Justice League เป็นหนึ่งในหนังที่ผมตั้งตารอ ของช่วงปลายปีนี้ และแอบมีความคาดหวังนิดๆ ว่ามันน่าจะต้องสนุก สุดใจไปเลย แต่คำว่าสนุกสำหรับในหนังของ DC ที่มีผู้กำกับ แซค ชไนเดอร์ กำกับ ไม่ใช่ความบันเทิงแบบหนังแอ็คชั่นเอามันส์แบบ Transformer หรือ ซุปเปอร์ฮีโร่ ชิวๆ แบบค่าย Marvel แต่เป็นดราม่า แอ็คชั่น แบบมีอะไรให้เก็บไปคิดแบบซีรีส์ดาร์คไนท์ ของ โนแลน ...
มีเหตุหลายอย่างก่อน JI จะคลอดออกมา เรื่องที่ BVS ไม่ทำเงินได้ดั่งใจเจ้าของหนัง เนื่องมาจาก โทนของหนังมันหม่นเกินไป (DC ควรจะมาสายบันเทิงวงกว้างแบบ MARVEL ?) นำมาซึ่งหนังที่โดนตัดต่อและเปลี่ยนโทนไปจนเละพอๆ กันอย่าง Suicide Squad หรือการที่เกิดเรื่องเศร้ากับผู้กำกับที่ลูกสาวฆ่าตัวตายจนต้องออกจากโปรเจคและไม่ย้อนกลับมา และ Studio วอนท์อยากเป็น Marvel จนไปเอา จอส วีดอนท์ คนทำ Avenger มาทำต่อ และมีการถ่ายใหม่ บางส่วน ทั้งๆ ที่ ตอนแรกบอกว่าจะถ่ายใหม่นิดหน่อยและรักษาโทนของ ชไนเดอร์ไว้ (เรื่องนี้ตอนดู ผมไม่รู้มาก่อนว่ามีการนำผู้กำกับใหม่เข้ามา นึกว่าหนังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของโปรดักชั่นแล้วตอนแซคออกไปเลยไม่ได้คิดอะไรมาก)
พอไปดูหนังสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยทันทีคือ ทำไมมันเป็นแบบนี้ฟระ ! ฉาก แบทแมนบนหลังคา ฉากถ่ายวิดิโอซุปเปอร์แมน (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเอามาจากการ์ตูน Injustice) มันดูผิดที่ผิดทางไปหมด มันเหมือนย้อนกลับไป สมัยหนังแบทแมนที่ล่มของ โจเอล ชูมัคเกอร์ Batman Forever ที่มีความเป็นละคร และชุดแบทแมนที่มีหัวนม ...
พอดูไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ชัดเจนว่า หนังไม่เป็นเอกภาพ มันเหมือนคนมี Footage หนัง JI แล้วพยายามจะเอามาตัดต่อ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เป็นการตีกันระหว่างฮีโร่สายชิลแบบวีดอน กับ ฟุตเทจที่ถ่ายไปแล้วของชไนเดอร์ ช่วงอินโทรช่วงแรกแผลการไม่เข้ากันเห็นได้อย่างชัดเจน ผมคิดว่าชไนเดอร์อยากเปิดหนังเรื่องนี้ด้วยการตัดต่อแบบ Montage แบบที่ชอบทำในหนังหลายเรื่อง BVS เราก็เห็น Watchmen เราก็เห็น ในขณะที่วีดอนตัดหนังเป็นเส้นตรงคือเล่าเรื่องปกติ หนึ่งสองสามสี่ พอวีดอนเอา Footage ชไนเดอร์มาเรียงใหม่ มันทำให้หนังดูตลกๆ กระโดดเป็นช่วงๆ และไม่ค่อยมีเห็นมีผล เช่น แบทแมนบินไปคุยอะควาแมนแป๊ปหนึ่งแล้วก็บินกลับมา แล้วก็โกนหนวดในเครื่องบิน อะไรแบบนี้ เชื่อว่าถ้าชไนเดอร์ทำ มันจะไม่ฮาแบบนี้แน่นอน
