(รูปเป็นช่วงตอนลงไปที่แอ่งลำธารและกำลังจะขึ้นไปอีกฝั่งครับ)
“แล้วถ้าหลงล่ะ ?”
“แล้วถ้าเจองูล่ะ ?”
“แล้วถ้าเจออะไรที่ประหลาดกว่านั้นล่ะ ?”
คำถามพวกนี้เกาะอยู่เต็มหัวผมไปหมดตอนอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น ใน “ป่า” ของจริง
วันนั้นเป็นวันที่ 9 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผมตกลงใจจะไปเที่ยวสถานที่ที่ชื่อว่า “ช่องเย็น” ซึ่งตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ
วงก์ อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งผมได้ยินชื่อมานานแล้วว่าช่องเย็นเนี่ยมันหนาวทั้งปี อากาศดีทั้งปี เลยอยากจะไปพิสูจน์ดูว่ามันจะเย็นทั้งปีจริงอย่างที่ลือมั้ย จึงเลือกเดือนที่ร้อนที่สุดของปีเลยครับ เมษายน ให้มันรู้กันไปเลย 5555
การเดินทางไปง่ายครับ ไปได้หลายเส้นทางและถนนไม่แย่ครับ ลาดยางตลอดเส้นทาง (ผมใช้เส้นทางจากนครสวรรค์ ไปทางกิ่งอำเภอแม่วงก์ และเลี้ยวขวาตรงยาวถึงอุทยานฯเลยครับ) เส้นทางจากที่ทำการอุทยานต์ขึ้นไปถึงช่องเย็นระยะทางประมาณ 20 กิโล ก็ลาดยางตลอดเส้นทางเช่นกันครับ เพราะงั้นหมดห่วงเรื่องทางแย่ สภาพรถแย่จะขึ้นไม่ได้หรืออะไร ไหวทุกคันแน่นอน (แถมระหว่างทางต้นไม้ใหญ่ๆ เพียบ ใหญ่มากๆ เห็นแล้วขนลุกเลยครับว่าต้นใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้เวลาเติบโตมากี่ปีเนี่ย) ระหว่างทางก็จะมีมุมให้แวะจอดถ่ายรูปตลอดทางครับเพราะทางที่ตัดขึ้นไปเป็นการลัดเลาะไปในหุบเขา ทำให้ต้องวิ่งบนเส้นทางที่อยู่ระหว่าง หุบเขา-หุบเหว ตลอดเวลา ทำให้มีมุมที่สวยงามตลอดทางเลยครับ
เมื่อมาถึงด้านบนแล้วก็ต้องตกใจจริงๆ ครับ ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่ 9 เมษายน เดือนที่น่าจะร้อนที่สุดของปี แต่อากาศด้านบนจะต่ำกว่า 15 องศาอยู่ได้ (วันที่ผมไปประมาณ 13-15 องศาครับ) บวกกับความเขียวของธรรมชาติรอบๆ ตัวทำให้เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เหมือนได้หลุดไปอีกมิตินึงที่ไม่ใช่ประเทศไทย (ใครอยากลาพักร้อนจากประเทศไทย ลองไปดูครับ อากาศดีจริงๆ) หลังจากจัดแจงกางเต้นท์ เก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินสำรวจพื้นที่ครับ ก็ได้ไปเจอกับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” เข้า ซึ่งตามป้ายบอกระยะทางไว้ประมาณ 800 – 1000 เมตร ครับ ก็คิดว่าเออ ไม่ไกล เข้าไปเดินเล่นซะหน่อยดีกว่า แต่พอมองเข้าไปก็ต้องกลับมาคิดใหม่ครับ เพราะไม่ต่างกับทางเดินหาของป่าเลย คือมันเป็นรอยทางเดินเส้นเดียวตรงเข้าไปในป่าห้วนๆ เลยครับ ไม่มีราวเกาะ ไม่มีป้ายระหว่างทางอะไรเลย ต้นไม้ขึ้นประมาณครึ่งแข้งตลอดทาง ด้วยความเป็นคนใจกล้าอยู่แล้ว ก็ออกเดินเลยครับ... เดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่ 55555 ไปถามพี่เขาครับว่าเส้นทางนี้มันยังเดินได้อยู่ไหม ปลอดภัยไหม ระยะทางตามป้ายจริงหรือเปล่า พี่เค้าก็บอกมาว่าเดินได้ครับระยะทางไม่ไกล สวย และที่สำคัญเค้าบอกว่า
