ขอแก้ต่างให้ คุณแมตต์ ในรักกันพัลวัน

สืบเนื่องมาจากกระทู้แนะนำอันหนึ่งได้พูดถึงข้อเสียข้อหนึ่งของละครเรื่องนี้ในประเด็น sexual harassment
คือสารภาพว่าตอนดูละครเราก็ไม่ได้มองว่าเป็น การคุกคามทางเพศ นะ เพราะเข้าใจว่ามันเป็นละครอ่ะเนอะก็ต้องมีบทพระนางกันบ้าง
แต่พอมีคนจุดประเด็น เราก็คิดนะว่ามันก็เข้าข่าย ทีนี้ความเห็นหลังจากนั้น ถึงขนาดที่ว่า คุณแมตต์ ที่รักแม่รักน้อง ดูไม่สมเหตุสมผลที่จะมาทำกับตุลย์อย่างนี้ จุดนี้ทำให้เราต้องทบทวน ความเข้าใจเรื่อง sexual harassment ใหม่ กระทู้นี้จึงเป็นความเข้าใจของเราในเรื่อง sexual harassment และถือโอกาสมาแก้ต่างให้คุณแมตต์ด้วยว่าทำไมเราจึงไม่คิดว่าคุณแมตต์เข้าข่ายนี้ ถ้ามีอะไรถูกผิดก็เชิญมาถกกันได้นะคะ

มาเริ่มที่ประเด็นที่ว่า มันไม่สมเหตุสมผลที่ คุณแมตต์ผู้รักแม่และน้อง จะมาทำกิริยาอย่างนี้กับผู้หญิงก่อน
เราว่าเจ้าของความเห็นนั้นมองหรือคาดหวังบทบาทพระเอกในตัวแมตต์มากเกินไป ทั้งๆที่ถ้าพิจารณาปูมหลังของแมตต์แล้ว เขาเป็นเด็กที่โตมาขาดแม่ เสียแม่ตั้งแต่ยังเด็กแล้วก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก ดังนั้นเขาน่าจะขาดมุมอ่อนโยนและอบอุ่นแบบพี่นัท เราจึงเห็นเขาดูเย็นชาสมเป็น vp3 แต่จริงๆเขามีความอ่อนโยนอยู่ลึกๆไม่งั้นคงไม่เป็นสัตวแพทย์ ไม่รักสัตว์ เมื่อขาดแม่ไปกับอุบัติเหตุ (คือแม่ไม่ได้ตายตามธรรมชาติ ทำให้เขารู้สึกผิดที่ปกป้องแม่ไม่ได้) เขาจึงมองผู้หญิงของเขา ไม่ว่าจะน้องสาวพิมมี่ โรสที่เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก และแฟนเก่าที่เมลเบิร์น เป็นสิ่งที่เขาต้องปกป้องหวงแหน เขาไม่อยากให้ผู้หญิงเหล่านี้พบเจอกับผู้ชายที่ไม่ดี แต่สุดท้ายเขาก็เสียแฟนไป เสียให้กับตุลย์ซึ่งในสายตาของแมตต์คือผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ตุลกับแฟนก็เลิกรา มาเจอกันอีกทีก็เห็นตุลนัวเนียเพื่อนสาวที่ร้านกาแฟ กอดพิมมี่อีก สิ่งที่แมตต์คิดกับตุลก็คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่หลายใจหลอกผู้หญิงไปทั่วแล้วยิ่งหนึ่งในนั้นเป็นน้องสาวของเขาที่ต้องปกป้อง อาการจงอางหวงไข่จึงแสดงออกมาอย่างนั้น และตุลย์ก็ดูจะเข้าใจที่มาที่ไปของความโกรธเกรี้ยวของคุณแมตต์ แต่ตุลย์ก็อธิบายไม่ได้เพราะก็ต้องรักษาความลับกับพิมมี่ สรุปคือตุลย์เข้าใจที่แมตต์แสดงอาการแบบนั้น