สิ่งที่ทุกคนรอคอยที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่สนุกที่สุดของ JI คือ การที่ตัวละครแต่ละตัวซึ่งมีความเชื่อไม่เหมือนกันมาอยู่ด้วยกันเป็นทีมจะเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน เช่น แบทแมนไม่เลือกวิธีการ ขอให้ได้ผลลัพท์ก็พอ หรือการที่ซุปเปอร์แมนมีคุณธรรมและจะทำเฉพาะเรื่องทีดีงาม และ จะเถียงกันไปมาให้แฟนได้จิกหมอน อยากจะบอกว่า ใน JI นี้เราได้เห็นการเถียงกันนิดหน่อย เบาหวิวเหมือนปุยนุ่น ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญแบบว่าเถียงด้วยความเชื่อที่ต่างกัน แต่เหมือนเด็กทะเลาะกัน
และเข้าใจได้ว่าก่อนหนังจะออกฉายทำไมมีกระแส จะไม่มีจักรวาล DCEU อีกต่อไป คือจะเป็นหนังเป็นเรื่องๆ ของฮีโร่แต่ละคน เพราะพอเราดูก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันว่า มันจะมาช่วยกันทำไม มารวมกันแล้วได้อะไร แต่ในขณะเดียวกัน นักแสดงแต่ละคนก็เล่นดีจนรู้สึกว่าตัวละครแต่ละตัวมีอะไรของมัน แต่ในหนัง JI ไม่สามารถฉายออกมาได้ ถ้าไปดูเรื่องแยกน่าจะสนุกกว่า (ปัญหาไม่ใช่การเอาคาแรคเตอร์พวกนี้มารวมกันนะครับ ปัญหาคือ เอามารวมกันอย่างไรมากกว่า ผมเชื่อว่าชไนเดอร์คิดเรื่องนี้ไว้พอสมควรในขณะที่วีดอนไม่คิดไรมาก เอาฮาอย่างเดียว)
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือหนังไม่มี Theme รู้สึกได้เบาบางในชั้นของบทว่า น่าจะพูดเรื่องความกลัว ความสิ้นหวังและการช่วยเหลือกัน รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ด้วยทิศทางใหม่ของ JI ของวีดอนท์ที่ต้องการจะเล่าเรื่องเท่านั้น ไม่สนใจตีมอะไรทั้งนั้น ทำให้บทสรุปของหนังในตอนท้ายดูเบาลอยไร้สาระมากมาย
แต่ใช่ว่า JI จะมีแต่ส่วนแย่ ส่วนที่น่าประทับใจ คือบางช่วงของแซค ชไนดอร์ที่เรียกได้ว่ากินใจ มุกฮาบางบุกที่แนบไปกับหนังได้ การ "สบตา" ของซุปเปอร์แมนกับเดอะแฟลช (ฮ่า) และหนังก็ไม่ได้น่าเบื่อ ดูได้เรื่อยๆ อาจไม่เหมือนซีรี่ส์ดาร์คไนท์ที่แบบหนังสองชั่วโมงครึ่งแต่เรารู้สึกเหมือนมันแป๊ปเดียว แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อแบบ The Mummy ใหม่ ที่หลับไป ตื่นมา แลัว หลับต่อ มันก็ยังไม่จบ แต่ในฐานะที่ตามกันมา และอยากเห็น DC มาโลดแล่น ในโรงหนัง แบบเป็นตัวของตัวเอง ก็ผิดหวังมากมาย ผมคงบอกลาซีรีส์นี้อย่างสิ้นเชิง ถ้าทิศทางของจักรวาล DC จะเป็นแบบนี้
7/10 ลาก่อน DCEU
แถมต่ออีกหน่อย น่าสนใจที่แฟนบอยจะก่นด่า ถ่ม
กับหนังเรื่องนี้ แต่รู้สึกว่าแฟนวงกว้างจะให้กระแสตอบรับเรื่องนี้มากกว่า BVS มาก บอกว่ามันสนุก เพลิดเพลินดี ทำให้น่าคิดว่า หรือตีมหม่นๆ มันล้าสมัย คนไม่อยากดูกันแล้ว หรือตีมพวกนี้มันมีเยอะมากใน series ต่างๆ จนรู้สึกว่าพอมาดูโรงก็ขออะไรเบาๆ ดีกว่า เพราะโลกมันแย่อยู่แล้ว
