หลังจากนั่งฟังไดโนเสาร์สายพันธุ์อิตาเลี่ยนกัดกันมา 1 อาทิตย์ ก็ขอสรุปเรื่องราวหน่อย
แท็ก "สโมสรฟุตบอลเยอรมัน" เพราะขอเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลเยอรมันมาอ้างอิงหน่อย
ย้อนความ
หลังจากบอลยูโร 1996 ได้ผ่านพ้นไป วงการฟุตบอลเยอรมันกำลังประสบความสำเร็จทั้งทีมชาติที่ได้แชมป์ยูโร 1996 และสโมสรชาลเก้ ได้แชมป์ยูฟ่าคัพ 1997
มีบุคคลท่านหนึ่งเห็นความผิดปกติ ที่นักเตะดาวรุ่งเยอรมันกำลังขาดแคลน เขาคือ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์
จนเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงการฝึกสอนเยาวชนของเยอรมัน และประสบความสำเร็จระดับชาติแบบในทุกวันนี้
______________________________________________________________________________
ต่อมาปี 2006 อิตาลี ได้แชมป์โลกในผืนแผ่นดินเยอรมัน
"มาร์เชลโล่ ลิปปี้" โค้ชผู้พาอิตาลีคว้าแชมป์โลก ขอลาออก "กุยโด รอซซี่" ประธาน FIGC จึงเกิดความคิดที่ว่าเอาสองตำนานมิลานมาดูแลทีมชาติด้วยกันคงจะได้ผลที่ดี
"เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี่" ถูกแต่งตั้งดูแลด้านงานเทคนิค ส่วน "โรแบร์โต้ โดนาโดนี่" คุมทีมชาติ สุดท้ายอิตาลีตกรอบ 16 ทีมยูโร 2008
ต่อมา "อัลแบร์ตินี่" ถูกเลื่อนขั้นเป็นรองประธาน ภายใต้การนำของ "จิอันคาร์โล อเบเต้" ส่วน "โดนาโดนี่" ไม่ได้ต่อสัญญา
ด้วยความที่ไม่รู้จะเอาใครมาคุมทีมชาติ "อเบเต้" ก็เลยดึง "ลิปปี้" กลับมาคุมทีมชาติรอบ 2
ซึ่งรอบนี้ตัวหลักจากปี 2006 อายุมากขึ้น ดาวรุ่งใหม่ๆก็ไม่มี ผลตกรอบแรก
แล้วช่วงเวลาระหว่าง 2006-2010 เกิดอะไรขึ้นในอิตาลีล่ะ
หลังจากที่ "ยูเวนตุส" ตกชั้นไป มาตรฐานลีกก็ตกลงอยู่แล้ว แต่ก็มีปัญหาใหญ่มาเพิ่ม คือ ความรุนแรงของแฟนบอล ถึงขนาดบาดเจ็บ ล้มตายกันจริงๆ
จนสมาคมฟุตบอลอิตาลีต้องวุ่นหาวิธีรับมือสารพัด มีหลายสนามถูกแบนไม่ให้แฟนบอลเข้าชม เข้มงวดการให้คนเข้าสนามมากขึ้น
เพราะฉะนั้น เวลาถ่ายทอดสดจึงเห็นว่าไม่มีคนดู แล้วคนไม่รู้ก็บอกว่าเพราะแฟนบอลเสื่อมศรัทธา เพราะล้มบอล
ช่วงนั้นคนอิตาลีไม่อยากเข้าสนามบอลกันช่วงใหญ่ๆเลยล่ะ กลัวไปแล้วไปลับไม่ได้กลับมา
เอาเป็นว่า ช่วง 2006-2010 หยุดพัฒนา แถมถอยหลังซะด้วยซ้ำ ถึงแม้ อินเตอร์ กับ มิลาน จะได้ UCL ทีมละครั้ง
______________________________________________________________________________
ตั้งแต่บอลโลก 2010 ถึง 2014
