วันนี้ผมมีข้อสงสัยว่า..การที่พวกเราจบการศึกษาน้อย มันแปลว่า พวกเราก็ควรจะได้ทำงานตามที่ศึกษามาเท่านั้นหรอ ไม่มีโอกาสเลยใช่ไหมครับ
ผมคนนึงที่ยอมรับว่า ไม่ได้เรียนจบระดับปริญญาตรี ไม่ได้ศึกษาระดับชั้นสูง แต่ผมมีประสบการณ์ทำงานที่มีมากมาย อันดับแรก งานแรกของผม คือ การทำงานในบริษัทพานาโซนิก อยู่ในส่วนงานของฝ่ายการผลิต ที่ จ.สมุทรปราการ ยอมรับว่าตอนนั้นอยากทำงาน ก็เลยคิดว่า ได้งานไหนทำงานนั้น หลังจากที่ผมทำงานไปได้สักพัก ผมเริ่มรู้สึกอยากทำงานที่อยู่แถวใน กทม เลย google หางาน สุดท้ายผมก็ได้งาน ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวๆย่าน สีลม มันสนุกมาก มีความสุขที่ได้ทำงานในสถานที่ๆเราอยากไปทำงานตรงนั้น แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องลาออก เพราะพี่สาวผม ได้ชวนผมไปสมัครงานที่บริษัทแห่งนึง ใน จังหวัด นนทบุรี ในตำแหน่งงาน เจ้าหน้า call center รับออเดอร์ หรือ เรียกง่ายๆว่าขายสินค้า ระหว่างที่สิ้นค้าของบริษัทเรากำลังโปรโหมดออกรายการโทรทัศน์ ผมชอบมาก เพราะเป็นงานที่ใช้ทักษณะในการสนทนาล้นๆ บางที ลูกค้าถามอะไรมา เราจะมีวิธีแก้ไขสถานะการณ์ได้ดี นี่ก็เป็นอีกทางนึงที่สอนเราไปในตัวระหว่างปฏิบัติงานนั่นเอง แน่นอนว่าทุกการทำงาน จะมีระยะเวลาของมันว่าเราจะทำงานนี้ได้นานแค่ไหน สุดท้ายแล้ว ผมก็ออกเช่นเคย แต่กรณีนี้ ที่ผมออกจากงานมา มันก็ด้วยหลายๆด้าน หนึ่งในนั้นคือแม่ผมล้มไม่สบายกระทันหัน เลยต้องลาออก แล้วย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ และมาอยู่กับแฟนผม ออ ลืมบอก ผมเป็นคนเหนือครับ ส่วนตัวผมก็ต้องมาเริ่มหางานใหม่ และแฟนผมก็กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีครับ (แฟนตอนนั้นเป็นแฟนเก่าในตอนนี้แล้วนะครับ) ผมอยู่ที่เชียงใหม่กับแฟนหลายเดือนได้นะครับ จำไม่ได้ว่ากี่เดือน กว่าจะได้งาน มีเสียงโทศัพท์เพื่อผมโทรเข้ามา บอกว่า ได้งานยัง พอดี ม๊ากับป๊า เปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ลองเข้ามาสมัครสิ ผมก็เลยคิดว่า โอกาสมาละ เอาวะ ลองไปก็ได้ พอไปถึงก็ยื่นเอกสาร ใบสมัคร ต่างๆ และก็ได้มีการพูดคุยกับเจ้าของบริษัทที่เราสมัครโดยตรงเลย ซึ่งเป็น ม๊ากับป๊าของเพื่อนนั่นเอง คุยได้สักพัก ก็ได้มีการตกลงทำงานแล้วถามว่าเริ่มงานได้วันไหน โดยส่วนตัวผม ถ้าสมัครงานที่ไหน แล้วได้ ผมจะเริ่มงานของอีกวันหนึ่งเลย ผมได้เป็นพนักงานฝ่ายการประสานงานและการโปรโหมดโครงการรวมถึงในส่วนของการขาย ก็จะมีการประสานงานต่างๆ พูดคุยกับลูกค้า ใช้ทักษะในการพูดเพื่อให้ลูกค้าสนใจในตัวบ้าน ผมก็จะมีเทคนิคในการพูดของผมเอง ซึ่งผมเป็นพนังงานของบริษัทนี้……แต่ไปบริหารงานให้กับโครงการนี้ เป็นงานที่สนุกมาก มีการออกบูทตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ โฟนในส่วนโครงการบ้านของเรา ต่างๆอีกมากมาย หลังจากนั้น ผมทำงานได้ 5-6เดือนนี่แหละครับ จำไม่ค่อยได้ ก็ย้ายงานมาอยู่ที่จังหวัดไกลเคียงเชียงใหม่ เนื่องจากแฟนผมได้งานตรงนั้น ก็เลยต้องย้ายออกไปด้วยกัน เพราะมันจะสะดวกในการเดินทาง และอีกหลายๆอย่างมากมาย ผมก็ไปสมัครงานฝ่ายการผลิต เพราะคิดว่า ด้วยวุฒิการศึกษาของเรา คงได้แค่นี้ ผมก็รอโทรศัพท์ หลายวันผ่านไป มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บอกว่า มีงานฝ่ายประสานงานสนใจมาสัมภาษณ์ เลยคิดว่ารอไรละครับ ตอทันทีว่าสนใจครับ แล้วก็มีการนัดวันที่จะสัมภาษณ์ ไม่ได้สัมภาษณ์ผมคนเดียวนะครับ มีทั้งหมด 5 คน วุฒิ ป.ตรีทั้งนั้น ผมคิดในใจ กลับไปกินแห้วดีกว่า เห้อ แต่เชื่อไหม ผลที่ออกมาคือผมได้ ผมตกใจมาก เราไม่ได้เรียนสูง แต่เราได้รับโอกาส อาจเป็นเพราะเรา มีประสบการณ์ด้านการทำงาน บอสจึงให้โอกาสอีกครั้ง ส่วนงานนี้ ระยะเวลาที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทนี้ ผมได้เรียนรู้งานมากกว่าเกินคำว่าคุ้มมากๆ ผมได้เป็นทั้งหัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ประสานงาน เจ้าหน้าสัมภาษณ์งาน เจ้าหน้าอบรมพนักงานก่อนเริ่มงาน รวมถึง สรรหาพนักงานให้กับบริษัทต่างๆ ทำให้เป็นคอมพิวเตอร์ได้ดี คร่อง ว่องไว แก้ไขสถานะการณ์ได้ดี มีความเป็นผู้นำ รู้จักรับผิดชอบ ระหว่างที่เป็นหัวหน้า ได้อบรมพบปะกับพนักงาน สนุกมากๆ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องลาออกเช่นเคย เพราะผมต้องไปรับใช้ชาติ ระยะเวลา 2 ปีเต็ม คือการไปเป็นทหารนั่นเอง สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับโอกาสให้ทำงานเอกสารราชการในหน่วยที่เราอยู่อีกครั้งจนถึงวันที่ผมปลดประจำการออกมา (ต้องเริ่มหางานใหม่อีกครั้ง) เหนื่อยนะกับการหางานดีๆสำหรับวุฒิต่ำๆแบบเรา มันยากมาก ผมเชื่อว่าทุกคนมีโอกาส อยู่ที่เวลาและจังหวะของมันแค่นั้นแหละครับ สิ่งที่ผมคิด คือ วุฒิการศึกษายิ่งสูงย่อมได้ทำงานที่ดี แต่ประสบการณ์ในการทำงานก็ยังไม่สามารถการรันตีได้ว่า เราจะมีประสิทธิภาพ ได้ดีเท่าคนเรียนสูง สุดท้ายเรื่องการเรียนก็สำคัญต่อเรามาก น้องๆคนไหนที่พอมีกำลังเรียน เรียนไปให้มากที่สุดครับ เพื่ออนาคตของตัวเรา เราจะสบายในวันหน้า ไม่ต้องรอโอกาส เพียงแค่เรามีวุฒิการศึกษาสูง นั่นแหละ คือเราได้รับโอกาสไปแล้วครึ่งนึง สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะได้งานที่ดี หรือ เหนื่อย สบายหรือไม่สบาย ทุกอย่างเราล้วนทำงานเพื่อเลี้ยงชีพในตัวเรา เลี้ยงครอบครัวเรา ดูแลพ่อแม่ของเรา ก็ถือว่าเราโชคดีแล้ว สู้ๆกับมันนะ สำหรับคนที่ยังไม่ได้งาน อย่าพึ่งท้อนะครับ ตัวผมเองก็ยังหาต่อไป กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับที่อ่านจนจบ สวัสดีครับ.
