป็นจะต้องไปข้องแวะเกี่ยวดอง หรือมีสัมพันธไมตรีอะไรต่อกันก็ได้ แต่คือการไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้ายไม่ใส่ร้ายป้ายสีหรือโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหาย แล้วเรื่องเลวร้ายต่างๆที่ผ่านมา ก็จะสงบแล้วจบลงไปด้วยดี
เอาใจช่วยทั้งสองฝ่ายให้ผ่านพ้น ความบาดหมาง ครางแครงใจแล้วขอให้ทั้งคู่ผ่านพ้น อุปสรรคตรงนี้ ไป ด้วยดี
ผมขอโทษด้วย หากคำพูดคำจาหรือคำกล่าวอ้างใด ทำให้ท่าน ทั้งสอง ไม่สบายใจ จริงๆแล้วไม่ได้มีเจตนา จะต่อว่าหรือซ้ำเติม หรือติฉินนินทาใครหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
อยากเห็นบอร์ดของพวกเรามีความรักความสมัครสมานสามัคคีกันในทางที่ถูกที่ควร และหวังว่าท่านทั้งสอง ที่ได้ต่อต้าน กับความไม่ถูกต้องหรือความอยุติธรรมมาโดยตลอดจะไม่ต่อต้านกันเอง ในความอยุติธรรมนั้นๆ ที่อีกฝ่ายออกมาแสดงความเห็นหรือพูดง่ายๆก็คือ ยอมเชียรหรือยืนอยู่ข้างความไม่ถูกต้อง เพราะคนไม่ชอบขี้หน้าเราดันไปยืนอยู่ฝ่าย ถูกต้องก่อนแล้วเหมือนใครหลายๆคนในกระดานนี้
นี่คือความจริง ที่ทุกๆคนอยากรู้
เชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าทุกอย่าง
ที่คุณหล่อเอามาเปิดเป็นประเด็น
ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆที่บอกว่าไม่ใช่ ไม่ถูก
จริงๆแล้ว แม้จะไม่อยากเห็น การออกมา พูดสาวไส้กันแบบนี้ แต่ก็ขอยอมรับ นับถือน้ำใจ ความกล้าหาญ ของคุณหล่อ ที่ออกมาชี้แจง ในประเด็นนี้ได้แบบชัดเจนไม่กำกวม. แแ้จะมีบางคนสิ้นคิดถึงขนาดว่าโง่เอาพฤติกรรมตัวเองมาประจานให้คนอื่นสมน้ำหน้า. แต่ผมบอกเลยว่า..คนที่โง่จริงๆคือคนที่คิดว่าทำเรื่องโง่ๆแล้ว..เก็บซ่อนปฏิเสฐหรือตะแบงไปแบบข้างๆคูๆต่างหาก..เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว เชื่อว่าคนที่เกี่ยวข้องก็คงยากที่จะโต้แย้ง
เพราะความจริง จริงๆจริงๆ มันมีหนึ่งเดียว ถ้าพูดไม่หมดหรือผิดเพี้ยนไปจากนี้ ก็เตรียมรอรับ ข้อโต้แย้งหรือข้อมูลจากฝ่ายตรงข้ามได้เลย
เรื่องแบบนี้จริงๆแล้ว ถ้าไม่ไปดึงคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องก็คงไม่เป็นเรื่องแต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นมันได้เกิดขึ้นและได้ทำลายความรู้สึกดีๆที่ทั้งสองฝ่ายเคยมีให้กันไปจนหมดสิ้นแล้ว
อภัยทานคือทานที่ได้อานิสงส์ และผลบุญมากที่สุด รองจากธรรมทาน ผมในฐานะคนที่เล่นบอร์ด ที่ไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีคุณค่าราคาค่างวดอะไรให้ต้องเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง อยากจะเห็นทั้งคู่ให้อภัยซึ่งกันและกัน
