หลังจากออกจากระบบ ฉันก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความร้อนไปทั่วทั้งกาย เมื่อนั่งลงบนเตียงและมองดูไปที่แขนอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก การนำพลังอี้ไห่มาใช้นั้น มันทำให้ฉันสังเกตเห็นคลื่นรังสีพุ่งพล่านทะลุเส้นเลือดไปมา แต่ฉันก็ยังคงปิดบังความรู้สึกนั้นเอาไว้ ทั้งที่ในใจนั้นกลับรู้ตัวอยู่แล้วว่ายังไงฉันก็คงไม่สามรถที่จะควบคุมพลังนี้ได้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้นั้นมันเป็นความรู้สีกที่ตัวฉันไม่เคยมีมาก่อนเลย การต่อสู้ในเกมส์นั้นมันจะเป็นไปอย่างดุเดือดไม่ลดละ เพราะพลังของตัวฉันเองนั้นมันอยู่เหนือการควบคุมไปซะแล้วล่ะ
ทันได้นั้นเองแขนของฉันมันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับรัศมีสีขาวนวลกำลังไหลเวียนอย่างกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ฉันก็พยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามที่จะยับยั้งรัศมีแห่งการทำลายล้างจากตัวของฉันให้มันสงบลง เมื่อเหลียวมองไปที่เตียงเก่าผุพัง จึงเห็นว่า เฮียแว่น มันยังคงอยู่ในเกมส์ ทั้งที่จริงแล้วในตอนนี้ตัวเขาเองนั้นควรจะอยู่ในเกมส์อันดุเดือดเลือดพล่านนั้นด้วย แต่ด้วยทักษะที่มีมันคงอาจทำให้เขาไม่น่ารอดชีวิตอยู่ถึง 24 ชั่วโมง และด้วยความคิดเหล่านั้นมันจึงทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นบ้าง
หลังจากที่ฉันได้อาบน้ำอันเย็นยะเยือกไปอย่างรวดเร็ว ฉันก็เรียกหว่านเอ๋อ ในตอนนั้นเธอกำลังเข้าไปอยู่ในเกมส์และส่งเสียงขึ้นมาทันทีว่า
“หลี่เซียวเหยา นายออกจากการเชื่อมต่อแล้วงั้นหรอ”
“ใช่! ชานหลงกำลังเริ่มสร้างกลุ่มใหม่อยู่ในตอนนี้ หว่านเอ๋อ! เธอกับตงเฉิงคิดจะออกจากการเชื่อมต่อแล้วไปหาไรกินบ้างมั้ยเนี่ย?.
“เดี๋ยวก่อน! Fort Yuan Ling BOSS มันแข็งแกร่งมากอ่ะ ขอเวลาสัก5นาทีก่อนนะ ถ้าฉันเอาชนะบอสได้เมื่อไหร่เดี๋ยวจะออกจากระบบเลย”
“ ได้ งั้นฉันไปรอที่ประตูนะ”
“ ได้เลย”
……..
หลังจากที่รออยู่นอกหอหญิงได้สักพักหนึ่ง หว่านเอ๋อและตงเฉิงก็ลงมาได้สักที ถังชี่ก็เดินเอ้อระเหยลงมาจากหอชาย เขาถือชานมมาแก้วนึง แล้วพูดไปหัวเราะไปว่า “อ่ะนี่! ดื่มซะก่อน! พวกเราเหนื่อยล้ากันมามากนี่”
ฉันรับชานมนั้นมาแล้วแจกจ่ายให้กับสาวๆทั้งหลาย และถามไปว่า “ สถานการณ์ในเมือง ฟ่างชูตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ กำลังต่อสู้กับกองทัพ NPC อย่างเมามันส์เลยใช่มั้ยเนี่ย?”
หว่านเอ๋อพยักหน้ารับและพูดว่า “ ถ้าพูดถึงเหล่าเครื่องมือทั้งหลายที่ได้มา ผู้เล่นอย่างฟ่านฉูคงได้มาอย่างสบายๆเลยล่ะ ตอนนี้ก็มี บอสระดับวาคีรี่ใน Fort Yuan Ling อย่างน้อย 10 ได้แล้ว นี่ยังไม่รวม บอสระดับจักรพรรดิ อีกตั้ง 30 กว่าด้วยนะ ภายในเวลาแค่ 7 ชั่วโมง พวกเราก็กำจัดบอสระดับจักรพรรดิทั้ง 5 และ บอสระดับวาคีรี่ไปอีกได้ตั้ง 2 แหน่ะ แต่ปัญหาเดียวของเราก็คือ พวกเราได้รับความเสียหายอย่างมาก อันดับของ NPC มันก็สูงเกินไปอ่ะ บางรอบนะพวกมันเกือบจะบดขยี้เราละ ถ้าไม่ได้ กองทัพ NPC ของ เมือง ฟ่านชู ช่วยเหลือเราไว้ เราคงไม่รอดไปแล้วล่ะ….”