หลังตกรอบแรกบอลโลก 2010 "อเบเต้" จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะทำตามเยอรมันปฏิรูปการฝึกสอนซะใหม่ให้ทันชาวโลก
"โรแบร์โต้ บาจโจ" จึงถูกแต่งตั้งเป็นประธานเทคนิคมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ (และหวังผลไม่ให้แฟนบอลต่อต้านตัวเองด้วย)
ส่วนนักเตะดาวรุ่งอิตาลีนับตั้งแต่ตอนนั้นก็มีปัญหาด้านพฤติกรรม ใช้อารมณ์ในสนามบอล เล่นเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นดาวดังทั้งที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเอง
จน "บาจโจ" ต้องออกมาเตือนสติอยู่เสมอ "นักบอลต้องเล่นฟุตบอลเพื่อแฟนบอลที่เข้ามาดู ไม่ใช่เล่นเพื่อตัวเอง"
ยูโร 2012 อิตาลี ได้รองแชมป์จากการคุมทีมของ "ปรันเดลลี่" ที่ดึงมาจากผลงานตอนคุมฟิออเรนติน่า
FIGC จึงออกอาการ "อิตาลี" สุดยอดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเปลี่ยนอะไรเลย
สุดท้ายวันที่ "บาจโจ" ต้องนำแผนพัฒนาที่เสร็จแล้วไปนำเสนอ ก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าห้องประชุม จนแกทนไม่ได้ ลาออกเลย ต้นปี 2013
สื่ออิตาลี วิเคราะห์กันว่า สมาคมไม่อย่างสิ้นเปลืองเงินทำตามแผน
อธิบาย แผนพัฒนาเยาวชนที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย เริ่มต้นที่ฝรั่งเศส คิดค้นโดย "เชราร์ อุลลิเย่ร์"
ต่อมาเยอรมันนำไปใช้ ต่อด้วยญี่ปุ่น, เบลเยี่ยม และที่เห็นผลล่าสุด คือ อังกฤษ (จะรวมไทยไปด้วยก็ได้ เพราะลอกญี่ปุ่นมาอีกที)
หลักการคือ สร้างศูนย์ฝึกไปทั่วปรเทศ สอนด้วยหลักสูตรมาตรฐานจากส่วนกลาง จัดการฝึกสอนให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโดของเยาวชน
แต่ "อิตาลี" ให้ไปอบรมที่ "โคแวร์ชิอาโน่" ในเมือง "ฟลอเรนซ์" อย่างเดียว พอจะให้มีศูนย์ฝึกอบรมกระจายทั้วประเทศมันเปลือง สมาคมไม่เอา
พอถึงบอลโลก 2014 ตกรอบแรก จบยุค ประธาน "อเบเต้" กับโค้ช "ปรันเดลลี่" ด้วยแผนหน้าคู่ "อิมโบมิเล่" กับ "บาโลเตลลี่" เหมือนต่อให้อุรุกกวัยชัดๆ
______________________________________________________________________________
หลังบอลโลก 2014 ถึง ปัจจุบัน
บอลตกรอบแรก นายกสมาคมต้องลาออก เลยเป็นการมาถึงของ "ทาเว็คคิโอ" พร้อมกับเงินของสปอนเซอร์ที่ให้ไปจ้าง "คอนเต้" มาคุมทีม