การให้อภัย ไม่จำเป็นจะต้องไปข้องแวะเกี่ยวดอง หรือมีสัมพันธไมตรีอะไรต่อกันก็ได้ แต่คือการไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้ายไม่ใส่ร้ายป้ายสีหรือโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหาย แล้วเรื่องเลวร้ายต่างๆที่ผ่านมา ก็จะสงบแล้วจบลงไปด้วยดี
เอาใจช่วยทั้งสองฝ่ายให้ผ่านพ้น ความบาดหมาง ครางแครงใจแล้วขอให้ทั้งคู่ผ่านพ้น อุปสรรคตรงนี้ ไป ด้วยดี
ผมขอโทษด้วย หากคำพูดคำจาหรือคำกล่าวอ้างใด ทำให้ท่าน ทั้งสอง ไม่สบายใจ จริงๆแล้วไม่ได้มีเจตนา จะต่อว่าหรือซ้ำเติม หรือติฉินนินทาใครหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
อยากเห็นบอร์ดของพวกเรามีความรักความสมัครสมานสามัคคีกันในทางที่ถูกที่ควร และหวังว่าท่านทั้งสอง ที่ได้ต่อต้าน กับความไม่ถูกต้องหรือความอยุติธรรมมาโดยตลอดจะไม่ต่อต้านกันเอง ในความอยุติธรรมนั้นๆ ที่อีกฝ่ายออกมาแสดงความเห็นหรือพูดง่ายๆก็คือ ยอมเชียรหรือยืนอยู่ข้างความไม่ถูกต้อง เพราะคนไม่ชอบขี้หน้าเราดันไปยืนอยู่ฝ่าย ถูกต้องก่อนแล้วเหมือนใครหลายๆคนในกระดานนี้
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ถึง "เพชน้ำนิล" ครับ (ฮ่า ฮ่า ฮ่า และแผ่ส่วนบุญถึง cnck & the gang ที่ตบเข่าฉาด ๆ ว่า ไอ้ขวัญตายแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
เกริ่น
ขอขำ cnck & the gang ก่อนล่ะครับ
ที่คิดว่า ได้ข้อมูลเด็ด มีท้อปซีเคร็ตมาถล่มหล่อขวัญ ได้ "เพชรน้ำนิล" มาเป็นพยานปากเอก เป็น "เครื่องมือ" ฟันให้ยับ
ขอบอกว่า ขำครับ
เข้าเรื่อง :
ก่อนอื่น
นิดครับ (ขอเรียกเพชรน้ำนิลว่า "นิด" อย่างที่เคยเรียกมาตลอดนะครับ)
พี่ขอโทษที่รบกวนเรื่องเงินกับนิด เพราะพี่ไม่รู้จริง ๆ ว่านิดก็มีปัญหาในเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่ทันทีที่พี่เข้าราชดำเนินวันนี้ ก็ได้รับหลังไมค์จากเพื่อนผู้หวังดีหลายคน บอกเล่าว่า
เขาก็เคย "ช่วยเหลือ" หรือนิดไปขอความช่วยเหลือจากเขาเหมือนกับที่พี่ขอความช่วยเหลือจากนิดนี่แหละ
ทำให้พี่รู้ เพิ่งรู้นี่แหละครับ ว่าพี่คิดผิดที่รบกวนนิดที่มีปัญหาเหมือนกัน
ขอโทษจริง ๆ
เพราะทุกครั้งที่ขอความช่วยเหลือ นิดไม่เคยตอบว่า ไม่มี มีแต่บอกว่า เอาเลขที่บัญชีมาจะโอนให้ และก็โอนให้ทันที
อย่างที่เคยบอกนิด ว่าทำไมต้องรบกวน เพราะพี่หันหลังให้อดีตทุกอย่าง ทำอะไรไม่ยอมเชื่อมโยงกับอดีตเด็ดขาด
ซึ่งนิดกับพี่ก็เคยนั่งคุยกัน ปรับทุกข์สุขกัน เล่าเรื่องปัญหาครอบครัวของกันและกันสู่กันฟัง
ถือว่าเป็น "เพื่อน" ที่ปรึกษา พูดคุย พึ่งพาได้ในยามยาก (พี่คิดอย่างนี้)
แม้กระทั่งตอนนิดมีปัญหากับอ้ายคนอุบล เราก็ยังโทรศัพท์ปรึกษาพูดคุยปลุกปลอบให้กำลังใจกัน
ไม่มีปัญหาครับ พี่เข้าใจทุกอย่าง พี่อ่านขาดทุกช้อต
เข้าประเด็น
เงิน 1,000 จริงไหม ?
