หลายคนอยากกินอาหารอร่อย แต่ก็ยังไม่วายบ่นว่า เมื่อต้องใช้เวลาในการรอคอยเนิ่นนาน หารู้ไม่ว่าอาหารบางชนิดก็ต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันอย่างมากในการเคี่ยวปรุง กว่าจะออกมาเป็นอาหารเลิศรส ที่ลองได้ลิ้มชิมสักครั้งจะติดปากตรึงใจ เหมือน ซุปละมุนถ้วยน้อย ที่ฉันกำลังจะนำเสนอนี่ล่ะค่ะ
วันนี้จะขอสั่งลา ช่วยเชฟปิดร้านหลังเก็บจานโต๊ะสุดท้าย เมื่อซีรีส์จบลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์
อาหารทุกจานมีอุณหภูมิที่เหมาะสมในการปรุงแตกต่างกันไป คนปรุงหรือเชฟเท่านั้นที่จะรู้ดีกว่าใคร ว่าอาหารจานไหนควรใช้ไฟแบบไหนอย่างไร ตอนไหนควรเร่ง ตอนไหนควรเบา คนกินเองก็เช่นกัน ทอดเวลาเนิ่นนานไปอาหารเย็นชืดก็หมดอร่อย รีบร้อนกินไม่รู้จักรอ โดนความร้อนลวกปากลวกลิ้นพอง เจ็บตัวไปอีก
กับอาหาร เรายังมีguruบอกได้ใช่ไหมคะ ว่าจานไหนอร่อย อร่อยอย่างไร จานไหนยังขาดอะไร หรืออะไรที่มันมากเกิน แต่กับความรัก หากใครสักคนพูดว่ารู้จักและเข้าใจความรักเป็นอย่างดี นั่นหมายความว่า ใครคนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรักเลย ความรัก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครสามารถอธิบายถึงความหมายของความรักได้อย่างถ่องแท้ อย่าว่าแต่จะเข้าใจ ความรักคือความซับซ้อนคือความพิศวง คือสิ่งที่อธิบายได้ด้วยตัวของมันเอง ความรักของคนแต่ละคน คู่แต่ละคู่ ย่อมไม่เหมือนกัน ความรักไม่มีกฎเกณฑ์และมาตรฐาน จึงไม่มีถูกหรือผิด มีแต่ชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช่
ก็เหมือนความรักของทุกตัวละครในซีรีส์ temperature of love เรื่องนี้
คุณเชฟ คุณนักเขียน ท่านประธาน แม่ พ่อ ซูเชฟ ผู้ช่วยนักเขียน ผู้กำกับ กระทั่งผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่กล้ารัก ทุกคนล้วนมีความรักในแบบของตัวเอง มีความรักแล้วก็ประสบปัญหากับความรัก อึดอัด ขัดใจ คาดหวัง เสียใจ ผิดหวัง เศร้า สับสน หาทางออกไม่เจอ นิ่ง สงบ พบแสงสว่าง แล้วก็พบความมืดมิด อึดอัด ขัดใจ คาดหวัง . . หลายคนวนเวียนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่จะสนับสนุนความรักของตัวเอง เมื่อมีความรัก ก็มีความคาดหวัง หากสมหวังก็มีความสุข แต่ถ้าผิดหวัง แน่นอนความเศร้าเสียใจคือสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้น
สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้สื่อสารกับคนดูคือ การเล่าเรื่องที่ซื่อตรงที่สุด จริงใจที่สุด ความจริงในความรัก ที่หลายคนเบื่อหน่าย รำคาญ ลำไย อยากทิ้ง เท เราอาจจะบอกว่า เราดีกว่าฮงอา เราจะไม่ทำแบบที่แม่ทำกับเชฟ เราไม่เข้าใจว่าทำไมประธานไม่หยุด ทำไมเชฟไม่ขยับอะไร ทำไมฮยอนซูถึงดูโลเลไม่มั่นคง ทำไมแม่ฮยอนซูอึดอัดกับเชฟแต่เอ็นดูประธาน ทำไมรองเชฟไม่เปิดใจกับอะไรที่อาจจะดีกว่าเก่า ทำไม ทำไม และอีกมากมายทำไม ก็เพราะโลกนี้มีความแตกต่างและมีคนที่แตกต่างไงคะ โลกถึงหมุนไปและดำรงอยู่ได้
สิ่งที่ทำให้ฉันหลงรักซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ ความเป็นตัวตนของเชฟและคุณนักเขียนค่ะ ความไม่สมบูรณ์แบบ ความไม่พอดี แต่สิ่งที่ฉันได้รับจากเขาทั้งคู่คือ ความนับถือตัวเอง ความมานะพยายามไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค การมุ่งมั่นฟันฝ่าเพื่อไปให้ถึงฝันในสัมมาอาชีพ การเชื่อมั่นในความรัก การยอมรับในตัวตนของคนที่เรารัก ที่อาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังไปเสียทุกอย่าง การจัดการกับความรู้สึกของตัวเราเองให้ได้ เรียนรู้ที่จะอยู่และรอคอยให้เป็น คู่รัก จะมีเพียงสองไม่อาจเป็นสาม หัวใจของคนสองคน ถ้ามีหัวใจตรงกัน รักกันมากพอ อุปสรรคอะไรก็จะผ่านไปได้ทั้งนั้น