ฉันรู้สึกตกตะลึงไปสักพัก “แต่นายก็จัดการพวก บอสระดับวาคีรี่ทั้งสองไปเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ทำไมนายช่างโชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย..... บอกมานะนายต้องได้เครื่องมือระดับเทพๆมาไว้ครองแน่เลยใช่มั้ย”
ตงเฉิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย “จริงๆแล้วอ่ะ Q-Sword ได้มาแค่ชุดเกราะระดับวาคีรี่ส่วนหว่านเอ๋อก็ได้กริช Superior บอสระดับวาคีรี่เครื่องมือเหล่านั้นน่ะมันก็สร้างความเสียหายได้สูงกว่า Cold Iron Sword ของนายนิดหน่อยเอง ตอนเนี้ยนะพลังโจมตีของเธอมันสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยกว่า 3000 แล้ว พลังมันช่างแข็งแกร่งและน่ากลัวสุดๆไปเลยล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นไป ฉันแทบพูดไม่ออกเลยทีเดียว เมื่อฉันนึกได้ขึ้นมาก็เลยพูดออกไปว่า “โห ต่อจากนี้ถ้าฉันเห็นหว่านเอ๋อเมื่อไหร่ คงต้องหนีแล้วมั้งเนี่ย...”
หว่านเอ๋อยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าเหมือนจะต่อยแล้วพูดว่า “ทำไมนายจำเป็นต้องหนีฉันด้วยหะ!”
เมื่อเห็นท่าทีของหว่านเอ๋อมันก็ทำให้ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้ และถามว่า “หว่านเอ๋อ พวกเรากินอะไรกันดีนะ?”
“ พวกอาหารตะวันตกหน่อยเป็นไงล่ะ มันน่าจะรวดเร็วกว่านะ”
“ งั้น! ตงเฉิงเธอน่ะจ่ายเลย”
ตงเฉิงเปิดปากน้อยๆของเธอและสวนกลับไปว่า “ทำไมฉันต้องจ่ายด้วยหะ ใครกันเนี่ยที่เอาเปรียบอยู่เป็นประจำเลย”
ฉันมองไปที่ถังชี่ “เพราะนายเลยเนี่ย”
หว่านเอ๋อกัดฟัน “ ถังชี่! นายเนี่ยนะ....”
ถังชี่ยิ้มแหยๆเหมือนรู้สึกผิด “ คุณผู้หญิง อย่างเพิ่งเคืองเลยนะ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนเธอให้ได้เลยคอยดู แต่ยังไงฉันก็เอาชนะหลี่เซียวเหยาไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น ตอนนี้พวกเราคงยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้สินะ...”
ตงเฉิงจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอันงดงามของเธอ แล้วคว้าแขนของฉัน “ พวกเรางั้นหรอ นายหมายความว่ายังไงกัน
ฉันน่ะอยู่กับพี่เซียวเหยา ส่วนนายก็อยู่ส่วนนายไปสิ....”
แล้วถังชี่ก็เอามือมาก่ายหน้าผากตัวเอง “ โธ่เอ้ย! นี่ฉันจะพูดแบบนั้นเพื่อฆ่าตัวเองทำไมกันเนี่ย พวกเราควรไปหาอะไรกินกันได้แล้วนะ ฉันแค่กลัวว่าพลังงานที่เป็นพิษจะเข้าโจมตีและทำลายหัวใจฉันซะก่อน”
……
พวกเราเดินเข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียน บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยบรรดาเสต๊ก สลัด และอาหารที่น่าเย้ายวนให้ลิ้มลองหลายอย่างเลยทีเดียว
ถังชี่มองจดจ้องมาที่ฉันทันที เมื่อฉันนั่งลงข้างๆหว่านเอ๋อ พอฉันเห็นแบบนั้นมันก็ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะ
“ไอ่เวรถังชี่ นายจะมองฉันเพื่ออะไรเนี่ย นายจ้องแบบนี้ยังกับจะกลืนกินฉันงั้นแหล่ะ หรือมีอะไรหรือเปล่าหะ”
ถังชี่เงียบกริบ แต่หลังจากนั้นเขาก็ปริปาก “ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางยอมแพ้คนอย่างนายแน่นอน...”