นี่ก็ขอโทษอีกครั้งครับ ที่พี่พูดเฉพาะ "ครั้งสุดท้าย" ที่ยืมนิดเมื่อเดือนที่แล้ว
เพราะพี่คิดว่าคงมีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่นิดเล่าให้ "ลูกพี่" ฟัง
แต่เมื่อนิดมาตั้งกระทู้ถามแบบนี้ พี่ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังหรืออับอายหรอกครับ
พี่ไม่ใช่จอมลวงโลก ร้อยแปดมงกุฏที่หลอกให้ใครต่อใครเชื่อได้ศรัทธาได้จนโงหัวไม่ขึ้น
ต้นปี 56 มีมีปัญหาชีวิตหนัก หนักมากกว่าตอนนี้เยอะ
ตอนนั้นนิดอยู่ภูเก็ต พี่มีเบอร์นิด พี่ก็เลยโทรขอยืมนิดสามพันบาท นิดโอนให้
ไม่กี่วันต่อมา พี่มีเงิน แต่ยังไม่ถึงสามพัน พี่ก็โอนคืนนิดไปก่อน เพราะเกรงว่านิดจะไม่มีใช้เหมือนกัน
พี่โอนคืนให้นิดไปสองครั้ง รวมแล้วเป็นเงินพันกว่าบาท นั่นหมายความว่าพี่ยังเป็นหนี้นิดอยู่อีกพันกว่าบาท
หลังจากนั้น พี่ก็ติดต่อกับนิด ว่าเลขที่บัญชีที่นิดให้พี่มานั้น หายแล้ว ไม่รู้อยู่ไหน
ขอเลขบัญชีจากนิดอีกที แต่นิดตอบว่า ไม่ให้ ไม่ต้องคืนเงิน
เอาเป็นว่า หากมีโอกาสได้เจอกันที่ กทม. ให้พี่เลี้ยงข้าวนิดแทนใช้หนี้
จริงไหมครับ ?
ผ่านมา 4 ปี เราก็ไม่มีโอกาสเจอกัน มีแค่หลังไมค์คุยกันบ้าง หยอกเย้ากันหน้าบอร์ดบ้าง
พี่โทรหานิดอีกครั้งราว ๆ กลางปี 59 สะกิดเตือนนิดว่า กับคนบางคนนั้น ให้อยู่ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า อันตราย ไม่น่าคบหา
แต่นิดไม่เชื่อ พี่ก็ไม่ได้ยุ่งอีก ปล่อนให้เป็นการตัดสินพิจารณาของนิดเอง
ที่พี่โทรเตือนนิด ก็เพราะพี่ "รู้" รู้มากด้วย
ตอนคน ๆ นั้นไปซ่าในกลุ่มกะลา ๆ อะไรนั่น พี่ยังคิด ไม่นานหรอก เละ
ผิดซะที่ไหน
พี่ยืมนิดครั้งที่ 2 เมื่อกลางปีนี้ พี่อยู่โรงพยาบาล แต่มีปัญหากับคนที่ถือเงิน
พี่เลยโทรหานิด ขอความช่วยเหลือ ขอยืมนิดพันบาทจ่ายค่ายา นิดโอนให้ทันทีพันห้า
อีกหลายวันต่อมา พี่โทรหานิดสองสามครั้ง เพื่อติดต่อคืนเงิน แต่นิดไม่รับสาย
ใช่ไหมครับ ?
ล่าสุด ปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ดึกดื่นมั้ง ราวสามสี่ทุ่ม
พี่อยู่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง หมดเงิน เปลี่ยนเบอร์ทอสับใหม่ ไม่มีเบอร์ใคร
จำเบอร์นิดได้มั่งไม่ได้มั่ง เลยลองโทรไป ปรากฎว่าใช่
นิดรับสายปั๊บ พี่พูดทันที่ว่า พระเจ้าทรงโปรด
แล้วขอความช่วยเหลือจากนิดพันบาท
ซึ่งนิดบอกว่าไม่รู้จะโอนได้ไหม IB นิดรวน ๆ พี่ก็บอกว่า ไม่เป็นไรครับ โอนได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ปรากฎว่า โอนได้
ในการคุยโทรศัพท์ครั้งนี้ พี่พูดถึงเรื่องเงิน 1,500 บาท ที่นิดให้ยืมครั้งก่อน
ว่าตอนนั้นโทรหานิดว่าจะคืน นิดไม่รับสาย เลยไม่ได้คืน ตอนนี้หมดแล้วนะว้อย ไม่มีคืน
เอาไว้คืนพร้อมกันทั้งหมดก็แล้วกัน
นิดตอบว่าไม่เอาคืน ไม่ต้องคืน พี่ก็แย้งว่าไม่ได้ ต้องคืน
จนที่สุด นิดบอกว่า เอาไว้พูดกันอีกตอนพี่แก้ปัญหาได้แล้วกัน ค่อยว่าเรื่องคืนกันอีกที
หลายวันต่อมา ช่วงเย็น
นิดโทรหาพี่ ว่าพี่หายไปจากบอร์ดทำไม หนีหนี้หรือเปล่า ?