https://www.facebook.com/maewnoonthelists/
[CR] ไปดูมาแล้ว Justice League ลาก่อนจักรวาล DC
มีเหตุหลายอย่างก่อน JI จะคลอดออกมา เรื่องที่ BVS ไม่ทำเงินได้ดั่งใจเจ้าของหนัง เนื่องมาจาก โทนของหนังมันหม่นเกินไป (DC ควรจะมาสายบันเทิงวงกว้างแบบ MARVEL ?) นำมาซึ่งหนังที่โดนตัดต่อและเปลี่ยนโทนไปจนเละพอๆ กันอย่าง Suicide Squad หรือการที่เกิดเรื่องเศร้ากับผู้กำกับที่ลูกสาวฆ่าตัวตายจนต้องออกจากโปรเจคและไม่ย้อนกลับมา และ Studio วอนท์อยากเป็น Marvel จนไปเอา จอส วีดอนท์ คนทำ Avenger มาทำต่อ และมีการถ่ายใหม่ บางส่วน ทั้งๆ ที่ ตอนแรกบอกว่าจะถ่ายใหม่นิดหน่อยและรักษาโทนของ ชไนเดอร์ไว้ (เรื่องนี้ตอนดู ผมไม่รู้มาก่อนว่ามีการนำผู้กำกับใหม่เข้ามา นึกว่าหนังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของโปรดักชั่นแล้วตอนแซคออกไปเลยไม่ได้คิดอะไรมาก)
พอไปดูหนังสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยทันทีคือ ทำไมมันเป็นแบบนี้ฟระ ! ฉาก แบทแมนบนหลังคา ฉากถ่ายวิดิโอซุปเปอร์แมน (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเอามาจากการ์ตูน Injustice) มันดูผิดที่ผิดทางไปหมด มันเหมือนย้อนกลับไป สมัยหนังแบทแมนที่ล่มของ โจเอล ชูมัคเกอร์ Batman Forever ที่มีความเป็นละคร และชุดแบทแมนที่มีหัวนม ...
พอดูไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ชัดเจนว่า หนังไม่เป็นเอกภาพ มันเหมือนคนมี Footage หนัง JI แล้วพยายามจะเอามาตัดต่อ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เป็นการตีกันระหว่างฮีโร่สายชิลแบบวีดอน กับ ฟุตเทจที่ถ่ายไปแล้วของชไนเดอร์ ช่วงอินโทรช่วงแรกแผลการไม่เข้ากันเห็นได้อย่างชัดเจน ผมคิดว่าชไนเดอร์อยากเปิดหนังเรื่องนี้ด้วยการตัดต่อแบบ Montage แบบที่ชอบทำในหนังหลายเรื่อง BVS เราก็เห็น Watchmen เราก็เห็น ในขณะที่วีดอนตัดหนังเป็นเส้นตรงคือเล่าเรื่องปกติ หนึ่งสองสามสี่ พอวีดอนเอา Footage ชไนเดอร์มาเรียงใหม่ มันทำให้หนังดูตลกๆ กระโดดเป็นช่วงๆ และไม่ค่อยมีเห็นมีผล เช่น แบทแมนบินไปคุยอะควาแมนแป๊ปหนึ่งแล้วก็บินกลับมา แล้วก็โกนหนวดในเครื่องบิน อะไรแบบนี้ เชื่อว่าถ้าชไนเดอร์ทำ มันจะไม่ฮาแบบนี้แน่นอน
