สวัสดีค่ะ ขอตั้งกระทู้ผิดฤดูนะคะ ^ ^'' กำลังหาข้อมูลไปดูซากุระปีหน้าแล้วอยู่ดีๆก็คิดถึงดอกซากุระที่ Washington DC ขึ้นมาก็เลยอยากมาตั้งกระทู้เก็บไว้ซะหน่อย

แน่นอนว่าถ้าพูดถึงดอกซากุระ หลายๆคนคงนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก รองลงมาก็ เกาหลี ไต้หวัน จีน อะไรแบบนี้ แต่แล้วเราก็ต้องแปลกใจเมื่อลองหาข้อมูลเล่นๆดูแล้วพบว่าที่อเมริกาก็มีเหมือนกัน นั่นคือที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของประเทศอเมริกานั่นเอง สาเหตุที่เมืองนี้มีดอกซากุระ แถมเป็นซากุระแบบแท้ๆจากญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะเมื่อปี 1912 ญี่ปุ่นได้ส่งต้นซากุระมาเป็นของขวัญเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีถึง 3000 ต้นทีเดียวค่ะ

---------------------------

สำหรับทริปนี้เราไปมาตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ 2016 จะเรียกว่าเป็นทริป 'เพื่อซากุระ' อย่างเดียวเลยก็ว่าได้ 555 เพราะเราบินไป DC แค่ 2 วันเท่านั้น (เสาร์-อาทิตย์ หนีงานไป) เพื่อดูดอกซากุระอย่างเดียวเลยจริงๆค่ะ แต่ไม่ได้บินจากไทยนะคะ (แบบนั้นก็บ้าเกิน 555 ) ช่วงนั้นเราอยู่ที่ฟลอริด้า บินไปศุกร์เย็นถึง DC เที่ยงคืน แล้วก็บินกลับวันอาทิตย์เย็นค่ะ

เราได้เห็นซากุระครั้งแรกปี 2015  ที่โตเกียว อาจจะเป็นเพราะหลงสเน่ห์มั้ง เลยอยากไปดูให้ได้ ดังนั้นกระทู้นี้เลยจะเน้นเรื่องการไปดูซากุระที่ DC นะคะ ไม่ใช่กระทู้พาเที่ยว DC 555 (อาจจะมีปนๆบ้างเล็กน้อย) เพราะอยากแชร์ข้อมูล เผื่อใครไปจะบ้างค่ะ : )

---------------------------

อย่างที่บอกเราไปแค่สองวัน มีเวลาน้อย เพราะงั้นช่วงที่ไปดูจะต้องค่อนข้างแม่นยำ เพราะหลังจากที่บานเต็มที่แล้ว ดอกซากุระจะบานสวยๆเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะเริ่มร่วง ช่วงเวลาที่ไปจึงสำคัญมาก ดังนั้นเราจึงจองตั๋วเครื่องบินกระชั้นชิดมากค่ะ (แต่ก็ไม่ถึงกับจองวันนี้บินพรุ่งนี้นะ กลัวราคาโหดเกิน ^ ^'') แต่ก็ถือว่าใกล้มาก เพราะจองก่อนบินแค่สองอาทิตย์เอง




ที่ DC เค้ามีทีมวิจัยคอยทำนายวันที่ดอกไม้จะบานสวยที่สุด (บาน 70% หรือเรียกว่า Peak Bloom) อยู่ค่ะ โดยคำนวณจากอัตราการบานของต้นบ่งชี้ (Indicator Trees) ที่ปลูกในแล็บ อุณหภูมิและสภาพอากาศ

