สวัสดีค่ะ เราได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในประเทศมัลดีฟส์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทั้งตะวันออก และตะวันตก ได้รับประสบการณ์ต่างๆเรื่องการเดินทาง และจากการเดินทางมาพอสมควร เลยอยากมาแชร์เรื่องราว และข้อมูลที่จำเป็น เพื่อความบันเทิงบ้าง หรือเป็นประโยชน์บ้าง สำหรับเพื่อนๆที่สนใจจะเดินทางท่องเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตนเองค่ะ
การเดินทางของเราเริ่มขึ้นในวันศุกร์ ปลายๆเดือนสิงหา ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย อะไรหลายๆอย่างที่สนามบินมันก็จะวุ่นวายๆอย่างไม่คาดฝันมาก่อน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราจะข้ามจุดนั้นไป อย่าไปบ่นให้ทรมานใจเลยเนอะ
จะขอแบ่งหัวข้อเป็น 8 ส่วนด้วยกันดังนี้นะคะ จะได้มีจุดสังเกตุเวลาเปลี่ยนเรื่อง เพื่อความเข้าใจที่ง่ายกว่า
1| สนามบิน Velana International Airport
2| เกาะ Hulhumale
3| เมืองหลวง Male
4| เกาะชนพื้นเมือง Maafushi
- ทัวร์ตกปลายามเช้า
- ทัวร์ว่ายน้ำกับ Manta Ray + SandBank + Local Island Hopping
5| เกาะชนพื้นเมือง Dharavandhoo
- ทัวร์ดำผิวน้ำกับเต่าทะเลที่ Turtle Garden
- ทัวร์ว่ายน้ำกับฝูง Manta Ray ที่ Hanifaru Bay
6| เกาะชนพื้นเมือง Rasdhoo
- ทัวร์ดำผิวน้ำ 3 เกาะ 3 Points Snorkeling
7| เกาะส่วนตัว Fihalhohi Island Resort
8| รายการค่าใช้จ่ายต่างๆ
ก่อนจะเข้าเรื่อง มารู้ข้อเท็จจริงและข้อควรรู้ และสิ่งที่อยากบอกเกี่ยวกับมัลดีฟกันก่อน่นะคะ
◆ ประเทศมัลดีฟ ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย ราวๆ 1,000+ เกาะ เกาะที่มีการอาศัยอยู่แค่ 200 กว่าเกาะ เกาะที่มีชาวมัลดีฟอาศัยอยู่จริงแค่ 4-5 เกาะ ที่เหลือเป็นเกาะรีสอร์ทส่วนตัวสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น
◆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เกาะชาวบ้านมีการสร้างโรงแรมที่พักแบบเกสเฮาส์ราคาไม่แรงปรี๊ดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะฉนั้นการมาเที่ยวมัลดีฟจึงไม่ใช่แค่การมาติดเกาะส่วนตัวแล้วกลับเหมือนเมื่อก่อน มาแบบแบ็คแพ็ค พักเกสเฮาส์บนเกาะชาวบ้าน เดินทางด้วยเรือเฟอรี่ระหว่างเกาะก็ทำได้
◆ มัลดีฟเป็นประเทศมุสลิม 100% บนเกาะชาวบ้าน ไม่มีปาร์ตี้ ไม่แอลกอฮอล์ ใครชอบความสงบ หลับสบายยันเช้าก็เข้าทางเลย ส่วนการแต่งกายต้องสุภาพ ไม่ต้องใช้ผ้าคลุมผม อยู่ในเมืองใส่ขายาวคลุมเข่า ตรงชายหาดใส่ขาสั้นได้ ใส่เสื้อมีแขน ไม่อนุญาตบิกินี่ แต่บางเกาะจะกั้นหาดเพื่อแยกออกจากชาวบ้านให้นักท่องเที่ยวจัดชุดว่ายน้ำกี่ชิ้นก็ตามใจโดยเฉพาะ และตั้งชื่อแบบเคลียร์ๆว่า~บิกินี่บีช ส่วนที่เกาะส่วนตัวนั้นใส่อะไรก็ได้ที่สบายใจและสบายตัว
◆ น้ำดื่ม น้ำใช้ที่นี่รีไซเคิลหมด ไม่มีแร่ธาตุ สารเคมีหนักเบาอะไรเหลือ เวลาอาบน้ำนี่อาบนานมาก กว่าจะล้างสบู่หมด 😂 ส่วนน้ำดื่มก็จะเบาๆคอนิดหน่อย