ด้วยฝีมือของ "คอนเต้" อิตาลีทะลุไปถึงรอบ 8 ทีม แพ้จุดโทษเยอรมัน แต่ "คอนเต้" ทนสมาคมที่ทำงานแย่ๆไม่ไว้ไปคุมเชลซี
เมื่อเสีย "คอนเต้" ไป ก็ต้องหาโค้ชใหม่ ที่ราคาถูก เพราะไม่มีคนออกเงินให้ "โลลิโต้" ที่ได้คว้าตัว "เวนตูร่า" ให้มาคุมลาซิโอ ก็เลยยก "เวนตูร่า" ให้
อันนี้ "ลูชาโน่ มอจจี้" อดีตผู้จัดการยูเวนตุสเล่า
ผลก็คือ ตกรอบคัดเลือกบอลโลก 2018 วันต่อมา "เวนตูร่า" ถูกปลด "ทาเว็คคิโอ" ดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการพยายามดึง "คาร์โล่ อัลเชล็อตติ" มาคุมทีมชาติ
แต่ "พี่แจ้" บอกว่า "ถ้าสมาคมไม่ปรับปรุงตัวเอง เขาก็จะไม่รับงาน"
สุดท้าย "ทาเว็คคิโอ" ถูกแรงกดดันรอบข้างจนต้อง "ลาออก" ในวันที่ 20/11/2017 หลังจากทำสงครามน้ำลายมา 1 อาทิตย์
การเลือกตั้งผู้บริหาร FIGC จะจัดขึ้นภายใน 90 วัน ต่อจากนี้ 3 เดือนก็ไม่ต้องตามข่าวก็ได้นะครับ ใครจะมาคุมทีมต่อคงต้องรอกันนานเลย
กล่าวถึง U23 อิตาลี ซักนิด ในชุดปี 2015 กับ 2017 ตกรอบเพราะอารมณ์นักเตะแท้ๆ
2015 เกมแรก เห็นสวีเดนเหลือ 10 คน เล่นแบบติดประมาทแบบทุเรศมากๆ จนกลับมาแพ้จากที่นำอยู่ ผลคือตกรอบแรก
2017 สะสมใบเหลืองจากการฟาว์ลแบบโง่ๆ จนถึงเกมรอบรอง ตัวหลักแทบไม่เหลือ แพ้สเปนไป 1-3 อันนี้ก็ไม่ไหว
ใครมาบริหารต่อจากนี้ ช่วยดูแลด้านพฤติกรรมนักเตะเยาวชนด้วยนะครับ
______________________________________________________________________________
จบการายงาน
[AZZURRI] จากแชมป์โลก 2006 จนถึงคืนวันที่ 20/11/2107
แท็ก "สโมสรฟุตบอลเยอรมัน" เพราะขอเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลเยอรมันมาอ้างอิงหน่อย
ย้อนความ
หลังจากบอลยูโร 1996 ได้ผ่านพ้นไป วงการฟุตบอลเยอรมันกำลังประสบความสำเร็จทั้งทีมชาติที่ได้แชมป์ยูโร 1996 และสโมสรชาลเก้ ได้แชมป์ยูฟ่าคัพ 1997
มีบุคคลท่านหนึ่งเห็นความผิดปกติ ที่นักเตะดาวรุ่งเยอรมันกำลังขาดแคลน เขาคือ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์
จนเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงการฝึกสอนเยาวชนของเยอรมัน และประสบความสำเร็จระดับชาติแบบในทุกวันนี้
ต่อมาปี 2006 อิตาลี ได้แชมป์โลกในผืนแผ่นดินเยอรมัน
"มาร์เชลโล่ ลิปปี้" โค้ชผู้พาอิตาลีคว้าแชมป์โลก ขอลาออก "กุยโด รอซซี่" ประธาน FIGC จึงเกิดความคิดที่ว่าเอาสองตำนานมิลานมาดูแลทีมชาติด้วยกันคงจะได้ผลที่ดี