สิ่งที่ทุกคนรอคอยที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่สนุกที่สุดของ JI คือ การที่ตัวละครแต่ละตัวซึ่งมีความเชื่อไม่เหมือนกันมาอยู่ด้วยกันเป็นทีมจะเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน เช่น แบทแมนไม่เลือกวิธีการ ขอให้ได้ผลลัพท์ก็พอ หรือการที่ซุปเปอร์แมนมีคุณธรรมและจะทำเฉพาะเรื่องทีดีงาม และ จะเถียงกันไปมาให้แฟนได้จิกหมอน อยากจะบอกว่า ใน JI นี้เราได้เห็นการเถียงกันนิดหน่อย เบาหวิวเหมือนปุยนุ่น ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญแบบว่าเถียงด้วยความเชื่อที่ต่างกัน แต่เหมือนเด็กทะเลาะกัน
และเข้าใจได้ว่าก่อนหนังจะออกฉายทำไมมีกระแส จะไม่มีจักรวาล DCEU อีกต่อไป คือจะเป็นหนังเป็นเรื่องๆ ของฮีโร่แต่ละคน เพราะพอเราดูก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันว่า มันจะมาช่วยกันทำไม มารวมกันแล้วได้อะไร แต่ในขณะเดียวกัน นักแสดงแต่ละคนก็เล่นดีจนรู้สึกว่าตัวละครแต่ละตัวมีอะไรของมัน แต่ในหนัง JI ไม่สามารถฉายออกมาได้ ถ้าไปดูเรื่องแยกน่าจะสนุกกว่า (ปัญหาไม่ใช่การเอาคาแรคเตอร์พวกนี้มารวมกันนะครับ ปัญหาคือ เอามารวมกันอย่างไรมากกว่า ผมเชื่อว่าชไนเดอร์คิดเรื่องนี้ไว้พอสมควรในขณะที่วีดอนไม่คิดไรมาก เอาฮาอย่างเดียว)
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือหนังไม่มี Theme รู้สึกได้เบาบางในชั้นของบทว่า น่าจะพูดเรื่องความกลัว ความสิ้นหวังและการช่วยเหลือกัน รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ด้วยทิศทางใหม่ของ JI ของวีดอนท์ที่ต้องการจะเล่าเรื่องเท่านั้น ไม่สนใจตีมอะไรทั้งนั้น ทำให้บทสรุปของหนังในตอนท้ายดูเบาลอยไร้สาระมากมาย
แต่ใช่ว่า JI จะมีแต่ส่วนแย่ ส่วนที่น่าประทับใจ คือบางช่วงของแซค ชไนดอร์ที่เรียกได้ว่ากินใจ มุกฮาบางบุกที่แนบไปกับหนังได้ การ "สบตา" ของซุปเปอร์แมนกับเดอะแฟลช (ฮ่า) และหนังก็ไม่ได้น่าเบื่อ ดูได้เรื่อยๆ อาจไม่เหมือนซีรี่ส์ดาร์คไนท์ที่แบบหนังสองชั่วโมงครึ่งแต่เรารู้สึกเหมือนมันแป๊ปเดียว แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อแบบ The Mummy ใหม่ ที่หลับไป ตื่นมา แลัว หลับต่อ มันก็ยังไม่จบ แต่ในฐานะที่ตามกันมา และอยากเห็น DC มาโลดแล่น ในโรงหนัง แบบเป็นตัวของตัวเอง ก็ผิดหวังมากมาย ผมคงบอกลาซีรีส์นี้อย่างสิ้นเชิง ถ้าทิศทางของจักรวาล DC จะเป็นแบบนี้
7/10 ลาก่อน DCEU
แถมต่ออีกหน่อย น่าสนใจที่แฟนบอยจะก่นด่า ถ่ม กับหนังเรื่องนี้ แต่รู้สึกว่าแฟนวงกว้างจะให้กระแสตอบรับเรื่องนี้มากกว่า BVS มาก บอกว่ามันสนุก เพลิดเพลินดี ทำให้น่าคิดว่า หรือตีมหม่นๆ มันล้าสมัย คนไม่อยากดูกันแล้ว หรือตีมพวกนี้มันมีเยอะมากใน series ต่างๆ จนรู้สึกว่าพอมาดูโรงก็ขออะไรเบาๆ ดีกว่า เพราะโลกมันแย่อยู่แล้ว
https://www.facebook.com/maewnoonthelists/