หว่านเอ๋อเอานิ้วลูบไปมาบนริมฝีปากของเธอแล้วยิ้มออกมาเมื่อได้ยินถังชี่พูด “ ฉันได้ยินว่าสำนัก(ถัง) ในซีฉวน มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องยาพิษ นายไม่อยากเอายาพิษมากรอกปากหลี่เซียวหยวนให้มันตายๆไปหรือไง อยากมั้ยล่ะ?”
สีหน้าของถังชี่เริ่มเปลี่ยนไป เขาโกรธจนใบหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ไม่มีทาง..... ไม่อย่างแน่นอน? ฉันไม่ใช่คนประเภทนั้นนะ....”
ฉันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ หว่านเอ๋อ อย่ากังวลไปเลย การใช้ยาพิษฆ่าคนน่ะมันคงทำให้เขาเข้าไปนอนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอยู่ในคุกได้ 50 ปีเลยนะ”
“ นั้นมันก็นะ.....” ถังชี่แสยะยิ้มและพูดว่า “ทำไมเราพวกเราไม่กินกันอย่างมีความสุขล่ะเนี่ย หา! ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยมันทำให้ฉันเหงื่อซกไปหมดละ ดูนี่ ฉันเกิดมาภายใต้ธงสีแดงและฉันก็รู้ตัวว่าฉันเป็นชายหนุ่มผู้งดงามผู้ซึ่งมีชีวิตวัยเด็กอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วฉันจะไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ? เว้นซะแต่ว่าหลี่เซียวเหยาทำบางสิ่งบางอย่างกับคุณตงเฉิง.....”
ตงเฉิงชำเลืองสายตามองไปที่ถังชี่ “ หืม? หลี่เซียวเหยามันจะทำอะไรฉันงั้นหรอ?”
ถังชี่ทำท่ารุกรี้รุกรนและขยี้จมูกของเขาทันทีเพื่อไม่ให้ตงเฉิงรู้ว่าเขานั้นกำลังเขินอายจนแทบจะม้วนตัวเลยก็ว่าได้
“ก็แบบถ้าเซียวเหยาลักพาตัวคุณตงเฉิงไปโรงแรมลับหลังหว่านเอ๋อ เพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำให้คุณตงเฉินต้องมีมลทินอย่างแน่นอน และฉันจะไม่มีทางปล่อยให้มันมีชีวิตแน่นอน”
ตงเฉิงรีบเปล่งเสียงออกไปทันทีว่า “ เดี๋ยวนะ เขาจะ?....”
หว่านเอ๋อก็จ้องมองมาที่ฉัน “ เซียวเหยาจะ?”
ฉันหั่นเสต๊กอย่างใจเย็น และคอยมองดูพวกเขาทั้งสามแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
“ฉันต้องทำมันให้เรียบร้อยซะก่อน ถ้าฉันต้องการที่จะ...”
ถังชี่เงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของเขา
เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นใบหน้าของตงเฉิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความขวยเขิน ใบหน้าของเขานั้นแก้มแดงระเรื่อราวกับผลสตรอเบอรี่ในฤดูหนาว แล้วพูดออกมาว่า “ แล้วนายจะทำยังไงงั้นหรอ”
หลังจากที่เรารับประทานอาหารกันเสร็จไปอย่างรวดเร็ว มันก็ใกล้ที่หมดเวลาพักซะแล้ว ฉันกลับมาฟื้นตัวลงบนเตียงสักครู่หนึ่งแล้วพนมมือสวดมนต์ด้วยบทสวดของเคล็ดวิชากระบี่บินด้วยความเยือกเย็น
เมื่อฉันรับรู้ได้ถึงพลังดุร้ายอันแปลกประหลาดที่อยู่ภายในจิตใจฉันสงบลงแล้ว ฉันก็เริ่มเข้าสู้ปฏิบัติการในที่สุด ที่ฉันสูญเสียการควบคุมในการไหลเวียนวนของจิต ทั้งหมดนี้มันต้องเป็นผลพวงมาจากการต่อสู้อันดุเดือดที่ยืดเยื้อเป็นกันเป็นเวลานานอย่างแน่นอน อีกอย่างหนึ่งความรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวฉันด้วยเช่นกัน
ในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่ว่าจะป็นเกมส์อย่าง [Destiny] ก็ทำให้เพิ่มความสามารถด้านจิตใจให้เยี่ยมยอดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถกเถียง ไม่ว่าจะด้วยทางใดๆก็แล้วแต่ฉันก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึผลที่เกิดขึ้นอย่างน่าพิศวงของหลักจิตวิทยาอยู่ดี แต่ถึงยังไงมันก็ต้องมีสักเหตุผลที่ผู้เฒ่านั้นได้ตัดสินที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปรากฏการณ์ของเกมส์ๆนี้ขึ้นมา ฉันรู้จักเขาดี ถ้ามันจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีเพียงพอสำหรับที่จะทำสิ่งๆนั้นจริงๆ ผู้เฒ่าคงไม่มีทางช่วยเหลือแน่ๆและถ้าเขาพยายามทำเกมส์นี้ขึ้นมาด้วยหัวใจ ฉันคงต้องพยายามอย่างสุดเหนี่ยวเพื่อที่จะได้รับประโยชน์อันแท้จริงจากการเล่นมันให้ได้
เริ่มเกมส์ได้!
