สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
พวกพนังงานประจำ(ในพันทิป)
ก็ไม่ต่างกันเลยครับ
ความมโน เป็นที่หนึ่ง
ชอบมาให้ทำนู้นนี้
ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้ ประสบการณ์ใดๆเลย
หากเราตั้งกระทู้ว่า ค้าขายแย่
คนพวกนี้ก็จะกรูกันเข้ามาบอกว่า ไม่ปรับตัว
อย่างนี้ตลอด จนเบื่อ ไม่อยากจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจแล้ว
มีครั้งหนึ่งผมตั้งกระทู้ว่าค้าขายไม่ดี
มันบอกให้ ขายออนไลน์ --> พอบอกว่าขายอยู่แล้ว
มันบอกให้ ขายเมืองนอก ส่งออก --> พอบอกว่าขายใน ebay แล้ว
มันบอกให้ เลิกขาย cutloss
เบื่อคนพวกนี้มาก
กับพวกที่บอกว่า ขายหมูปิ้ง ด้วย
ก็ไม่ต่างกันเลยครับ
ความมโน เป็นที่หนึ่ง
ชอบมาให้ทำนู้นนี้
ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้ ประสบการณ์ใดๆเลย
หากเราตั้งกระทู้ว่า ค้าขายแย่
คนพวกนี้ก็จะกรูกันเข้ามาบอกว่า ไม่ปรับตัว
อย่างนี้ตลอด จนเบื่อ ไม่อยากจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจแล้ว
มีครั้งหนึ่งผมตั้งกระทู้ว่าค้าขายไม่ดี
มันบอกให้ ขายออนไลน์ --> พอบอกว่าขายอยู่แล้ว
มันบอกให้ ขายเมืองนอก ส่งออก --> พอบอกว่าขายใน ebay แล้ว
มันบอกให้ เลิกขาย cutloss
เบื่อคนพวกนี้มาก
กับพวกที่บอกว่า ขายหมูปิ้ง ด้วย
แสดงความคิดเห็น
ผมทำร้านค้าอยู่ กับเศรษฐกิจตอนนี้น่ะผมเข้าใจและปรับเปลี่ยน แต่คนใกล้ชิดไม่เข้าใจ
ผมทำร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ ย้อนไปเมื่อแรกเริ่มมีหลายอย่าง ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เครื่องดื่ม แต่พอเศรษฐกิจเริ่มถดถอย กิจการต่างๆ หลายระดับเริ่มซบเซายังไม่พอ เจอพวกเด็กใหม่ไฟแรงขยันมาขายของอีกมากมาย มีตังหน่อยก็ขยันเปิดตลาดนัดแข่งกัน จนทำให้คนขายมีมากกว่าคนซื้อแล้ว ร้านต่างๆ จึงรายได้น้อยลงอย่างมาก ถึงแม้จะมีปิดกิจการไปไม่นาน เดี๋ยวเจ้าใหม่ก็มาแทนที่ เป็นแบบนี้ตลอด (แปลกเนอะ ก็ยังมีคนกล้าลงทุนทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่รอดกันเยอะ)
ผมก็จึงปรับตัวตามสภาพที่เกิดขึ้น ด้วยการเริ่มตัดของบางอย่างลง ลดเมนูลง โดยดูจากที่ขายได้น้อยมากจะตัดทิ้งไป หรือแม้กระทั่งจัดระบบการทำงานทั้งหมดทุกรายละเอียดเพื่อความประหยัด อาจจะเพิ่มความเหนื่อยอีกแต่ผมก็เต็มใจทำ เช่น ค่าไฟลดลงถึง 30% และงานยังได้ เวลาไม่เสีย
แต่ปัญหาของผมคือคนใกล้ตัว ซึ่งเค้าทำงานประจำอยู่ไม่ได้ขายของกับผม บ่นต่อว่าตลอดว่าทำไมไม่มีนั่น มีนี่ , ลูกค้ามาแล้วได้มีตัวเลือก ฯลฯ .. เหมือนกับจะให้ร้านผมมีทุกสิ่งที่เลือกสรร เหมือนตอนเศรษฐกิจดีพุ่งรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล คือ เค้าก็รู้นะว่าร้านค้าหลายประเภทบ่นกันทั้งตลาดว่าขายไม่ออก คนเงียบมากๆ ร้านใกล้ๆ กันก็ปิดไปแล้ว แต่เค้าไม่เข้าใจกับที่ผมลดต้นทุนร้าน (แต่ยังให้มีของขาย และเพื่อคงอยู่ให้รอด) ผมไม่รู้จะคุยอธิบายอย่างไรถึงจะเข้าใจกันได้ และครัวอยู่ที่ร้าน เค้าจึงต้องมากินข้าวที่นี่ จึงทำให้ผมได้ยินเสียงบ่นตลอด แทนที่จะให้กำลังใจหรือช่วยคิดวิธีการสู้ต่อไป ....
ผมเปรยๆ ไปเมื่อเช้าว่ามีสักห้าพันไหม จะได้สั่งนู่น สั่งนี่มาวางให้เต็มอย่างกับร้านสะดวกซื้อ เอาให้มันจมไปเลย และข้าวที่เค้ามากินทุกวันๆ ผมก็เจียดจากที่ขายได้มาจัดวางรอให้นี่แหละ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่แต่เหนื่อยใจคนใกล้ชิดเพลียสุดๆ