"เดเมตริโอ อัลแบร์ตินี่" ถูกแต่งตั้งดูแลด้านงานเทคนิค ส่วน "โรแบร์โต้ โดนาโดนี่" คุมทีมชาติ สุดท้ายอิตาลีตกรอบ 16 ทีมยูโร 2008
ต่อมา "อัลแบร์ตินี่" ถูกเลื่อนขั้นเป็นรองประธาน ภายใต้การนำของ "จิอันคาร์โล อเบเต้" ส่วน "โดนาโดนี่" ไม่ได้ต่อสัญญา
ด้วยความที่ไม่รู้จะเอาใครมาคุมทีมชาติ "อเบเต้" ก็เลยดึง "ลิปปี้" กลับมาคุมทีมชาติรอบ 2
ซึ่งรอบนี้ตัวหลักจากปี 2006 อายุมากขึ้น ดาวรุ่งใหม่ๆก็ไม่มี ผลตกรอบแรก
แล้วช่วงเวลาระหว่าง 2006-2010 เกิดอะไรขึ้นในอิตาลีล่ะ
หลังจากที่ "ยูเวนตุส" ตกชั้นไป มาตรฐานลีกก็ตกลงอยู่แล้ว แต่ก็มีปัญหาใหญ่มาเพิ่ม คือ ความรุนแรงของแฟนบอล ถึงขนาดบาดเจ็บ ล้มตายกันจริงๆ
จนสมาคมฟุตบอลอิตาลีต้องวุ่นหาวิธีรับมือสารพัด มีหลายสนามถูกแบนไม่ให้แฟนบอลเข้าชม เข้มงวดการให้คนเข้าสนามมากขึ้น
เพราะฉะนั้น เวลาถ่ายทอดสดจึงเห็นว่าไม่มีคนดู แล้วคนไม่รู้ก็บอกว่าเพราะแฟนบอลเสื่อมศรัทธา เพราะล้มบอล
ช่วงนั้นคนอิตาลีไม่อยากเข้าสนามบอลกันช่วงใหญ่ๆเลยล่ะ กลัวไปแล้วไปลับไม่ได้กลับมา
เอาเป็นว่า ช่วง 2006-2010 หยุดพัฒนา แถมถอยหลังซะด้วยซ้ำ ถึงแม้ อินเตอร์ กับ มิลาน จะได้ UCL ทีมละครั้ง
ตั้งแต่บอลโลก 2010 ถึง 2014
หลังตกรอบแรกบอลโลก 2010 "อเบเต้" จึงคิดว่าถึงเวลาที่จะทำตามเยอรมันปฏิรูปการฝึกสอนซะใหม่ให้ทันชาวโลก
"โรแบร์โต้ บาจโจ" จึงถูกแต่งตั้งเป็นประธานเทคนิคมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ (และหวังผลไม่ให้แฟนบอลต่อต้านตัวเองด้วย)
ส่วนนักเตะดาวรุ่งอิตาลีนับตั้งแต่ตอนนั้นก็มีปัญหาด้านพฤติกรรม ใช้อารมณ์ในสนามบอล เล่นเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นดาวดังทั้งที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเอง
จน "บาจโจ" ต้องออกมาเตือนสติอยู่เสมอ "นักบอลต้องเล่นฟุตบอลเพื่อแฟนบอลที่เข้ามาดู ไม่ใช่เล่นเพื่อตัวเอง"
ยูโร 2012 อิตาลี ได้รองแชมป์จากการคุมทีมของ "ปรันเดลลี่" ที่ดึงมาจากผลงานตอนคุมฟิออเรนติน่า
FIGC จึงออกอาการ "อิตาลี" สุดยอดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเปลี่ยนอะไรเลย
สุดท้ายวันที่ "บาจโจ" ต้องนำแผนพัฒนาที่เสร็จแล้วไปนำเสนอ ก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าห้องประชุม จนแกทนไม่ได้ ลาออกเลย ต้นปี 2013
สื่ออิตาลี วิเคราะห์กันว่า สมาคมไม่อย่างสิ้นเปลืองเงินทำตามแผน