“ชั๊ววว!”
ฉันปรากฏตัวขึ้นทางด้านทิศตะวันตกของฝั่ง Fort Zi Feng ในขณะนั้นเองเหล่ากองทหารจำนวนมากจากเมือง บาฮัว กำลังพยายามจู่โจมกำแพงเมืองอย่างหนักหน่วง ผู้ที่กำลังถือขวานอยู่ข้างหน้านั้นก็คือ นายพลลู๋วเฉียนอีกมือหนึ่งของเขาก็แกว่ง Frost Battle Axe และคอยสังหารพวกป่าเถื่อนทั้งหลายที่อยู่ข้างใต้กำแพงนั้น ขวานนั้นกวัดแกว่งไปมาประหนึ่งมันกำลังเต้นระบำด้วยความดีใจที่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูบนสนามรบ ด้วยรูปลักษณ์ที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นสง่าเช่นนั้น คงไม่ต้องเดาเลยว่ามันไม่ใช่เพียงเครื่องมือธรรมดาเก่าๆแน่นอน
ในบทนำของเหล่าตัวละครนั้น ลู๋วเฉียนเป็นขุนนางชั้นสูงแห่งเมือง บาฮัวซึ่งเป็นฝาแฝดของ ลู๋วเหล่ยและขวาน Ice Demon ที่ใช้สำหรับสู้รบในมือชายคนนั้นเป็นดั่งศาตราวุทธที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าเลยก็ว่าได้ นอกจากอาวุธของทางฝั่ง Angela ขวานนั้นถือเป็นหนึ่งในศาตราวุทธอันศักสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่งจากกองทัพอันทรงพลังทั้งเจ็ดของเมือง บาฮัว
กองกำลังของ NPC ยังคงโจมตีกันไปมาอย่างต่อเนื่องและมีทีท่าว่าจะยังเป็นเช่นนี้ไม่อีกสักพักใหญ่ หากจะเฝ้ามองดูการต่อสู้เหล่านั้นต่อไปก็คงจะเป็นการไร้ประโยชน์เสียเปล่าๆ บนผืนฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มแปรผันไปเป็นสีขาวนวล ราวกับใกล้เข้าสู่เวลาแห่งรุ่งอรุณ ฉันค่อยๆดึงดาบจักรพรรดิฉินออกจากด้านหลังอย่างช้าๆ ในขณะที่ฉันกำลังร่วมเข้าการต่อสู้อยู่นั้น ฉันก็ดันมองไปเห็น หลี่มู่กับ หวังเฉียนและผู้เล่นคนอื่นอีกสักสองสามคนกำลังพุ่งมาจากทางทิศตะวันตก
หลี่มู่ตะโกนออกมาครั้งหนึ่งอย่างกับเขากำลังวิ่งแข่งแล้วพุ่งตัวมาที่ฉัน “ เสี่ยวเหยา แย่แล้ว! พวกเราเจอปัญหา! ผู้เล่นที่เมือง บาฮัว กำลังถูกสังหาร”
“สถานการณ์เป็นมายังไงกัน?”
“ นายก็ลองดูสนามรบทางฝั่งตะวันออกสิ”
ฉันรีบกระโดดและปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งด้วยความเร็วแสง เมื่อปีนถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่สูงจนมองเห็นเส้นทางระยะไกล พอมองออกไปก็สังเกตเห็นทางฝั่งตะวันออก ณ ที่ราบลุ่มแห่งดินแดนอเวจีได้ถูกย้อมกลายเป็นสีโลหิต
ซากศพทั้งหลายต่างกระจัดกระจายอยู่เต็มบนพื้นราวกับฝุ่นละอองที่ปลิวลอยอยู่ในอากาศ และไม่น้อยกว่า70%ของจำนวนซากศพที่เกลื่อนกลาดก็เป็นผู้เล่นที่มาจากเมืองบาฮัวและอีกจำนวนหนึ่งก็มาจาก[Prague] และ[Vanguard]
“ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!”