“ให้เดินตามเส้นทางที่เด่นชัดที่สุด”.... ตอนฟังก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรครับ เพราะตรงทางเข้าที่เห็นเส้นทางมันชัดมากๆ เรียกว่าเหมือนเส้นทางที่ใช้ทุกวัน เดินเข้าไปไม่มีทางหลงแน่นอน ก็โอเค ขอบคุณพี่เขาแล้วก็มาจัดแจงเตรียมของติดตัวเข้าไปครับ ลองซะหน่อยดีกว่า จะสูดธรรมชาติให้ชุ่มปอดเลย
เดินเข้ามาก็รู้สึกหึกเหิมดีครับ รู้สึกถึงการผจญภัย สนุกมากๆ ตื่นเต้น อยากไปต่อเรื่อยๆ แต่พอเข้ามาได้ซัก 100 – 200 เมตร บรรยากาศมันเริ่มเปลี่ยนไป เหลียวมองข้างหลังไม่ใช่ป้ายทางเข้าแล้ว ไม่เห็นอาคารห้องน้ำแล้ว มีแต่ป่าสีเขียวและเส้นทางเล็กๆที่เดินผ่านมา.. ความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไป (55555) เริ่มหวั่นนิดหน่อยในใจครับ “เอ๊ มาแค่นี้ดีมั้ยนะ เดี๋ยวไปต่อมันจะอันตรายเอา” ความคิดแบบนี้เริ่มเข้ามาในสมองครับ แต่มาแบบเล็กๆน้อยๆ ปัดให้ออกไปได้เหมือนแมงหวี่แมงวัน ก็โอเค ไปต่อครับไม่ถึงกิโล สบายๆ เดี๋ยวก็ถึง พอมาช่วงกลางทางนี่เริ่มไม่ใช่แล้วครับ นี่มันป่า ป่าดีๆนี่เอง เส้นทางที่ชัดเจนบนพื้นเริ่มเลือนลางเต็มทีครับ นึกถึงคำที่พี่เจ้าหน้าที่บอกไว้เลยครับ ชัดเจนในหัวเลยตอนนี้ (เพราะบางทีมีทางแยกครับ ก็ค้องเดาทิศทางเอาว่าน่าจะทางนี้ เพราะมันเป็นทางวนกลับที่เดิม ถ้าทางไหนมันน่าจะไปในทิศทางที่ออกห่างจากพื้นที่นักท่องเที่ยวก็อย่าไปครับ เตลิดแน่นอน) มองพื้น มองข้างหน้า มองข้างหลัง ตลอดเวลาเลยทีนี้ ลุกลี้ลุกลนไปหมด กลัวครับบอกตรงๆ แต่เป็นความกลัวแบบสนุก แบบกลัวนะแต่อยากไปต่อ อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากเอาชนะตัวเองครับ เดินไปเรื่อยๆ จะเจอลำธารครับ ไหลมาจากทางลานกางเต้นท์ โดยจะเป็นแอ่งลงไปเป็นลำธารน้อยๆและขึ้นอีกฝั่งครับ ก็เอาเลยครับ ลงเลยและขึ้นอีกฝั่ง โชคดีมากๆครับที่ทางมันนำกลับไปยังทิศที่ลานกางเต้นท์ตั้งอยู่ ทำให้ใจชื้นขึ้นมากว่าไม่หลงแน่ๆ กลับได้แน่นอน ก็เดินกลับมาจนถึงอีกด้านหนี่งของลานกางเต้นท์อย่างปลอดภัยครับ
เรียกได้ว่าเป็นการเข้าป่า(น้อยๆ) คนเดียวครั้งแรกเลย ทำให้ได้รู้ว่าธรรมชาติมันน่ากลัวจริงๆ คือถ้าเป็นอะไรกลางทางนี่คิดไม่ออกเลยว่าจะรอดได้ยังไง แต่ที่ตัดสินใจเดินไปมันมาจากใจล้วนๆเลย เป็นเหมือนช่วงเวลาตัดสินใจระหว่าง “กล้า” กับ “ไม่กล้า” เท่านั้นจริงๆ ไม่มีใครให้ปรึกษา มีแต่ตัวเองทั้งนั้นเลยตรงนั้น เรียกว่าเป็นอะไรที่ต้องพึ่งตัวเองอย่างแท้จริงเลย ผมเลยเรียกมันขำขำกับตัวเองว่า มันคือ
"ช่วงเวลาแห่งความกล้าหาญ" ครับ
เลยอยากชวนคุยกับเพื่อนๆ ครับ ว่าเพื่อนๆเคยเจอประสบการณ์ที่ต้องตัดสินใจ ระหว่างท่องเที่ยวบ้างหรือเปล่า ? แล้วเหตุการณ์เป็นยังไงครับ ? ตื่นเต้นไหม น่ากลัว สนุกสนานมั้ย อะไรยังไง มาเล่าสู่กันฟังครับ
"ช่วงเวลาแห่งความกล้าหาญ" ของเพื่อนๆ เป็นอย่างไรบ้างครับ
(รูปเป็นช่วงตอนลงไปที่แอ่งลำธารและกำลังจะขึ้นไปอีกฝั่งครับ)
“แล้วถ้าหลงล่ะ ?”
