Justice League หนังรวมพลังซูเปอร์ฮีโรเรื่องแรกจากค่ายดีซี หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายมาร์เวลออกมาตีตลาดไปก่อนตั้งหลายปี ก็ถือว่าเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ แม้จะเป็นหนังรวมพลังซูเปอร์ฮีโรเหมือนกัน แต่รายละเอียดและวิธีการเล่าเรื่องก็มีความแตกต่างกันอยู่มาก
Justice League แม้จะปรับวิธีการเล่าเรื่องให้สบายขึ้น ตลกขึ้น แต่โดยรวมๆแล้วก็ยังมีความซีเรียสและความจริงจังอยู่มาก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี หนังเล่าเรื่องได้มีดราม่าน่าสนใจ แม้จะต้องรวบรัดเพราะเวลาน้อย ตัวละครเยอะ แต่ก็ถือว่าทำให้ตัวละครมีมิติ น่าเอาใจช่วยได้ดี
มุมกล้อง การตัดต่อ ดูสวยงามปรานีต ทำให้หนังดูยิ่งใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะดนตรีประกอบของแดนนี เอลฟ์แมน ทำให้หนังดูมีบรรยากศลึกลับ และย้อนยุคแบบการ์ตูนได้ดี โดยส่วนตัวชอบตรงนี้มากเป็นพิเศษที่การเล่าเรื่องในช่วงแรกมีบรรยากาศคล้าย Batman ภาคแรกของ ทิม เบอร์ตัน
หลายคนบอกว่า Justice League พยายามเล่าเรื่องให้สนุกขึ้น ตลกขึ้น แต่ว่ามุกฝืด ผมมองว่าจริงๆแล้วโทนหนังของ Justice League ยังคงซีเรียสจริงจังอยู่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ส่วนมุกตลกที่ปล่อยออกมา ไม่ได้กะจะทำให้หนังมันตลกอะไรมากอยู่แล้ว แค่ต้องการเบรคความซีเรียสของหนังเป็นช่วงๆ ซึ่งก็ทำให้หนังของค่ายดีซียังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แม้การเล่าเรื่องจะสนุกหรือไม่สนุกก็ตาม แต่สไตล์หรือว่ารสนิยมที่ดีเป็นสิ่งที่หนังเรื่องนี้มี และเป็นสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้
แต่จุดอ่อนของหนังอยู่ที่ฉากต่อสู้ ที่ยังดูใช้ประโยชน์จากพลังของซูเปอร์ฮีโรแต่ละคนได้ไม่ดีเท่าไร เราไม่รู้สึกว่าแต่ละคนมีลักษณะพลังเฉพาะที่ดูเท่หรือดูเป็นเอกลักษณ์เท่าไร การรวมพลังกันต่อสู้ก็ยังดูมั่วๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นเท่าไร
ตัวร้ายซึ่งปกติแล้วคือจุดแข็งของค่ายดีซีเลย ภาคนี้ก็ดูอ่อนด้อยไปหน่อย พูดมากเกินไป และไม่มีอะไรให้ดูน่าเกรงขามหรือดูน่าจดจำเลย ถ้าหากว่าทำตัวร้ายให้ดูเท่ๆ น่าหวาดกลัวได้ หนังจะดูสนุกและตื่นเต้นขึ้นอีกเยอะ
เป็นหนังอีกเรื่องนะครับ ที่มีเสียงวิจารณ์ค่อนข้างก้ำกึ่ง แต่รู้สึกว่าจะหนักไปในทางไม่ชอบซะมากกกว่า ส่วนตัวผมก็คิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ Justice League ต้องปรับปรุง แต่ผมก็ให้ Justice League ผ่านนะ ถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่จริงจังและการใช้ภาพมืดๆหม่นๆนี่แหละ เพราะคล้ายๆหนัง Batman ของ ทิม เบอร์ตัน ที่ผมชอบ ส่วนฉากแอคชันถือว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือน่าชื่นชมอะไร การรวมพลังกันของฮีโรก็ไม่ได้ดูน่าตื่นเต้นอะไรมาก แต่ก็ต้องชื่นชม Justice League ที่ยังมีสไตล์การเล่าเรื่องที่โดดเด่น มีรสนิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังของมาร์เวลไม่มี
3 ดาว
ติดตามแฟนเพจสารวัตรโรงหนังกันได้นะครับ ตามลิงค์นี้
https://www.facebook.com/moviepolice