....... ติดตามตอนต่อไป หรือหากต้องการอ่านนิยายแปลก็สามารถ อินบ๊อกมาได้นะคะ ^^
**นิยายแปล: Zhan Long ตอนที่ 386**
ทันได้นั้นเองแขนของฉันมันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับรัศมีสีขาวนวลกำลังไหลเวียนอย่างกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ฉันก็พยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามที่จะยับยั้งรัศมีแห่งการทำลายล้างจากตัวของฉันให้มันสงบลง เมื่อเหลียวมองไปที่เตียงเก่าผุพัง จึงเห็นว่า เฮียแว่น มันยังคงอยู่ในเกมส์ ทั้งที่จริงแล้วในตอนนี้ตัวเขาเองนั้นควรจะอยู่ในเกมส์อันดุเดือดเลือดพล่านนั้นด้วย แต่ด้วยทักษะที่มีมันคงอาจทำให้เขาไม่น่ารอดชีวิตอยู่ถึง 24 ชั่วโมง และด้วยความคิดเหล่านั้นมันจึงทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นบ้าง
หลังจากที่ฉันได้อาบน้ำอันเย็นยะเยือกไปอย่างรวดเร็ว ฉันก็เรียกหว่านเอ๋อ ในตอนนั้นเธอกำลังเข้าไปอยู่ในเกมส์และส่งเสียงขึ้นมาทันทีว่า
“หลี่เซียวเหยา นายออกจากการเชื่อมต่อแล้วงั้นหรอ”
“ใช่! ชานหลงกำลังเริ่มสร้างกลุ่มใหม่อยู่ในตอนนี้ หว่านเอ๋อ! เธอกับตงเฉิงคิดจะออกจากการเชื่อมต่อแล้วไปหาไรกินบ้างมั้ยเนี่ย?.
“เดี๋ยวก่อน! Fort Yuan Ling BOSS มันแข็งแกร่งมากอ่ะ ขอเวลาสัก5นาทีก่อนนะ ถ้าฉันเอาชนะบอสได้เมื่อไหร่เดี๋ยวจะออกจากระบบเลย”
“ ได้ งั้นฉันไปรอที่ประตูนะ”
“ ได้เลย”
……..
หลังจากที่รออยู่นอกหอหญิงได้สักพักหนึ่ง หว่านเอ๋อและตงเฉิงก็ลงมาได้สักที ถังชี่ก็เดินเอ้อระเหยลงมาจากหอชาย เขาถือชานมมาแก้วนึง แล้วพูดไปหัวเราะไปว่า “อ่ะนี่! ดื่มซะก่อน! พวกเราเหนื่อยล้ากันมามากนี่”
ฉันรับชานมนั้นมาแล้วแจกจ่ายให้กับสาวๆทั้งหลาย และถามไปว่า “ สถานการณ์ในเมือง ฟ่างชูตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ กำลังต่อสู้กับกองทัพ NPC อย่างเมามันส์เลยใช่มั้ยเนี่ย?”
หว่านเอ๋อพยักหน้ารับและพูดว่า “ ถ้าพูดถึงเหล่าเครื่องมือทั้งหลายที่ได้มา ผู้เล่นอย่างฟ่านฉูคงได้มาอย่างสบายๆเลยล่ะ ตอนนี้ก็มี บอสระดับวาคีรี่ใน Fort Yuan Ling อย่างน้อย 10 ได้แล้ว นี่ยังไม่รวม บอสระดับจักรพรรดิ อีกตั้ง 30 กว่าด้วยนะ ภายในเวลาแค่ 7 ชั่วโมง พวกเราก็กำจัดบอสระดับจักรพรรดิทั้ง 5 และ บอสระดับวาคีรี่ไปอีกได้ตั้ง 2 แหน่ะ แต่ปัญหาเดียวของเราก็คือ พวกเราได้รับความเสียหายอย่างมาก อันดับของ NPC มันก็สูงเกินไปอ่ะ บางรอบนะพวกมันเกือบจะบดขยี้เราละ ถ้าไม่ได้ กองทัพ NPC ของ เมือง ฟ่านชู ช่วยเหลือเราไว้ เราคงไม่รอดไปแล้วล่ะ….”
