+ สารภาพว่าดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ที่เขียนรีวิววันนี้ก็เพราะหวังเกาะกระแสซุปเปอร์ฮีโร่ ที่คนมักจะมาอ่านและเขียนรีวิวกันเยอะในพันทิป ก็หวังว่าจะได้เห็นกระทู้นี้กันเยอะๆ เผื่อใครจะสนใจและอุดหนุนหนังฟอร์มเล็กแต่น่ารักเรื่องนี้กันบ้าง เรียกได้ว่าขอเป็นม้าเกาะชายกระโปรงวันเดอร์วูแมนกันเลยทีเดียว
+หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ นักแสดงเดี่ยวไมโครโฟนเชื้อสายปากีของ คุมัล นันเจียนี (Kumail Nanjiani) และนักศึกษาสาวจิตเวช เอมิลี การ์ดเนอร์ (Emily Gardner) คนสองคนที่บังเอิญปิ้งกันในงานแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของคูมัล มันคงไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ แม่ของคูมัลหวังจะให้เขาแต่งงานกับสาวปากีที่จัดหาให้ตามประเพณีดั้งเดิม แม้จะไม่พอใจแต่ก็ขัดใจแม่ไม่ได้ คูมัลไม่เคยพูดถึงเรื่องของเอมิลี่ให้ครอบครัวได้รับรู้ด้วยกลัวว่าบ้านจะแตก และ เขาก็ไม่เคยพูดถึงการคลุมถุงชนให้เอมิลีฟัง จนวันหนึ่งความก็แตก เอมิลี่ไม่พอใจที่คุมัลไม่เคยพูดถึงครอบครัวของตัวเองและครอบครัวฝ่ายชายก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเธอ ทั้งสองต่างเลิกรากันไป จนกระทั่งวันหนึ่ง คุมัลได้ทราบข่าวว่าเอมิลีเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดและอาการเริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ เขาตัดสินใจไปเยี่ยมเธอ และได้พบกับพ่อแม่ของเอมิลี เขาต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของหญิงที่เขาหักอก เขาต้องเผชิญกับความคาดหวังของแม่และครอบครัวตัวเอง และสำคัญที่สุด เขาต้องเผชิญกับหญิงที่รักเขาสุดหัวใจและอาจกำลังจะตายวันไหนก็ได้
+ เมื่อฟังเรื่องย่ออาจจะรู้สึกว่ามันเป็นดราม่าเรียกน้ำตา แต่เปล่าเลย หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าที่ไม่มีความฟูมฟายเลยสักนิด หนังไม่มีจุดพีค ไม่มีการเร้าอารมณ์ เหมือนคุณกำลังดูชีวิตของคนคนหนึ่งที่มีเรื่องให้ต้องคิดและต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีความน่ารัก แม้กระทั่งแม่ของคุมัลที่น่าจะดราม่าที่สุดในเรื่องก็ยังมีมุมน่ารักอยู่มาก สิ่งเหล่านี้ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์และทำให้ผู้ชมอย่างผมเฝ้าติดตามความเป็นไปของทุกตัวละครตั้งแต่ต้นยันจบได้โดยไม่มีอาการเบื่อเลย
+ หนังพูดถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่หนังก็เล่าเรื่องผ่านตัวละครในแบบที่สนุกสนานมากกว่าแบบจริงจัง เป็นการพูดแบบอ้อม แต่มีอยู่จุดหนึ่งของหนังที่ตั้งคำถามเรื่องนี้แบบจริงจังชนิดตั้งตัวไม่ทัน และมันเป็นคำถามที่ดีที่ทุกคนควรนำกลับไปคิดและเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