ตรงนี้แหละครับ ที่พี่เก็ตทันทีว่าอะไรเป็นอะไร
พอพี่เก็ต พี่ก็เก็บอาการไว้ พูดคุยกับนิดไปธรรมดา
นิดก็พูดคุยแบบขำ ๆ จนพี่พูดว่า เฮ้ย มีอีกสักพันไหม ยืมหน่อยดี๊ นิดก็ตอบว่า ไม่มีโว้ย
เป็นการพูดคุยกันแบบพี่น้อง ออกว่ะออกโว้ยแบบกันเอง เหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่พี่คิด อ่านทะลุ
เช้า ตั้งแต่หกโมงเช้า พี่ก็ส่ง sms ถึงนิดว่า ถ้านิดไม่ช่วยพี่ตายแน่
นี่แหละ จึงนำมาสู่การที่ cnck นำมาโจมตีพี่ในตอนนี้ (โปรดสังเกตข้อความที่พี่ตอบโต้ cn ในทู้ก่อน ที่พี่บอกว่า อ่านขาด คิดแล้วถึงทำ)
แล้วพี่ก็หลังไมค์หานิดว่า การที่นิดบอกว่าพี่ไม่ต้องคืนเงินนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า เป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้
เป็นการใช้ถ้อยคำเหมือนลักษณะการพูดคุยโทรศัพท์ที่เราคุยกับแบบโว้ยว่ะนั่นแหละ
แต่นิดจะเอาไปคิดว่าพี่ตำหนิด่าว่า ก็ไม่รู้จะว่าไงล่ะครับ
หลังจากยืมเงินนิดครั้งล่าสุด พี่ก็หลังไมค์บอกนิดใช่ไหมครับ
ว่าพี่รู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด รู้สึกผิดที่รบกวนนิด และบอกเล่าปัญหาให้นิดฟัง และขอเวลา
นิดลองอ่านหลังไมค์ล่าสุดไม่นานมานี่ที่นิดส่งถึงพี่ดูสิครับ ว่ามีถ้อยคำนี้ไหม
ตังค์ที่นิดให้พี่ไปน่ะ พี่ไม่ต้องคืนนิดหรอกค่ะ พี่อย่ากังวลตรงนี้
ซึ่งเป็นถ้อยคำ ข้อความ ที่นิดบอกกับพี่เสมอมาตั้งแต่พี่ยืมเงินครั้งแรกตั้งแต่ต้นปี 56
จึงไม่ใช่เรื่องพี่ยืมแล้วไม่คืน แต่เป็นเรื่องที่กลายเป็นเงื่อนไขเลี้ยงข้าวแทนหนี้
และเป็นเงื่อนไขที่ว่า พี่ขอเวลาแก้ปัญหาอีกนิดแล้วจะคืน
ซึ่งเราก็ถกแย้งกันว่า ไม่ต้องคืน คืน จนสรุปว่า ไว้คุยกันอีกทีแล้วกัน
ใช่ไหมครับ ?
ย้อนกลับมาประเด็น เรื่อง 1,000 จริงไหม ?
ก็ตอบได้เลยครับ ว่าไม่จริง แต่ที่พี่ตอบโต้กับ cn ว่าเงินแค่หลักหนึ่งพันบาทนั้น
ก็แค่กลวิธีการถกเท่านั้นแหละครับ เพื่อ "ดึง" ให้ทุกอย่างได้ออกมาเล่นกันกลางวง
พี่ว่าวิธีการมันได้ผลนะครับ
พี่ยืมนิดสามครั้ง ไม่ถึงเสี้ยวเศษที่คนบางคนไปหลอกเอากับคนอื่นหรอกครับ
มันยังมีหน้ามาเย้ว ๆ ว่าพี่ยังงั้นยังงี้
ตลกสิ้นดี
พี่ไม่อายหรอกครับ กับเงินที่พี่เป็นหนี้นิดอยู่ตอนนี้รวมแล้วสามพันกว่าบาท
พี่ไม่ได้หลอกลวงต้มตุ๋นนิด เป็นแค่เรื่องเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือ และพร้อมส่งคืน
เพียงแต่ตอนมี นิดไม่เอาคืน และตอนนี้ ยังไม่มีส่งคืน เท่านั้นเอง
แต่นิดลองคิดดุนะครับ ว่าสามพันกว่าบาทนี้ คุ้มไหมกับการ "เลือกข้าง" เพื่อเป้าหมายทำลายพี่ในครั้งนี้
พี่ไม่ติดใจอะไรนิดหรอกครับ พี่เข้าใจทุกอย่าง อ่านขาด ว่าทำไมนิดต้อง "เลือกข้าง" เพื่อทำลายพี่แบบนี้