ฉันรู้สึกตกตะลึงไปสักพัก “แต่นายก็จัดการพวก บอสระดับวาคีรี่ทั้งสองไปเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ทำไมนายช่างโชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย..... บอกมานะนายต้องได้เครื่องมือระดับเทพๆมาไว้ครองแน่เลยใช่มั้ย”
ตงเฉิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย “จริงๆแล้วอ่ะ Q-Sword ได้มาแค่ชุดเกราะระดับวาคีรี่ส่วนหว่านเอ๋อก็ได้กริช Superior บอสระดับวาคีรี่เครื่องมือเหล่านั้นน่ะมันก็สร้างความเสียหายได้สูงกว่า Cold Iron Sword ของนายนิดหน่อยเอง ตอนเนี้ยนะพลังโจมตีของเธอมันสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยกว่า 3000 แล้ว พลังมันช่างแข็งแกร่งและน่ากลัวสุดๆไปเลยล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นไป ฉันแทบพูดไม่ออกเลยทีเดียว เมื่อฉันนึกได้ขึ้นมาก็เลยพูดออกไปว่า “โห ต่อจากนี้ถ้าฉันเห็นหว่านเอ๋อเมื่อไหร่ คงต้องหนีแล้วมั้งเนี่ย...”
หว่านเอ๋อยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าเหมือนจะต่อยแล้วพูดว่า “ทำไมนายจำเป็นต้องหนีฉันด้วยหะ!”
เมื่อเห็นท่าทีของหว่านเอ๋อมันก็ทำให้ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้ และถามว่า “หว่านเอ๋อ พวกเรากินอะไรกันดีนะ?”
“ พวกอาหารตะวันตกหน่อยเป็นไงล่ะ มันน่าจะรวดเร็วกว่านะ”
“ งั้น! ตงเฉิงเธอน่ะจ่ายเลย”
ตงเฉิงเปิดปากน้อยๆของเธอและสวนกลับไปว่า “ทำไมฉันต้องจ่ายด้วยหะ ใครกันเนี่ยที่เอาเปรียบอยู่เป็นประจำเลย”
ฉันมองไปที่ถังชี่ “เพราะนายเลยเนี่ย”
หว่านเอ๋อกัดฟัน “ ถังชี่! นายเนี่ยนะ....”
ถังชี่ยิ้มแหยๆเหมือนรู้สึกผิด “ คุณผู้หญิง อย่างเพิ่งเคืองเลยนะ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนเธอให้ได้เลยคอยดู แต่ยังไงฉันก็เอาชนะหลี่เซียวเหยาไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น ตอนนี้พวกเราคงยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้สินะ...”
ตงเฉิงจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอันงดงามของเธอ แล้วคว้าแขนของฉัน “ พวกเรางั้นหรอ นายหมายความว่ายังไงกัน
ฉันน่ะอยู่กับพี่เซียวเหยา ส่วนนายก็อยู่ส่วนนายไปสิ....”
แล้วถังชี่ก็เอามือมาก่ายหน้าผากตัวเอง “ โธ่เอ้ย! นี่ฉันจะพูดแบบนั้นเพื่อฆ่าตัวเองทำไมกันเนี่ย พวกเราควรไปหาอะไรกินกันได้แล้วนะ ฉันแค่กลัวว่าพลังงานที่เป็นพิษจะเข้าโจมตีและทำลายหัวใจฉันซะก่อน”
……
พวกเราเดินเข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียน บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยบรรดาเสต๊ก สลัด และอาหารที่น่าเย้ายวนให้ลิ้มลองหลายอย่างเลยทีเดียว
ถังชี่มองจดจ้องมาที่ฉันทันที เมื่อฉันนั่งลงข้างๆหว่านเอ๋อ พอฉันเห็นแบบนั้นมันก็ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะ
“ไอ่เวรถังชี่ นายจะมองฉันเพื่ออะไรเนี่ย นายจ้องแบบนี้ยังกับจะกลืนกินฉันงั้นแหล่ะ หรือมีอะไรหรือเปล่าหะ”
ถังชี่เงียบกริบ แต่หลังจากนั้นเขาก็ปริปาก “ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางยอมแพ้คนอย่างนายแน่นอน...”
หว่านเอ๋อเอานิ้วลูบไปมาบนริมฝีปากของเธอแล้วยิ้มออกมาเมื่อได้ยินถังชี่พูด “ ฉันได้ยินว่าสำนัก(ถัง) ในซีฉวน มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องยาพิษ นายไม่อยากเอายาพิษมากรอกปากหลี่เซียวหยวนให้มันตายๆไปหรือไง อยากมั้ยล่ะ?”