“แล้วถ้าเจองูล่ะ ?”
“แล้วถ้าเจออะไรที่ประหลาดกว่านั้นล่ะ ?”
คำถามพวกนี้เกาะอยู่เต็มหัวผมไปหมดตอนอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น ใน “ป่า” ของจริง
วันนั้นเป็นวันที่ 9 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผมตกลงใจจะไปเที่ยวสถานที่ที่ชื่อว่า “ช่องเย็น” ซึ่งตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติวงก์ อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งผมได้ยินชื่อมานานแล้วว่าช่องเย็นเนี่ยมันหนาวทั้งปี อากาศดีทั้งปี เลยอยากจะไปพิสูจน์ดูว่ามันจะเย็นทั้งปีจริงอย่างที่ลือมั้ย จึงเลือกเดือนที่ร้อนที่สุดของปีเลยครับ เมษายน ให้มันรู้กันไปเลย 5555
การเดินทางไปง่ายครับ ไปได้หลายเส้นทางและถนนไม่แย่ครับ ลาดยางตลอดเส้นทาง (ผมใช้เส้นทางจากนครสวรรค์ ไปทางกิ่งอำเภอแม่วงก์ และเลี้ยวขวาตรงยาวถึงอุทยานฯเลยครับ) เส้นทางจากที่ทำการอุทยานต์ขึ้นไปถึงช่องเย็นระยะทางประมาณ 20 กิโล ก็ลาดยางตลอดเส้นทางเช่นกันครับ เพราะงั้นหมดห่วงเรื่องทางแย่ สภาพรถแย่จะขึ้นไม่ได้หรืออะไร ไหวทุกคันแน่นอน (แถมระหว่างทางต้นไม้ใหญ่ๆ เพียบ ใหญ่มากๆ เห็นแล้วขนลุกเลยครับว่าต้นใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้เวลาเติบโตมากี่ปีเนี่ย) ระหว่างทางก็จะมีมุมให้แวะจอดถ่ายรูปตลอดทางครับเพราะทางที่ตัดขึ้นไปเป็นการลัดเลาะไปในหุบเขา ทำให้ต้องวิ่งบนเส้นทางที่อยู่ระหว่าง หุบเขา-หุบเหว ตลอดเวลา ทำให้มีมุมที่สวยงามตลอดทางเลยครับ
เมื่อมาถึงด้านบนแล้วก็ต้องตกใจจริงๆ ครับ ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่ 9 เมษายน เดือนที่น่าจะร้อนที่สุดของปี แต่อากาศด้านบนจะต่ำกว่า 15 องศาอยู่ได้ (วันที่ผมไปประมาณ 13-15 องศาครับ) บวกกับความเขียวของธรรมชาติรอบๆ ตัวทำให้เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เหมือนได้หลุดไปอีกมิตินึงที่ไม่ใช่ประเทศไทย (ใครอยากลาพักร้อนจากประเทศไทย ลองไปดูครับ อากาศดีจริงๆ) หลังจากจัดแจงกางเต้นท์ เก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินสำรวจพื้นที่ครับ ก็ได้ไปเจอกับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” เข้า ซึ่งตามป้ายบอกระยะทางไว้ประมาณ 800 – 1000 เมตร ครับ ก็คิดว่าเออ ไม่ไกล เข้าไปเดินเล่นซะหน่อยดีกว่า แต่พอมองเข้าไปก็ต้องกลับมาคิดใหม่ครับ เพราะไม่ต่างกับทางเดินหาของป่าเลย คือมันเป็นรอยทางเดินเส้นเดียวตรงเข้าไปในป่าห้วนๆ เลยครับ ไม่มีราวเกาะ ไม่มีป้ายระหว่างทางอะไรเลย ต้นไม้ขึ้นประมาณครึ่งแข้งตลอดทาง ด้วยความเป็นคนใจกล้าอยู่แล้ว ก็ออกเดินเลยครับ... เดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่ 55555 ไปถามพี่เขาครับว่าเส้นทางนี้มันยังเดินได้อยู่ไหม ปลอดภัยไหม ระยะทางตามป้ายจริงหรือเปล่า