+ Big Sick นอกจากจะหมายถึงอาการป่วยไข้ของนางเอก คำว่า Sick ยังหมายถึง ความเบื่อ ความเหนื่อยหน่าย ในที่นี้น่าจะหมายถึง การปะทะกันของความคิด วัฒนธรรมและเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ที่ดูเหมือนทุกคนจะต้องเจอและไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น
+ Zoe Kazan ผู้แสดงเป็นเอมิลี และ Kumail Nanjiani ผู้แสดงเป็นคุมัล (ใช่ครับ เขาแสดงเป็นตัวเอง) เล่นได้อย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติ ทั้งสองทำให้ผู้ชมอย่างผมเชื่อได้ว่าสองคนนี้รักกัน ทั้งนี้ก็ต้องชื่นชมบทภาพยนตร์ที่เขียนออกมาให้ทั้งสองคนมีความมุ้งมิ้งกันแบบนี้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ความน่ารักความผูกพันที่มีตั้งแต่ต้นเรื่องนี้เองทำให้ต้องตามเอาใจช่วยพระเอกตลอดตั้งแต่ต้นยันจบว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร
+ โดยส่วนตัวผมไม่ชอบหนังรักครับ เพราะหลายครั้งมันดูฟูมฟายเกินกว่าเหตุ และหลายครั้งก็ดูเป็นนิยายประโลมโลก แต่หนังเรื่องนี้ กลับดูสนุกและน่ารัก (ผมเขียนคำว่าน่ารักไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย) แถมยังได้ข้อคิดถึงสภาวะการณ์ในชีวิตจริงที่เราต้องเจอกับคนที่หลากหลาย ท่ามกลางหนังไซไฟและซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีอยู่อย่างดาดดื่น หากคุณหวังจะเปลี่ยนรสชาติบ้าง ผมแนะนำให้มาลองดูหนังเรื่องนี้ครับ
+ หากใครสนใจ ยังพอมีรอบฉายที่ House RCA, LIDO SCALAR และ SF บางโรง
+ หากถูกใจ ฝากกดเพจ.... ไม่มีหรอกครับ ^^
[CR] [รีวิว ไม่สปอย] มาเป็นม้า ชวนหนีฮีโร่ มาดูหนังรักน่ารักน่ารักอย่าง Big Sick กันเถอะ
+ สารภาพว่าดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ที่เขียนรีวิววันนี้ก็เพราะหวังเกาะกระแสซุปเปอร์ฮีโร่ ที่คนมักจะมาอ่านและเขียนรีวิวกันเยอะในพันทิป ก็หวังว่าจะได้เห็นกระทู้นี้กันเยอะๆ เผื่อใครจะสนใจและอุดหนุนหนังฟอร์มเล็กแต่น่ารักเรื่องนี้กันบ้าง เรียกได้ว่าขอเป็นม้าเกาะชายกระโปรงวันเดอร์วูแมนกันเลยทีเดียว
+หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ นักแสดงเดี่ยวไมโครโฟนเชื้อสายปากีของ คุมัล นันเจียนี (Kumail Nanjiani) และนักศึกษาสาวจิตเวช เอมิลี การ์ดเนอร์ (Emily Gardner) คนสองคนที่บังเอิญปิ้งกันในงานแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของคูมัล มันคงไม่มีปัญหาอะไร เว้นแต่ แม่ของคูมัลหวังจะให้เขาแต่งงานกับสาวปากีที่จัดหาให้ตามประเพณีดั้งเดิม แม้จะไม่พอใจแต่ก็ขัดใจแม่ไม่ได้ คูมัลไม่เคยพูดถึงเรื่องของเอมิลี่ให้ครอบครัวได้รับรู้ด้วยกลัวว่าบ้านจะแตก และ เขาก็ไม่เคยพูดถึงการคลุมถุงชนให้เอมิลีฟัง จนวันหนึ่งความก็แตก เอมิลี่ไม่พอใจที่คุมัลไม่เคยพูดถึงครอบครัวของตัวเองและครอบครัวฝ่ายชายก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเธอ ทั้งสองต่างเลิกรากันไป จนกระทั่งวันหนึ่ง คุมัลได้ทราบข่าวว่าเอมิลีเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดและอาการเริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ เขาตัดสินใจไปเยี่ยมเธอ และได้พบกับพ่อแม่ของเอมิลี เขาต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของหญิงที่เขาหักอก เขาต้องเผชิญกับความคาดหวังของแม่และครอบครัวตัวเอง และสำคัญที่สุด เขาต้องเผชิญกับหญิงที่รักเขาสุดหัวใจและอาจกำลังจะตายวันไหนก็ได้