ในขณะที่มีเสียงบ่นว่าวิธีการเล่าเรื่องของคนเขียนบทมีเนื้อหาวนเวียน เนิบช้า ย้ำคิดย้ำทำ พูดกันมาก แต่ไม่ขยับไปไหน ฉันกลับยอมรับและรื่นรมย์แบบสุขปนเศร้าไปกับตัวละครเหล่านั้น เพราะนี่คือของจริง ที่คนส่วนใหญ่อยากปิดตาแล้วเบือนหน้าหนี . . ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร หลายคนย่อมเคยได้ยินประโยคนี้มา ฉันไม่รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังนั่งดูซีรส์เล่าเรื่องเพ้อฝันอะไรสักเรื่อง แต่กลับได้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตและความรักของเพื่อนสนิทและผู้คนที่วนเวียนอยู่รายล้อมเขาทั้งคู่
บทสนทนาที่คนเขียนบทบรรจงถ่ายทอดออกจากปากตัวละครทุกตัว ฉันอยากจะใช้คำว่าทุกตัวละครจริงๆ ค่ะ คำพูดเหล่านั้น บทสนทนาเหล่านั้น เหนือจากความสละสลวย เท่ๆ คมๆ โดนใจ และเป็นจริงอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ ยังได้มอบบทเรียนที่มีค่า มากพอจะสามารถนำไปเป็นแนวทางในการจัดการกับปัญหาชีวิตปัญหาหัวใจได้ตลอดชีวิต ถ้าเราเลือกหยิบคำพูดเหล่านั้นมาคิดพิจารณา และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับเงื่อนไขชีวิตของเรา
พูดถึงบทละครแล้วจะเว้นไว้ไม่เอ่ยถึงการแสดงก็จะไม่ครบสมบูรณ์
นักแสดงแวดล้อมทุกคนทำหน้าที่ได้ดีตามหน้าที่ ในกระทู้รีวิวครั้งแรกที่ได้รับชมไปไม่กี่ตอนแรก ฉันเขียนถึงการแสดงของพระ-นางไว้บ้างแล้วค่ะ และในเมื่อกระทู้นี้เป็นกระทู้ส่งท้ายซีรีส์ ขอชื่นชมซอฮยอนจินและยางเซจง อีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อค่ะ ซอฮยอนจินคือเพชรเม็ดงามประดับวงการแสดงเกาหลี ฉันมั่นใจว่าพูดไม่เกินเลยความจริง จากผลงานมากมายที่เธอได้พิสูจน์ฝีมือผ่านมา ยางเซจง บอกตรงๆ ว่าคาดไม่ถึงกับการรับบทนำครั้งแรก สิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากการแสดงของเขาคือความหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับตัวละคร
ยางเซจงเป็นเชฟละมุนผู้เติบโตมาอย่างขาดแคลนความรัก แต่ก็มุ่งมั่นและไม่เคยสั่นคลอนต่อปัญหาและอุปสรรคทั้งปวงได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ถ้าเปรียบบทละครคืออาหารจานหลัก การแสดงของทั้งคู่คือของหวานที่กินแล้ว อยากจะขอเบิ้ลต่ออีกสักที่ คุ้มค่าที่จะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ฉันคนหนึ่งล่ะค่ะที่ยอม การแสดงของทั้งคู่ ทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังกินของอร่อยมากๆ ที่อร่อยจนน้ำตาไหล ฉันมั่นใจว่านักชิมหลายคนเข้าใจความรู้สึกนี้ค่ะ
อาหารเมนูหนึ่งมีเครื่องปรุงและวิธีการปรุงที่มีแบบแผนขั้นตอนอย่างที่สอนและสืบทอดกันมาก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าหากขาดวัตถุดิบอย่างใดอย่างหนึ่งไป เชฟจะไม่สามารถพลิกแพลงเมนูนั้นให้ออกมาอร่อยได้ มันอาจจะอร่อยเท่าๆเดิมหรืออร่อยขึ้นกว่าเดิมก็ได้ ความรักก็เช่นกัน ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับความรักหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องที่ต้องปรุงกันเองของใครของเขา ถ้ากินแล้วชอบ มันก็คือใช่
จิบชาเบาๆ กันก่อนค่ะ
มีตย. ความเข้าถึงการแสดงของซอนฮยอนจินและยางเซจงมาให้ชมสองฉากค่ะ
ซุปละมุนถ้วยนี้ อาจจะไม่ได้ถูกปากนักชิมนักทานทุกคน
แต่ถ้าคุณเริ่มเบื่อรสชาติเดิมๆ ที่คุ้นเคยปากลิ้น ก็ไม่เสียหายที่จะลอง คุณอาจจะได้เมนูใหม่ประจำใจ
ซุปละมุนถ้วยน้อยของคุณนักเขียน ที่ผ่านการเคี่ยวปรุงจนได้รสชาติอันกลมกล่อม อุณหภูมิที่เหมาะสมถ้วยนี้ รอให้คุณได้มาลิ้มชิมรสอยู่แล้วค่ะ

.
*ขอขอบคุณ ภรรยาจุงกิ และนกบนฟ้า สำหรับการทำงานหนักในกระทู้รายงานสด
ให้เราได้รับชมอย่างไวทุกสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยนะคะ ฉันขอขอบคุณค่ะ
[Temperature of Love] + + + เสพอย่างมีศิลป์ มากกว่าอิ่มคือความอร่อย
แต่ถ้าคุณเริ่มเบื่อรสชาติเดิมๆ ที่คุ้นเคยปากลิ้น ก็ไม่เสียหายที่จะลอง คุณอาจจะได้เมนูใหม่ประจำใจ ซุปละมุนถ้วยน้อยของคุณนักเขียน ที่ผ่านการเคี่ยวปรุงจนได้รสชาติอันกลมกล่อม อุณหภูมิที่เหมาะสมถ้วยนี้ รอให้คุณได้มาลิ้มชิมรสอยู่แล้วค่ะ