นิดอาจจำเป็น เพราะเคยได้รับความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อจากเขา กลายเป็นชะนักบุญคุณที่ต้องตอบแทน
หรือไม่ก็ กลายเป็น "เหยื่อ" ที่โดนกล่อมจนเคลิ้น โดนครอบสนิท เหมือนกับอีกหลายคนที่กำลังอยู่ในภาวะอย่างเดียวกันกับนิด
เรื่องพี่เป็นหนี้นิด ยืมเงินนิดนี่ พี่ก็บอกเล่าสู่คนอื่นฟังอยู่นะครับ
ไม่ใช่พี่ยืมแล้วเก็บเงียบ กลัวคนอื่นรู้ แต่ไม่ใช่พี่บอกเล่าสู่ทุกคนฟัง ก็เล่าแบบหากคุยกับใคร มีเอ่ยถึงก็เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่บุคคลที่ไว้ใจได้ ปรึกษาได้
พี่ไม่ได้เป็นความลับอะไรเลยครับ
เพื่อนบางคน พี่ก็เล่าสู่เขาฟังว่า พี่ขอความช่วยเหลือจากใครบ้าง
เขารู้
กับคนที่ช่วยเหลือพี่ พี่ก็บอกตามตรง ว่ายังไม่มี ยังมีปัญหา ยังแก้ไม่จบ ขอเวลา
ไม่มีการหลบหน้า หลีกหนี ยังพูดคุยกันเป็นปกติ
นิดครับ
หากการยืมเงินของพี่เป็นเรื่องแย่ ใช้ไม่ได้ เป็นคนไม่น่าคบหา
นิดลองมองคนที่นิดกำลังหลงบูชาดูสิครับ ดูให้ทั่ว
พี่กล้าพูดได้เลย ถึงพี่จะมีปัญหาทางการเงิน (เพราะมีความขัดแย้งในครอบครัว)
แต่พี่กล้าพูดว่า ในด้านการเงินพี่ดีกว่าคน ๆ นั้นแน่นอนครับ
อย่างน้อย พี่ก็มีบัญชีเป็นของตัวเอง มีหลายบัญชีด้วย
มีบัตรเอทีเอ็มเป็นของตัวเอง เวลายืมเงินใคร ก็โอนเข้าบัญชีตัวเอง ไม่ต้องหลอกใครเขาว่าโอนเข้าบัญชีเพื่อน
พี่และครอบครัว ไม่ได้เป็น NPL แต่สร้างภาพอวดรวย หลอกคนอื่นว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ
พี่ไม่ได้ทิ้งภาระให้คนในครอบครัวต้องก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ พี่ไม่ได้ถูกพี่น้องในครอบครัวประนามว่าไอ้ตัวล้างผลาญเหมือนบางคน
นิดครับ กระทู้นี้ของพี่ https://ppantip.com/topic/37108238
เป็นการทำลายความเชื่อถือนิด ลบหลู่นิด หยามหมิ่นนิดอย่างที่มีคน "กล่อม" นิดอยู่จริง ๆ เหรอครับ ?
เอาเป็นว่า คำ ตังค์ที่นิดให้พี่ไปน่ะ พี่ไม่ต้องคืนนิดหรอกค่ะ พี่อย่ากังวลตรงนี้
เป็นโมฆะนะครับ ขอให้นิดหลังไมค์เลขที่บัญชีให้พี่ด้วย
พรุ่งนี้พี่จะโอนเงินคืนนิด ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะคืนครับ ขอเวลาอีกไม่เกิน 24 ชม. นะครับ
ไม่มีอะไรโกรธเคืองนะครับ พี่ไม่มีอะไรติดใจนิด พี่เข้าใจนิดทุกอย่าง
และขอโทษอีกครั้งที่รบกวนนิด (ไม่รู้นี่หว่าว่าจนเหมือนกัน)
สัมพันธ์เรายังเหมือนเดิมนะครับ ความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องไม่สูญหาย
พี่ไม่ใช่คนประเภทพวกเอ็งพวกข้า พี่ยึดถือเหตุผลและความเหมาะสมเป็นหลัก
ไว้ค่ำ ๆ จะเข้ามาตั้งทู้ถึงคุณ cn ซะหน่อย
มีนิทานจะเล่าให้ฟังสักนิดครับ รับรองสนุก เรื่องเก่า ๆ นั่นแหละครับ (เรื่องใหม่ ๆ เอาไว้วันต่อไป ขอย้ำเรื่องเก่า ๆ ก่อน)
แต่เรื่องสนุก เล่ากี่ทีก็สนุก โดยเฉพาะคนเล่าที่หล่อ ๆ
ค่ำ ๆ ครับ
ตอนนี้ พักกินยา นอน