รีวิวหนังตามความจริง ไม่มีรับเงินจากค่ายหนัง ต้องสารวัตรโรงหนังเท่านั้น
สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "Justice League" โดดเด่น มีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังมาร์เวลไม่มี
Justice League แม้จะปรับวิธีการเล่าเรื่องให้สบายขึ้น ตลกขึ้น แต่โดยรวมๆแล้วก็ยังมีความซีเรียสและความจริงจังอยู่มาก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี หนังเล่าเรื่องได้มีดราม่าน่าสนใจ แม้จะต้องรวบรัดเพราะเวลาน้อย ตัวละครเยอะ แต่ก็ถือว่าทำให้ตัวละครมีมิติ น่าเอาใจช่วยได้ดี
มุมกล้อง การตัดต่อ ดูสวยงามปรานีต ทำให้หนังดูยิ่งใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะดนตรีประกอบของแดนนี เอลฟ์แมน ทำให้หนังดูมีบรรยากศลึกลับ และย้อนยุคแบบการ์ตูนได้ดี โดยส่วนตัวชอบตรงนี้มากเป็นพิเศษที่การเล่าเรื่องในช่วงแรกมีบรรยากาศคล้าย Batman ภาคแรกของ ทิม เบอร์ตัน
หลายคนบอกว่า Justice League พยายามเล่าเรื่องให้สนุกขึ้น ตลกขึ้น แต่ว่ามุกฝืด ผมมองว่าจริงๆแล้วโทนหนังของ Justice League ยังคงซีเรียสจริงจังอยู่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ส่วนมุกตลกที่ปล่อยออกมา ไม่ได้กะจะทำให้หนังมันตลกอะไรมากอยู่แล้ว แค่ต้องการเบรคความซีเรียสของหนังเป็นช่วงๆ ซึ่งก็ทำให้หนังของค่ายดีซียังมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แม้การเล่าเรื่องจะสนุกหรือไม่สนุกก็ตาม แต่สไตล์หรือว่ารสนิยมที่ดีเป็นสิ่งที่หนังเรื่องนี้มี และเป็นสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้
แต่จุดอ่อนของหนังอยู่ที่ฉากต่อสู้ ที่ยังดูใช้ประโยชน์จากพลังของซูเปอร์ฮีโรแต่ละคนได้ไม่ดีเท่าไร เราไม่รู้สึกว่าแต่ละคนมีลักษณะพลังเฉพาะที่ดูเท่หรือดูเป็นเอกลักษณ์เท่าไร การรวมพลังกันต่อสู้ก็ยังดูมั่วๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นเท่าไร
ตัวร้ายซึ่งปกติแล้วคือจุดแข็งของค่ายดีซีเลย ภาคนี้ก็ดูอ่อนด้อยไปหน่อย พูดมากเกินไป และไม่มีอะไรให้ดูน่าเกรงขามหรือดูน่าจดจำเลย ถ้าหากว่าทำตัวร้ายให้ดูเท่ๆ น่าหวาดกลัวได้ หนังจะดูสนุกและตื่นเต้นขึ้นอีกเยอะ
เป็นหนังอีกเรื่องนะครับ ที่มีเสียงวิจารณ์ค่อนข้างก้ำกึ่ง แต่รู้สึกว่าจะหนักไปในทางไม่ชอบซะมากกกว่า ส่วนตัวผมก็คิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ Justice League ต้องปรับปรุง แต่ผมก็ให้ Justice League ผ่านนะ ถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่จริงจังและการใช้ภาพมืดๆหม่นๆนี่แหละ เพราะคล้ายๆหนัง Batman ของ ทิม เบอร์ตัน ที่ผมชอบ ส่วนฉากแอคชันถือว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือน่าชื่นชมอะไร การรวมพลังกันของฮีโรก็ไม่ได้ดูน่าตื่นเต้นอะไรมาก แต่ก็ต้องชื่นชม Justice League ที่ยังมีสไตล์การเล่าเรื่องที่โดดเด่น มีรสนิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังของมาร์เวลไม่มี
3 ดาว
ติดตามแฟนเพจสารวัตรโรงหนังกันได้นะครับ ตามลิงค์นี้ https://www.facebook.com/moviepolice
รีวิวหนังตามความจริง ไม่มีรับเงินจากค่ายหนัง ต้องสารวัตรโรงหนังเท่านั้น