สีหน้าของถังชี่เริ่มเปลี่ยนไป เขาโกรธจนใบหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ไม่มีทาง..... ไม่อย่างแน่นอน? ฉันไม่ใช่คนประเภทนั้นนะ....”
ฉันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ หว่านเอ๋อ อย่ากังวลไปเลย การใช้ยาพิษฆ่าคนน่ะมันคงทำให้เขาเข้าไปนอนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอยู่ในคุกได้ 50 ปีเลยนะ”
“ นั้นมันก็นะ.....” ถังชี่แสยะยิ้มและพูดว่า “ทำไมเราพวกเราไม่กินกันอย่างมีความสุขล่ะเนี่ย หา! ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ยมันทำให้ฉันเหงื่อซกไปหมดละ ดูนี่ ฉันเกิดมาภายใต้ธงสีแดงและฉันก็รู้ตัวว่าฉันเป็นชายหนุ่มผู้งดงามผู้ซึ่งมีชีวิตวัยเด็กอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วฉันจะไปทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ? เว้นซะแต่ว่าหลี่เซียวเหยาทำบางสิ่งบางอย่างกับคุณตงเฉิง.....”
ตงเฉิงชำเลืองสายตามองไปที่ถังชี่ “ หืม? หลี่เซียวเหยามันจะทำอะไรฉันงั้นหรอ?”
ถังชี่ทำท่ารุกรี้รุกรนและขยี้จมูกของเขาทันทีเพื่อไม่ให้ตงเฉิงรู้ว่าเขานั้นกำลังเขินอายจนแทบจะม้วนตัวเลยก็ว่าได้
“ก็แบบถ้าเซียวเหยาลักพาตัวคุณตงเฉิงไปโรงแรมลับหลังหว่านเอ๋อ เพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำให้คุณตงเฉินต้องมีมลทินอย่างแน่นอน และฉันจะไม่มีทางปล่อยให้มันมีชีวิตแน่นอน”
ตงเฉิงรีบเปล่งเสียงออกไปทันทีว่า “ เดี๋ยวนะ เขาจะ?....”
หว่านเอ๋อก็จ้องมองมาที่ฉัน “ เซียวเหยาจะ?”
ฉันหั่นเสต๊กอย่างใจเย็น และคอยมองดูพวกเขาทั้งสามแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
“ฉันต้องทำมันให้เรียบร้อยซะก่อน ถ้าฉันต้องการที่จะ...”
ถังชี่เงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของเขา
เพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นใบหน้าของตงเฉิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความขวยเขิน ใบหน้าของเขานั้นแก้มแดงระเรื่อราวกับผลสตรอเบอรี่ในฤดูหนาว แล้วพูดออกมาว่า “ แล้วนายจะทำยังไงงั้นหรอ”
หลังจากที่เรารับประทานอาหารกันเสร็จไปอย่างรวดเร็ว มันก็ใกล้ที่หมดเวลาพักซะแล้ว ฉันกลับมาฟื้นตัวลงบนเตียงสักครู่หนึ่งแล้วพนมมือสวดมนต์ด้วยบทสวดของเคล็ดวิชากระบี่บินด้วยความเยือกเย็น
เมื่อฉันรับรู้ได้ถึงพลังดุร้ายอันแปลกประหลาดที่อยู่ภายในจิตใจฉันสงบลงแล้ว ฉันก็เริ่มเข้าสู้ปฏิบัติการในที่สุด ที่ฉันสูญเสียการควบคุมในการไหลเวียนวนของจิต ทั้งหมดนี้มันต้องเป็นผลพวงมาจากการต่อสู้อันดุเดือดที่ยืดเยื้อเป็นกันเป็นเวลานานอย่างแน่นอน อีกอย่างหนึ่งความรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวฉันด้วยเช่นกัน
ในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่ว่าจะป็นเกมส์อย่าง [Destiny] ก็ทำให้เพิ่มความสามารถด้านจิตใจให้เยี่ยมยอดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถกเถียง ไม่ว่าจะด้วยทางใดๆก็แล้วแต่ฉันก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึผลที่เกิดขึ้นอย่างน่าพิศวงของหลักจิตวิทยาอยู่ดี แต่ถึงยังไงมันก็ต้องมีสักเหตุผลที่ผู้เฒ่านั้นได้ตัดสินที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปรากฏการณ์ของเกมส์ๆนี้ขึ้นมา ฉันรู้จักเขาดี ถ้ามันจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีเพียงพอสำหรับที่จะทำสิ่งๆนั้นจริงๆ ผู้เฒ่าคงไม่มีทางช่วยเหลือแน่ๆและถ้าเขาพยายามทำเกมส์นี้ขึ้นมาด้วยหัวใจ ฉันคงต้องพยายามอย่างสุดเหนี่ยวเพื่อที่จะได้รับประโยชน์อันแท้จริงจากการเล่นมันให้ได้
เริ่มเกมส์ได้!