มาถึงประเด็น sexual harassment เราเข้าใจว่า มันไม่จำเป็นว่าต้องเกิดกับเจ้านายกับลูกน้อง อาจจะเป็นระหว่างผู้ร่วมงานหรือลูกน้องทำกับเจ้านายก็ได้
และไม่จำเป็นที่ผู้ถูกกระทำโดนลวนลามด้วย แค่ได้ยินผู้ร่วมงานคุยกันเรื่องเพศแล้วรู้สึกอึดอัดก็ถือว่าเป็น sexual harassment ได้เช่นกัน นั่นคือ (ที่เราเข้าใจนะ) ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดใจถูกคุกคามทางเพศเมื่อไหร่ มันจึงจะเป็น sexual harassment ไม่งั้นคนที่มามีอะไรกันในที่ทำงานด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่ายก็เป็น sexual harassment หมดสิ ซึ่งมันไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ เพราะเขาเต็มใจทำไม่มีใครบังคับใจใครไม่ได้ฝืนใจใครไม่ได้ทำให้ใครอึดอัด แต่ถ้าคนในออฟฟิศดันมาเจอคนฟีเจอริ่งกันแล้วรู้สึกตระหนกรู้สึกอึดอัดรู้สึกคุกคามอย่างนี้จะร้องเรียน sexual harassment ก็ได้

ทีนี้มาถึงกรณี แมตต์กับตุลย์ จะเห็นว่าในตอนแรก ทั้งสองก็มีระยะห่างกันอย่างเหมาะสม คุณแมตต์ไม่ได้ไปทำรุ่มร่ามกับตุลย์ ไม่ได้ทำเป็นเผลอลูบนู่นนี่นั่น ถือโอกาสจับมือถือแขน มีแต่ความบังเอิญที่ไปโอบตุลย์ตอนประคองเลขาพร้อมกัน แมตต์ได้เตือนตุลย์ให้อยู่ห่างๆน้องสาว แต่ก็ไม่วาย ความหวงน้องจึงกลายเป็นโกรธและแสดงออกมาในรูปแกล้งด้วยการเอาหน้าไปใกล้ทำท่าจะหอมอยู่หลายที แต่ตุลย์ก็รู้ก็เข้าใจไงว่าแมตต์แกล้ง แกล้งเพราะโกรธที่ตุลย์ยังไปยุ่งกับน้องสาวอีก มันก็ออกมาในรูปของความเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายว่าไม่ได้หื่น ตุลย์เลยไม่รู้สึกคุกคามทางเพศ นางเลยไม่โกรธ พอนางไม่ได้โกรธ (แถมแอบเขิล) มันไม่ถือว่าเป็น sexual harassment นะเราว่า แล้วการที่ตุลย์กระโดดตบจนลื่นล้มทับคุณแมตต์ล่ะ ถ้าคุณแมตต์ไม่ชอบคิดว่าตุลย์ตั้งใจแต๊ะอั๋งอกซิกแพคของตัวเองอย่างนี้เป็น sexual harassment ได้หรือเปล่า จะเห็นว่า มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ถูกกระทำว่ารู้สึกอย่างไรถึงจะเรียกว่า sexual harassment นะ
ตอนที่ตุลย์โดนลากไปจูบนี่ต่างหาก ที่ตุลย์โมโหจนจะชกนั้นแหละ ตรงนี้อ่ะเป็น แต่เผอิญมีคนมาห้ามซะก่อนแล้วถูกเปลี่ยนเรื่องเป็นดีใจเรื่องอควาเรียม
แต่ก็จะเห็นว่าหน้าคุณแมตต์เสียๆไปเหมือนกัน ฮีคงรู้สึกว่าฮีทำเกินเส้นของคำว่าแกล้งไปแล้วและที่สำคัญคือมีความปรารถนาอยู่ลึกๆด้วย ถ้าตุลย์เอาเรื่องแมตต์ก็ผิดเต็มๆนะจุดนี้ เราเดาว่าต่อไปคงไม่เจออะไรแบบนี้แล้วล่ะ

ตกลงคือ ต้องถามตุลย์นะว่ารู้สึกยังไง แต่เท่าที่ดู ตุลย์ก็ดูจะ... อิอิ  เราเป็นคนนอกเราจะไม่ยุ่ง ผมจะไม่ยุ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่