พี่เค้าก็บอกมาว่าเดินได้ครับระยะทางไม่ไกล สวย และที่สำคัญเค้าบอกว่า “ให้เดินตามเส้นทางที่เด่นชัดที่สุด”.... ตอนฟังก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรครับ เพราะตรงทางเข้าที่เห็นเส้นทางมันชัดมากๆ เรียกว่าเหมือนเส้นทางที่ใช้ทุกวัน เดินเข้าไปไม่มีทางหลงแน่นอน ก็โอเค ขอบคุณพี่เขาแล้วก็มาจัดแจงเตรียมของติดตัวเข้าไปครับ ลองซะหน่อยดีกว่า จะสูดธรรมชาติให้ชุ่มปอดเลย
เดินเข้ามาก็รู้สึกหึกเหิมดีครับ รู้สึกถึงการผจญภัย สนุกมากๆ ตื่นเต้น อยากไปต่อเรื่อยๆ แต่พอเข้ามาได้ซัก 100 – 200 เมตร บรรยากาศมันเริ่มเปลี่ยนไป เหลียวมองข้างหลังไม่ใช่ป้ายทางเข้าแล้ว ไม่เห็นอาคารห้องน้ำแล้ว มีแต่ป่าสีเขียวและเส้นทางเล็กๆที่เดินผ่านมา.. ความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไป (55555) เริ่มหวั่นนิดหน่อยในใจครับ “เอ๊ มาแค่นี้ดีมั้ยนะ เดี๋ยวไปต่อมันจะอันตรายเอา” ความคิดแบบนี้เริ่มเข้ามาในสมองครับ แต่มาแบบเล็กๆน้อยๆ ปัดให้ออกไปได้เหมือนแมงหวี่แมงวัน ก็โอเค ไปต่อครับไม่ถึงกิโล สบายๆ เดี๋ยวก็ถึง พอมาช่วงกลางทางนี่เริ่มไม่ใช่แล้วครับ นี่มันป่า ป่าดีๆนี่เอง เส้นทางที่ชัดเจนบนพื้นเริ่มเลือนลางเต็มทีครับ นึกถึงคำที่พี่เจ้าหน้าที่บอกไว้เลยครับ ชัดเจนในหัวเลยตอนนี้ (เพราะบางทีมีทางแยกครับ ก็ค้องเดาทิศทางเอาว่าน่าจะทางนี้ เพราะมันเป็นทางวนกลับที่เดิม ถ้าทางไหนมันน่าจะไปในทิศทางที่ออกห่างจากพื้นที่นักท่องเที่ยวก็อย่าไปครับ เตลิดแน่นอน) มองพื้น มองข้างหน้า มองข้างหลัง ตลอดเวลาเลยทีนี้ ลุกลี้ลุกลนไปหมด กลัวครับบอกตรงๆ แต่เป็นความกลัวแบบสนุก แบบกลัวนะแต่อยากไปต่อ อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากเอาชนะตัวเองครับ เดินไปเรื่อยๆ จะเจอลำธารครับ ไหลมาจากทางลานกางเต้นท์ โดยจะเป็นแอ่งลงไปเป็นลำธารน้อยๆและขึ้นอีกฝั่งครับ ก็เอาเลยครับ ลงเลยและขึ้นอีกฝั่ง โชคดีมากๆครับที่ทางมันนำกลับไปยังทิศที่ลานกางเต้นท์ตั้งอยู่ ทำให้ใจชื้นขึ้นมากว่าไม่หลงแน่ๆ กลับได้แน่นอน ก็เดินกลับมาจนถึงอีกด้านหนี่งของลานกางเต้นท์อย่างปลอดภัยครับ
เรียกได้ว่าเป็นการเข้าป่า(น้อยๆ) คนเดียวครั้งแรกเลย ทำให้ได้รู้ว่าธรรมชาติมันน่ากลัวจริงๆ คือถ้าเป็นอะไรกลางทางนี่คิดไม่ออกเลยว่าจะรอดได้ยังไง แต่ที่ตัดสินใจเดินไปมันมาจากใจล้วนๆเลย เป็นเหมือนช่วงเวลาตัดสินใจระหว่าง “กล้า” กับ “ไม่กล้า” เท่านั้นจริงๆ ไม่มีใครให้ปรึกษา มีแต่ตัวเองทั้งนั้นเลยตรงนั้น เรียกว่าเป็นอะไรที่ต้องพึ่งตัวเองอย่างแท้จริงเลย ผมเลยเรียกมันขำขำกับตัวเองว่า มันคือ "ช่วงเวลาแห่งความกล้าหาญ" ครับ
เลยอยากชวนคุยกับเพื่อนๆ ครับ ว่าเพื่อนๆเคยเจอประสบการณ์ที่ต้องตัดสินใจ ระหว่างท่องเที่ยวบ้างหรือเปล่า ? แล้วเหตุการณ์เป็นยังไงครับ ? ตื่นเต้นไหม น่ากลัว สนุกสนานมั้ย อะไรยังไง มาเล่าสู่กันฟังครับ