“ชั๊ววว!”
ฉันปรากฏตัวขึ้นทางด้านทิศตะวันตกของฝั่ง Fort Zi Feng ในขณะนั้นเองเหล่ากองทหารจำนวนมากจากเมือง บาฮัว กำลังพยายามจู่โจมกำแพงเมืองอย่างหนักหน่วง ผู้ที่กำลังถือขวานอยู่ข้างหน้านั้นก็คือ นายพลลู๋วเฉียนอีกมือหนึ่งของเขาก็แกว่ง Frost Battle Axe และคอยสังหารพวกป่าเถื่อนทั้งหลายที่อยู่ข้างใต้กำแพงนั้น ขวานนั้นกวัดแกว่งไปมาประหนึ่งมันกำลังเต้นระบำด้วยความดีใจที่ได้เผชิญหน้ากับศัตรูบนสนามรบ ด้วยรูปลักษณ์ที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นสง่าเช่นนั้น คงไม่ต้องเดาเลยว่ามันไม่ใช่เพียงเครื่องมือธรรมดาเก่าๆแน่นอน
ในบทนำของเหล่าตัวละครนั้น ลู๋วเฉียนเป็นขุนนางชั้นสูงแห่งเมือง บาฮัวซึ่งเป็นฝาแฝดของ ลู๋วเหล่ยและขวาน Ice Demon ที่ใช้สำหรับสู้รบในมือชายคนนั้นเป็นดั่งศาตราวุทธที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าเลยก็ว่าได้ นอกจากอาวุธของทางฝั่ง Angela ขวานนั้นถือเป็นหนึ่งในศาตราวุทธอันศักสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่งจากกองทัพอันทรงพลังทั้งเจ็ดของเมือง บาฮัว
กองกำลังของ NPC ยังคงโจมตีกันไปมาอย่างต่อเนื่องและมีทีท่าว่าจะยังเป็นเช่นนี้ไม่อีกสักพักใหญ่ หากจะเฝ้ามองดูการต่อสู้เหล่านั้นต่อไปก็คงจะเป็นการไร้ประโยชน์เสียเปล่าๆ บนผืนฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มแปรผันไปเป็นสีขาวนวล ราวกับใกล้เข้าสู่เวลาแห่งรุ่งอรุณ ฉันค่อยๆดึงดาบจักรพรรดิฉินออกจากด้านหลังอย่างช้าๆ ในขณะที่ฉันกำลังร่วมเข้าการต่อสู้อยู่นั้น ฉันก็ดันมองไปเห็น หลี่มู่กับ หวังเฉียนและผู้เล่นคนอื่นอีกสักสองสามคนกำลังพุ่งมาจากทางทิศตะวันตก
หลี่มู่ตะโกนออกมาครั้งหนึ่งอย่างกับเขากำลังวิ่งแข่งแล้วพุ่งตัวมาที่ฉัน “ เสี่ยวเหยา แย่แล้ว! พวกเราเจอปัญหา! ผู้เล่นที่เมือง บาฮัว กำลังถูกสังหาร”
“สถานการณ์เป็นมายังไงกัน?”
“ นายก็ลองดูสนามรบทางฝั่งตะวันออกสิ”
ฉันรีบกระโดดและปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งด้วยความเร็วแสง เมื่อปีนถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่สูงจนมองเห็นเส้นทางระยะไกล พอมองออกไปก็สังเกตเห็นทางฝั่งตะวันออก ณ ที่ราบลุ่มแห่งดินแดนอเวจีได้ถูกย้อมกลายเป็นสีโลหิต
ซากศพทั้งหลายต่างกระจัดกระจายอยู่เต็มบนพื้นราวกับฝุ่นละอองที่ปลิวลอยอยู่ในอากาศ และไม่น้อยกว่า70%ของจำนวนซากศพที่เกลื่อนกลาดก็เป็นผู้เล่นที่มาจากเมืองบาฮัวและอีกจำนวนหนึ่งก็มาจาก[Prague] และ[Vanguard]
“ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!”
....... ติดตามตอนต่อไป หรือหากต้องการอ่านนิยายแปลก็สามารถ อินบ๊อกมาได้นะคะ ^^