เว็บไซต์ทางการที่เราใช้เป็นแหล่งข้อมูลได้แก่ Cherry Blossom Watch เป็นเว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลการบานของดอกซากุระต่อเนื่องมาทุกปี ในปี 2014 และ 2015 วัน Peak Bloom คือวันที่ 10 เมษายนเหมือนกัน แต่ในปี 2016 เจ้าหน้าที่คาดว่าดอกไม้จะบานเร็วกว่าปีก่อนๆเพราะอากาศอุ่นกว่าปกติซึ่งอากาศที่อุ่นจะเร่งให้ดอกไม้แตกหน่อเร็วขึ้น ซึ่งต้องรอให้เข้าเดือนมีนาคมหรือเข้าฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นผลคาดการณ์แรกถึงจะออกมา เพราะเจ้าหน้าที่อยากให้มีความแม่นยำในการทำนายมากที่สุด แต่เราก็ติดตามข้อมูลเรื่อยๆตั้งแต่มกราแน่ะ

มี 2 องค์กรที่ทำนายวัน Peak Bloom ได้แก่ U.S. National Park Service (NPS) และ Washington Post Capital Weather Gang (CWG)แต่จากสถิติย้อนหลัง 5 ปีแล้ว Capital Weather Gang ทำนายได้ใกล้เคียงมากกว่า

ที่เราชี้แจงว่าองค์กรไหนมีประวัติของความแม่นยำมากกว่าเพราะปัญหาเกิดขึ้นในปี 2016 (ปีที่เราไป) เมื่อ NPS ชิงประกาศวัน Peak Bloom ก่อนตั้งแต่ต้นเดือนมีนา ว่าเป็นวันที่ 31 มีนาคม – 3 เมษายนแต่หลังจากนั้นอีกอาทิตย์หนึ่ง CWG ก็ประกาศวัน Peak Bloom เป็นวันที่ 24-28 มีนาคม  ซึ่งไม่มีช่วงคาบเกี่ยวกันเลย มิหนำซ้ำ พอ CWG ประกาศ Peak Bloom ออกมาเร็วกว่า หลังจากนั้น 5 ชั่วโมง NPS ก็เปลี่ยนเป็น 18-23 มีนา

สรุป
NPS 18-23 มีนา
CWG 24-28 มีนา

เราซึ่งอยากรีบจองตั๋วเครื่องบินถึงกับตัดสินใจลำบาก เพราะเรามีเวลาแค่เสาร์-อาทิตย์ แล้วถ้าเชื่อ NPS (ซึ่งแม่นน้อยกว่า) จองไป 19-20 มีนา แล้ว CWG (ซึ่งแม่นกว่า) เกิดถูก บานตอน 24 มีนา ไปถึงดอกไม้จะบานหรือยัง

แต่ถ้าเชื่อ CWG แล้วไป 26-27 มีนา แต่ NPS เกิดถูกขึ้นมา บานตั้งแต่วันที่ 18 ไป 26 คืออาจจะไม่เห็นอะไรแล้ว เพราะช่วง 21-25 มีนา พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตกทุกวัน

ตอนนั้นก็ปรึกษาเพื่อนที่จะไปด้วยกัน เพื่อนบอกว่าอยากเห็นดอกไม้บนต้นมากกว่าดอกที่ร่วงอยู่บนพื้น ตอนแรกจะเชื่อ NPS คือไปเร็วไว้ก่อน วันที่ 19-20 มีนา แต่พอมาอ่านเหตุผลของ CWG (เจ้าที่แม่นกว่าและประกาศเวลา Peak Bloom มาครั้งเดียว ไม่เลื่อนไปมา) บอกว่าดอกไม้จะบานเร็วกว่าปีที่ผ่านมาเพราะอากาศอุ่นก็จริง แต่จะไม่บานเร็วมาก เนื่องจากปีที่แล้วก็เข้าหน้าหนาวช้าเช่นกัน ทำให้ดอกไม้เข้าสู่ระยะพักช้า ดังนั้นจะออกดอกช้าด้วย .. อืม ดูมีเหตุผล สุดท้ายเราเชื่อ CWG ค่ะ จองตั๋วบินเย็นที่ 25 อยู่ DC 26-27 แล้วกลับ 27 เย็น

พอกดจองปุ๊บ สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวหลังจากนั้นคือนั่งภาวนาค่ะ 555 ขอให้ไปถูกช่วงด้วยเถิด > - <