ทำไม? คนที่จบการศึกษาน้อย ไม่มีสิทธิที่จะได้ทำงานดีๆเลยหรอ ไม่มีคำว่าโอกาสสำหรับคนแบบพวกเราเลยใช่ไหม?
ผมคนนึงที่ยอมรับว่า ไม่ได้เรียนจบระดับปริญญาตรี ไม่ได้ศึกษาระดับชั้นสูง แต่ผมมีประสบการณ์ทำงานที่มีมากมาย อันดับแรก งานแรกของผม คือ การทำงานในบริษัทพานาโซนิก อยู่ในส่วนงานของฝ่ายการผลิต ที่ จ.สมุทรปราการ ยอมรับว่าตอนนั้นอยากทำงาน ก็เลยคิดว่า ได้งานไหนทำงานนั้น หลังจากที่ผมทำงานไปได้สักพัก ผมเริ่มรู้สึกอยากทำงานที่อยู่แถวใน กทม เลย google หางาน สุดท้ายผมก็ได้งาน ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวๆย่าน สีลม มันสนุกมาก มีความสุขที่ได้ทำงานในสถานที่ๆเราอยากไปทำงานตรงนั้น แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องลาออก เพราะพี่สาวผม ได้ชวนผมไปสมัครงานที่บริษัทแห่งนึง ใน จังหวัด นนทบุรี ในตำแหน่งงาน เจ้าหน้า call center รับออเดอร์ หรือ เรียกง่ายๆว่าขายสินค้า ระหว่างที่สิ้นค้าของบริษัทเรากำลังโปรโหมดออกรายการโทรทัศน์ ผมชอบมาก เพราะเป็นงานที่ใช้ทักษณะในการสนทนาล้นๆ บางที ลูกค้าถามอะไรมา เราจะมีวิธีแก้ไขสถานะการณ์ได้ดี นี่ก็เป็นอีกทางนึงที่สอนเราไปในตัวระหว่างปฏิบัติงานนั่นเอง แน่นอนว่าทุกการทำงาน จะมีระยะเวลาของมันว่าเราจะทำงานนี้ได้นานแค่ไหน สุดท้ายแล้ว ผมก็ออกเช่นเคย แต่กรณีนี้ ที่ผมออกจากงานมา มันก็ด้วยหลายๆด้าน หนึ่งในนั้นคือแม่ผมล้มไม่สบายกระทันหัน เลยต้องลาออก แล้วย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ และมาอยู่กับแฟนผม ออ ลืมบอก ผมเป็นคนเหนือครับ ส่วนตัวผมก็ต้องมาเริ่มหางานใหม่ และแฟนผมก็กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีครับ (แฟนตอนนั้นเป็นแฟนเก่าในตอนนี้แล้วนะครับ) ผมอยู่ที่เชียงใหม่กับแฟนหลายเดือนได้นะครับ จำไม่ได้ว่ากี่เดือน กว่าจะได้งาน มีเสียงโทศัพท์เพื่อผมโทรเข้ามา บอกว่า ได้งานยัง พอดี ม๊ากับป๊า เปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ลองเข้ามาสมัครสิ ผมก็เลยคิดว่า โอกาสมาละ เอาวะ ลองไปก็ได้ พอไปถึงก็ยื่นเอกสาร ใบสมัคร ต่างๆ และก็ได้มีการพูดคุยกับเจ้าของบริษัทที่เราสมัครโดยตรงเลย ซึ่งเป็น ม๊ากับป๊าของเพื่อนนั่นเอง คุยได้สักพัก ก็ได้มีการตกลงทำงานแล้วถามว่าเริ่มงานได้วันไหน โดยส่วนตัวผม ถ้าสมัครงานที่ไหน แล้วได้ ผมจะเริ่มงานของอีกวันหนึ่งเลย ผมได้เป็นพนักงานฝ่ายการประสานงานและการโปรโหมดโครงการรวมถึงในส่วนของการขาย ก็จะมีการประสานงานต่างๆ พูดคุยกับลูกค้า ใช้ทักษะในการพูดเพื่อให้ลูกค้าสนใจในตัวบ้าน ผมก็จะมีเทคนิคในการพูดของผมเอง ซึ่งผมเป็นพนังงานของบริษัทนี้……แต่ไปบริหารงานให้กับโครงการนี้ เป็นงานที่สนุกมาก มีการออกบูทตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ โฟนในส่วนโครงการบ้านของเรา ต่างๆอีกมากมาย หลังจากนั้น ผมทำงานได้ 5-6เดือนนี่แหละครับ จำไม่ค่อยได้ ก็ย้ายงานมาอยู่ที่จังหวัดไกลเคียงเชียงใหม่ เนื่องจากแฟนผมได้งานตรงนั้น ก็เลยต้องย้ายออกไปด้วยกัน เพราะมันจะสะดวกในการเดินทาง และอีกหลายๆอย่างมากมาย ผมก็ไปสมัครงานฝ่ายการผลิต เพราะคิดว่า ด้วยวุฒิการศึกษาของเรา คงได้แค่นี้ ผมก็รอโทรศัพท์ หลายวันผ่านไป มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บอกว่า มีงานฝ่ายประสานงานสนใจมาสัมภาษณ์ เลยคิดว่ารอไรละครับ ตอทันทีว่าสนใจครับ แล้วก็มีการนัดวันที่จะสัมภาษณ์ ไม่ได้สัมภาษณ์ผมคนเดียวนะครับ มีทั้งหมด 5 คน วุฒิ ป.ตรีทั้งนั้น ผมคิดในใจ กลับไปกินแห้วดีกว่า เห้อ แต่เชื่อไหม ผลที่ออกมาคือผมได้ ผมตกใจมาก เราไม่ได้เรียนสูง แต่เราได้รับโอกาส อาจเป็นเพราะเรา มีประสบการณ์ด้านการทำงาน บอสจึงให้โอกาสอีกครั้ง ส่วนงานนี้ ระยะเวลาที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทนี้ ผมได้เรียนรู้งานมากกว่าเกินคำว่าคุ้มมากๆ ผมได้เป็นทั้งหัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ประสานงาน เจ้าหน้าสัมภาษณ์งาน เจ้าหน้าอบรมพนักงานก่อนเริ่มงาน รวมถึง สรรหาพนักงานให้กับบริษัทต่างๆ ทำให้เป็นคอมพิวเตอร์ได้ดี คร่อง ว่องไว แก้ไขสถานะการณ์ได้ดี มีความเป็นผู้นำ รู้จักรับผิดชอบ ระหว่างที่เป็นหัวหน้า ได้อบรมพบปะกับพนักงาน สนุกมากๆ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องลาออกเช่นเคย เพราะผมต้องไปรับใช้ชาติ ระยะเวลา 2 ปีเต็ม คือการไปเป็นทหารนั่นเอง สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับโอกาสให้ทำงานเอกสารราชการในหน่วยที่เราอยู่อีกครั้งจนถึงวันที่ผมปลดประจำการออกมา (ต้องเริ่มหางานใหม่อีกครั้ง) เหนื่อยนะกับการหางานดีๆสำหรับวุฒิต่ำๆแบบเรา มันยากมาก ผมเชื่อว่าทุกคนมีโอกาส อยู่ที่เวลาและจังหวะของมันแค่นั้นแหละครับ สิ่งที่ผมคิด คือ วุฒิการศึกษายิ่งสูงย่อมได้ทำงานที่ดี แต่ประสบการณ์ในการทำงานก็ยังไม่สามารถการรันตีได้ว่า เราจะมีประสิทธิภาพ ได้ดีเท่าคนเรียนสูง สุดท้ายเรื่องการเรียนก็สำคัญต่อเรามาก น้องๆคนไหนที่พอมีกำลังเรียน เรียนไปให้มากที่สุดครับ เพื่ออนาคตของตัวเรา เราจะสบายในวันหน้า ไม่ต้องรอโอกาส เพียงแค่เรามีวุฒิการศึกษาสูง นั่นแหละ คือเราได้รับโอกาสไปแล้วครึ่งนึง สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะได้งานที่ดี หรือ เหนื่อย สบายหรือไม่สบาย ทุกอย่างเราล้วนทำงานเพื่อเลี้ยงชีพในตัวเรา เลี้ยงครอบครัวเรา ดูแลพ่อแม่ของเรา ก็ถือว่าเราโชคดีแล้ว สู้ๆกับมันนะ สำหรับคนที่ยังไม่ได้งาน อย่าพึ่งท้อนะครับ ตัวผมเองก็ยังหาต่อไป กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับที่อ่านจนจบ สวัสดีครับ.