อธิบาย แผนพัฒนาเยาวชนที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย เริ่มต้นที่ฝรั่งเศส คิดค้นโดย "เชราร์ อุลลิเย่ร์"
ต่อมาเยอรมันนำไปใช้ ต่อด้วยญี่ปุ่น, เบลเยี่ยม และที่เห็นผลล่าสุด คือ อังกฤษ (จะรวมไทยไปด้วยก็ได้ เพราะลอกญี่ปุ่นมาอีกที)
หลักการคือ สร้างศูนย์ฝึกไปทั่วปรเทศ สอนด้วยหลักสูตรมาตรฐานจากส่วนกลาง จัดการฝึกสอนให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโดของเยาวชน
แต่ "อิตาลี" ให้ไปอบรมที่ "โคแวร์ชิอาโน่" ในเมือง "ฟลอเรนซ์" อย่างเดียว พอจะให้มีศูนย์ฝึกอบรมกระจายทั้วประเทศมันเปลือง สมาคมไม่เอา
พอถึงบอลโลก 2014 ตกรอบแรก จบยุค ประธาน "อเบเต้" กับโค้ช "ปรันเดลลี่" ด้วยแผนหน้าคู่ "อิมโบมิเล่" กับ "บาโลเตลลี่" เหมือนต่อให้อุรุกกวัยชัดๆ
หลังบอลโลก 2014 ถึง ปัจจุบัน
บอลตกรอบแรก นายกสมาคมต้องลาออก เลยเป็นการมาถึงของ "ทาเว็คคิโอ" พร้อมกับเงินของสปอนเซอร์ที่ให้ไปจ้าง "คอนเต้" มาคุมทีม
ด้วยฝีมือของ "คอนเต้" อิตาลีทะลุไปถึงรอบ 8 ทีม แพ้จุดโทษเยอรมัน แต่ "คอนเต้" ทนสมาคมที่ทำงานแย่ๆไม่ไว้ไปคุมเชลซี
เมื่อเสีย "คอนเต้" ไป ก็ต้องหาโค้ชใหม่ ที่ราคาถูก เพราะไม่มีคนออกเงินให้ "โลลิโต้" ที่ได้คว้าตัว "เวนตูร่า" ให้มาคุมลาซิโอ ก็เลยยก "เวนตูร่า" ให้
อันนี้ "ลูชาโน่ มอจจี้" อดีตผู้จัดการยูเวนตุสเล่า
ผลก็คือ ตกรอบคัดเลือกบอลโลก 2018 วันต่อมา "เวนตูร่า" ถูกปลด "ทาเว็คคิโอ" ดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการพยายามดึง "คาร์โล่ อัลเชล็อตติ" มาคุมทีมชาติ
แต่ "พี่แจ้" บอกว่า "ถ้าสมาคมไม่ปรับปรุงตัวเอง เขาก็จะไม่รับงาน"
สุดท้าย "ทาเว็คคิโอ" ถูกแรงกดดันรอบข้างจนต้อง "ลาออก" ในวันที่ 20/11/2017 หลังจากทำสงครามน้ำลายมา 1 อาทิตย์
การเลือกตั้งผู้บริหาร FIGC จะจัดขึ้นภายใน 90 วัน ต่อจากนี้ 3 เดือนก็ไม่ต้องตามข่าวก็ได้นะครับ ใครจะมาคุมทีมต่อคงต้องรอกันนานเลย
กล่าวถึง U23 อิตาลี ซักนิด ในชุดปี 2015 กับ 2017 ตกรอบเพราะอารมณ์นักเตะแท้ๆ
2015 เกมแรก เห็นสวีเดนเหลือ 10 คน เล่นแบบติดประมาทแบบทุเรศมากๆ จนกลับมาแพ้จากที่นำอยู่ ผลคือตกรอบแรก
2017 สะสมใบเหลืองจากการฟาว์ลแบบโง่ๆ จนถึงเกมรอบรอง ตัวหลักแทบไม่เหลือ แพ้สเปนไป 1-3 อันนี้ก็ไม่ไหว
ใครมาบริหารต่อจากนี้ ช่วยดูแลด้านพฤติกรรมนักเตะเยาวชนด้วยนะครับ