◆ มัลดีฟเที่ยวได้ทั้งปี : หน้ามรสุมจะเริ่มช่วง มิถุนายน - ตุลาคม แต่โดยปกติแล้ว ที่นี่ฝนตกแบบ 15-30 นาที แล้วหยุด ฟ้าก็กลับมาใสเหมือนเดิม ถ้าเกิดโชคไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่ ก็จะเจอพิษเฮอร์ริเคนไปบ้างเหมือนที่พวกเราเจอ(ซึ่งชาวบ้านบอกอันนี้ไม่ปกติ) แต่ก็กระทบแค่ 2-3 วัน หลังจากนั้นเราก็เจอฟ้าเป็นสีฟ้าตลอด
และที่สำคัญหน้ามรสุมที่ว่ายังเป็นหน้าของ Manta Ray, Whale Shark และ Blue Tear ด้วย
◆ ราคาที่พักและอาหาร และทัวร์ต่างๆ
ส่วนใหญ่ยังไม่รวม 12 % Tax , 3$ Environment fee per person per night , 11.2 % Property service charge ต้องเช็คงบดีๆ
◆ อาหารที่ถูกสุดก็ประมาณจานละ 100 บาท แต่เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอาหาร อาหารที่กินก็ประมาณอาหารมาเลย์ ผสมอินโด ศรีลังกา พวกสารพัดนาซี มีไก่ มีทะเล แต่เน้นปลาๆซะส่วนใหญ่
◆ ค่าเงินคือ Ryfiyaa (1 Rufiya ประมาณ 2 บาท) แต่พวกค่าโรงแรม ค่าทัวร์ ค่าเรือ ค่าเครื่องบิน ส่วนใหญ่รับทั้งเงิน Rufiya และ USD เราเน้นกดเงินที่ตู้ ATM ค่าธรรมเนียม 100 + ค่าหักอีกประมาณ 200 บาททุกครั้งที่กด เรากดได้ครั้งละ 10,000 - 15,000 Rufiyaa ตู้ที่กดได้ส่วนใหญ่มาจาก Bank of Maldives สีขาวแดง
◆ เวลาที่มัลดีฟช้ากว่าที่ไทย 2 ชม.
◆ มีซิมการ์ดขายที่สนามบิน ราคา $32 , 15 GB ใช้ได้ 14 วัน
[CR] Maldives : ปลายทางแห่งฝัน ผจญภัยไปด้วยกันแบบครบรส
สวัสดีค่ะ เราได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในประเทศมัลดีฟส์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทั้งตะวันออก และตะวันตก ได้รับประสบการณ์ต่างๆเรื่องการเดินทาง และจากการเดินทางมาพอสมควร เลยอยากมาแชร์เรื่องราว และข้อมูลที่จำเป็น เพื่อความบันเทิงบ้าง หรือเป็นประโยชน์บ้าง สำหรับเพื่อนๆที่สนใจจะเดินทางท่องเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตนเองค่ะ
การเดินทางของเราเริ่มขึ้นในวันศุกร์ ปลายๆเดือนสิงหา ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย อะไรหลายๆอย่างที่สนามบินมันก็จะวุ่นวายๆอย่างไม่คาดฝันมาก่อน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราจะข้ามจุดนั้นไป อย่าไปบ่นให้ทรมานใจเลยเนอะ
จะขอแบ่งหัวข้อเป็น 8 ส่วนด้วยกันดังนี้นะคะ จะได้มีจุดสังเกตุเวลาเปลี่ยนเรื่อง เพื่อความเข้าใจที่ง่ายกว่า
1| สนามบิน Velana International Airport
2| เกาะ Hulhumale
3| เมืองหลวง Male
4| เกาะชนพื้นเมือง Maafushi
- ทัวร์ตกปลายามเช้า
- ทัวร์ว่ายน้ำกับ Manta Ray + SandBank + Local Island Hopping
5| เกาะชนพื้นเมือง Dharavandhoo
- ทัวร์ดำผิวน้ำกับเต่าทะเลที่ Turtle Garden
- ทัวร์ว่ายน้ำกับฝูง Manta Ray ที่ Hanifaru Bay
6| เกาะชนพื้นเมือง Rasdhoo
- ทัวร์ดำผิวน้ำ 3 เกาะ 3 Points Snorkeling
7| เกาะส่วนตัว Fihalhohi Island Resort