+ เมื่อฟังเรื่องย่ออาจจะรู้สึกว่ามันเป็นดราม่าเรียกน้ำตา แต่เปล่าเลย หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าที่ไม่มีความฟูมฟายเลยสักนิด หนังไม่มีจุดพีค ไม่มีการเร้าอารมณ์ เหมือนคุณกำลังดูชีวิตของคนคนหนึ่งที่มีเรื่องให้ต้องคิดและต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีความน่ารัก แม้กระทั่งแม่ของคุมัลที่น่าจะดราม่าที่สุดในเรื่องก็ยังมีมุมน่ารักอยู่มาก สิ่งเหล่านี้ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์และทำให้ผู้ชมอย่างผมเฝ้าติดตามความเป็นไปของทุกตัวละครตั้งแต่ต้นยันจบได้โดยไม่มีอาการเบื่อเลย
+ หนังพูดถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่หนังก็เล่าเรื่องผ่านตัวละครในแบบที่สนุกสนานมากกว่าแบบจริงจัง เป็นการพูดแบบอ้อม แต่มีอยู่จุดหนึ่งของหนังที่ตั้งคำถามเรื่องนี้แบบจริงจังชนิดตั้งตัวไม่ทัน และมันเป็นคำถามที่ดีที่ทุกคนควรนำกลับไปคิดและเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
+ Big Sick นอกจากจะหมายถึงอาการป่วยไข้ของนางเอก คำว่า Sick ยังหมายถึง ความเบื่อ ความเหนื่อยหน่าย ในที่นี้น่าจะหมายถึง การปะทะกันของความคิด วัฒนธรรมและเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ที่ดูเหมือนทุกคนจะต้องเจอและไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น
+ Zoe Kazan ผู้แสดงเป็นเอมิลี และ Kumail Nanjiani ผู้แสดงเป็นคุมัล (ใช่ครับ เขาแสดงเป็นตัวเอง) เล่นได้อย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติ ทั้งสองทำให้ผู้ชมอย่างผมเชื่อได้ว่าสองคนนี้รักกัน ทั้งนี้ก็ต้องชื่นชมบทภาพยนตร์ที่เขียนออกมาให้ทั้งสองคนมีความมุ้งมิ้งกันแบบนี้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ความน่ารักความผูกพันที่มีตั้งแต่ต้นเรื่องนี้เองทำให้ต้องตามเอาใจช่วยพระเอกตลอดตั้งแต่ต้นยันจบว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร
+ โดยส่วนตัวผมไม่ชอบหนังรักครับ เพราะหลายครั้งมันดูฟูมฟายเกินกว่าเหตุ และหลายครั้งก็ดูเป็นนิยายประโลมโลก แต่หนังเรื่องนี้ กลับดูสนุกและน่ารัก (ผมเขียนคำว่าน่ารักไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย) แถมยังได้ข้อคิดถึงสภาวะการณ์ในชีวิตจริงที่เราต้องเจอกับคนที่หลากหลาย ท่ามกลางหนังไซไฟและซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีอยู่อย่างดาดดื่น หากคุณหวังจะเปลี่ยนรสชาติบ้าง ผมแนะนำให้มาลองดูหนังเรื่องนี้ครับ
+ หากใครสนใจ ยังพอมีรอบฉายที่ House RCA, LIDO SCALAR และ SF บางโรง
+ หากถูกใจ ฝากกดเพจ.... ไม่มีหรอกครับ ^^