กว่าจะรู้ว่าเป็น HIV

[ผมเป็นเกย์] เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2560 ได้แอดมิท ร.พ. เอกชน2 ตอน 23.00 และรู้ว่าติดเชื้อ HIV ในวันที่ 3/07/60 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้สอบจบ ตอนที่ทราบผลก็ใจวูบไปแปปนึง แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้ ไม่ได้จิตตกอะไร โดยก่อนหน้าที่จะพบว่าติดเชื้อ HIV ก็แอดมิท 2 ครั้ง และป่วยเป็นระยะๆ มาเกือบปี      เข้า ร.พ. 2-3 เดือน/ครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็น HIV นึกว่าป่วยธรรมดา เพราะช่วงนั้นทำโปรเจคจบ เลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่

        >>>[แอดมิทครั้งที่ 1 : ร.พ. เอกชน1] ประมาณกลางเดือน ก.ย. 59 ก็เริ่มป่วยเป็นทอนซินอักเสบ + เป็นฝี : ตอนที่เป็นอาการก็จะเหมือนกับเป็นไข้หวัด    กินไม่ค่อยได้(เพราะเป็นทอนซิน) ป่วยเมื่อยตามร่างกาย น้ำหนักลดลง ประมาณ 3-4 กก. ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะน่าจะมาจากที่กินไม่ค่อยได้ และเป็นฝีด้วย หมอก็ให้แอดมิทเพื่อผ่าฝีระบายหนองออก เพราะมีอาการอักเสบและบวมนูน และรักษาทอนซินโดยการกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งนอน ร.พ. ประมาณ 5 วัน หลังจากนั้นทอนซินก็ดีขึ้น และหาย ส่วนฝีดีขึ้นแต่แผลที่ผ่าฝีต้องใช้เวลารักษา หมอบอกฝีอาจจะกลับมาเป็นอีก ประมาณ ต.ค. แผลก็หาย

        >>>ประมาณปลาย ธ.ค. ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก [ทอนซินอักเสบ + ฝี] เปลี่ยนมารักษาที่ ร.พ. รัฐ1 แต่ไม่ได้แอดมิท หมอแค่กีดแผลที่เป็นฝี ซึ่งเป็นที่ตำแหน่งเดิมเลย แล้วก็รักษาโดยการกินยาและติดตามผลเป็นระยะๆ

        >>>[แอดมิทครั้งที่ 2 : ร.พ. รัฐ1] จนต้นเดือน ม.ค. ฝีก็กลับมาเป็นเหมือนที่แอดมิทครั้งที่ 1 หมอให้แอดมิทเข้าห้องผ่าตัดเลย ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่เลย ซึ่งหลังผ่า 2 วัน อาการก็ดีขึ้น รักษาโดยการกินยาฆ่าเชื้อ และยาปฏิชีวนะ และติดตามผลเป็นระยะๆ จน ฝี หายแล้ว [จนถึงปัจจุบัน] ก็หยุดการรักษา

        >>>จนเข้าเดือน มิ.ย. ก็กลับมาป่วยเป็นทอนซินอักเสบอีกครั้ง [หมอบอก] เข้ารักษาที่ ร.พ. รัฐ2 น้ำหนัก 54 ซึ่งอาการจะเป็นหนักกว่าครั้งไหนๆๆ มีอาการไข้สูง หนาวสั่น(จะเป็นตอนกลางคืน) ปวดศีรษะ  ปวดเมื่อยตามตัว  อ่อนเพลีย  เบื่ออาหาร  เจ็บคอมากจนกลืนน้ำลายและอาหารลำบาก มีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่หู  ปวดท้องแน่นๆ เหนือสะดือ  ทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  และมีจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนทอนซิล (เป็นทอนซิลอักเสบชนิดเป็นหนอง) หมอก็ให้กินยา Curam  เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลิน  2,000 mg/วัน , ยาลดไข้ , ยาลดการหลั่งกด(Omeprazole) และยาป้ายแผล Kamistad (โคตรดี ป้ายแล้วกินข้าวได้สบาย ไม่รู้สึกเจ็บแผลเลย เพราะมีส่วนผสมของยาชา) หลังจากนั้น 1 สัปดาห์อาการก็ดีขึ้น หมอเลยเปลี่ยนจาก Curam เป็น Cephalexin

        >>>[แอดมิทครั้งที่ 3 : ร.พ. เอกชน2] หลังจากที่อาการดีขึ้นไม่นาน  สุดท้ายก็กลับมาเป็นหนักอีกเหมือนเคย ทรมานมากๆๆ จนต้องแอดมิท (2/7/60) ซึ่งวันที่แอดมิทได้ไปหาเพื่อนที่ สัตหีบ ตอนกลางวันก็อาการทรงตัว แต่พอหัวค่ำ ไข้ขึ้นสูง 41 องศา น้ำหนักตอนนั้นเหลือ 49 จาก 54 เลยตัดสินใจเข้า ร.พ. เอกชน ตอน 23.00 หมอก็ซักประวัติ อาการ เจาะเลือด จนวันที่ 3/7/60 ตอนหัวค่ำ หมอมาตรวจและบอกว่าในคอไม่ได้เป็นแค่ทอนซิน
อย่างเดียว แต่ยังเป็นเริมด้วย และที่ทำให้หูอื้อไปแปป คือบอกว่าติดเชื้อ HIV จากนั้นก็ตั้งสติ ฟังการรักษา และรอพบหมอโรคติดเชื้อ ตอน 21.00 กว่า หมอก็มา บอกว่าปอดไม่มีปัญหาอะไร และให้เริ่มกินยาต้าน HIV ส่วนเริม ก็ให้กินยา Valacyclovir 1,000 mg เช้า กลางวัน เย็น ซึ่งกินยาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบ 2 เดือน ในการปรับสภาพร่างกาย จากผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส HIV จากนั้นก็กลับไปทำโปรเจคจบ เพื่ออย่างน้อยเราก็จะได้มีงานทำ ถึงแม้เส้นทางจะน้อยหน่อยก็ตาม

       หลังจากที่รู้ว่าติดเชื้อ HIV ก็หาข้อมูลอ่าน คิดบวกมากขึ้น ดูแลสุขภาพ ตอนนี้กินยามาได้ 4 เดือนกว่าๆ ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ เส้นทางชีวิตในการทำงาน จากเส้นทางที่มากมายที่ให้เราเดิน ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่เส้นทาง ปัจจุบันทำงานเป็น Engineer ในส่วนของ Designer+Mechanics ที่เป็นบริษัทไม่ได้ใหญ่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่