8| รายการค่าใช้จ่ายต่างๆ
ก่อนจะเข้าเรื่อง มารู้ข้อเท็จจริงและข้อควรรู้ และสิ่งที่อยากบอกเกี่ยวกับมัลดีฟกันก่อน่นะคะ
◆ ประเทศมัลดีฟ ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย ราวๆ 1,000+ เกาะ เกาะที่มีการอาศัยอยู่แค่ 200 กว่าเกาะ เกาะที่มีชาวมัลดีฟอาศัยอยู่จริงแค่ 4-5 เกาะ ที่เหลือเป็นเกาะรีสอร์ทส่วนตัวสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น
◆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เกาะชาวบ้านมีการสร้างโรงแรมที่พักแบบเกสเฮาส์ราคาไม่แรงปรี๊ดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะฉนั้นการมาเที่ยวมัลดีฟจึงไม่ใช่แค่การมาติดเกาะส่วนตัวแล้วกลับเหมือนเมื่อก่อน มาแบบแบ็คแพ็ค พักเกสเฮาส์บนเกาะชาวบ้าน เดินทางด้วยเรือเฟอรี่ระหว่างเกาะก็ทำได้
◆ มัลดีฟเป็นประเทศมุสลิม 100% บนเกาะชาวบ้าน ไม่มีปาร์ตี้ ไม่แอลกอฮอล์ ใครชอบความสงบ หลับสบายยันเช้าก็เข้าทางเลย ส่วนการแต่งกายต้องสุภาพ ไม่ต้องใช้ผ้าคลุมผม อยู่ในเมืองใส่ขายาวคลุมเข่า ตรงชายหาดใส่ขาสั้นได้ ใส่เสื้อมีแขน ไม่อนุญาตบิกินี่ แต่บางเกาะจะกั้นหาดเพื่อแยกออกจากชาวบ้านให้นักท่องเที่ยวจัดชุดว่ายน้ำกี่ชิ้นก็ตามใจโดยเฉพาะ และตั้งชื่อแบบเคลียร์ๆว่า~บิกินี่บีช ส่วนที่เกาะส่วนตัวนั้นใส่อะไรก็ได้ที่สบายใจและสบายตัว
◆ น้ำดื่ม น้ำใช้ที่นี่รีไซเคิลหมด ไม่มีแร่ธาตุ สารเคมีหนักเบาอะไรเหลือ เวลาอาบน้ำนี่อาบนานมาก กว่าจะล้างสบู่หมด 😂 ส่วนน้ำดื่มก็จะเบาๆคอนิดหน่อย
◆ มัลดีฟเที่ยวได้ทั้งปี : หน้ามรสุมจะเริ่มช่วง มิถุนายน - ตุลาคม แต่โดยปกติแล้ว ที่นี่ฝนตกแบบ 15-30 นาที แล้วหยุด ฟ้าก็กลับมาใสเหมือนเดิม ถ้าเกิดโชคไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่ ก็จะเจอพิษเฮอร์ริเคนไปบ้างเหมือนที่พวกเราเจอ(ซึ่งชาวบ้านบอกอันนี้ไม่ปกติ) แต่ก็กระทบแค่ 2-3 วัน หลังจากนั้นเราก็เจอฟ้าเป็นสีฟ้าตลอด และที่สำคัญหน้ามรสุมที่ว่ายังเป็นหน้าของ Manta Ray, Whale Shark และ Blue Tear ด้วย
◆ ราคาที่พักและอาหาร และทัวร์ต่างๆ ส่วนใหญ่ยังไม่รวม 12 % Tax , 3$ Environment fee per person per night , 11.2 % Property service charge ต้องเช็คงบดีๆ
◆ อาหารที่ถูกสุดก็ประมาณจานละ 100 บาท แต่เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอาหาร อาหารที่กินก็ประมาณอาหารมาเลย์ ผสมอินโด ศรีลังกา พวกสารพัดนาซี มีไก่ มีทะเล แต่เน้นปลาๆซะส่วนใหญ่
◆ ค่าเงินคือ Ryfiyaa (1 Rufiya ประมาณ 2 บาท) แต่พวกค่าโรงแรม ค่าทัวร์ ค่าเรือ ค่าเครื่องบิน ส่วนใหญ่รับทั้งเงิน Rufiya และ USD เราเน้นกดเงินที่ตู้ ATM ค่าธรรมเนียม 100 + ค่าหักอีกประมาณ 200 บาททุกครั้งที่กด เรากดได้ครั้งละ 10,000 - 15,000 Rufiyaa ตู้ที่กดได้ส่วนใหญ่มาจาก Bank of Maldives สีขาวแดง
◆ เวลาที่มัลดีฟช้ากว่าที่ไทย 2 ชม.
◆ มีซิมการ์ดขายที่สนามบิน ราคา $32 , 15 GB ใช้ได้ 14 วัน