Justice League จัสติซ ลีก - 7/10
เราจะได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายใน Justice League ทั้งด้านที่พัฒนาและด้านที่ด้อยกว่าเดิม ข้อด้อยอย่างแรกที่เห็นชัดสำหรับผมคือด้านตัวละคร ตัวละครที่ขัดใจที่สุดเลยคือ The Flash ตั้งแต่ก่อนดูหนังแล้วที่รู้สึกว่าตัวละครนี้มีความพยายามที่จะเป็นตัวตลกเป็นตัวผ่อนคลายของหนังแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆในแง่ของ"ความพยายาม" เพราะมันไม่ขำเลย ทำได้ก็แค่อารมณ์ยิ้มในบางมุขแต่ส่วนใหญ่ก็แป้กแบบงงๆรู้สึกถึงความฝืนที่จะเล่นและมันไม่ได้ รวมไปถึงการพยายามจับคู่ฮากับคนอื่นๆซึ่งดูไม่ค่อยเข้าขากัน ถ้าจะให้พูดถึงมุขคู่หูคู่ฮาให้ลองนึกถึงธอร์กับฮัคที่เข้าขากันได้ดิบดีและตลกจริงๆ Aquaman ของ Jason Momoa ยังจะดูตลกกว่า The Flash ซะอีก ด้านความสามารถก็น่าจะเป็นตัวที่พีคมากๆ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีบทบาทที่ความสำคัญสักเท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกว่าเก่งหรือสุดยอดมากแบบ Quicksilver ใน X-MEN น่าเสียดายที่ยังขยี้บทความสามารถตรงนี้ได้ไม่มากพอ แต่ก็ยังไม่น่ารำคาญเท่า Lex Luther ในภาคที่แล้ว
ตัวร้ายของหนังอย่าง Steppenwolf เปิดตัวได้ดูดีมากๆ น่าเกรงขาม ดูยิ่งใหญ่แต่หลังจากนั้นจืดสนิทและกากสิ้นดี กระจอกมากยันฉากไคล์แม็กซ์ตอนจบและที่สำคัญคือพูดมากเกินไปแอบรำคาญ ทำให้ผมนึกถึง Ultron ที่ดูดี พูดมาก กระจอกเหมือนกันเป๊ะ
อีกคนที่น่าผิดหวังคือ Batman ของ Ben Afflect ในภาคที่แล้วผมยกให้เป็นสิ่งที่ดีงามที่สุดในหนังแต่ภาคนี้ดรอปลงไปมากๆ ไม่รู้สึกว่ามีความโดดเด่น ทักษะการต่อสู้ที่เก่ง ดุดันเบาลงไปมากๆ ขาดลูกเล่นหรือทีเด็ดแบบภาคที่แล้ว มีเพียงตอนท้ายที่พอจะได้ซีนอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วคือดรอปและน่าผิดหวัง ถ้าจะบอกว่าตัวละครเยอะโดนแย่งซีนผมบอกเลยว่าไม่ใช่เพราะ Wonder Woman ไม่ใช่แบบนั้น สำหรับผมเธอคือตัวละครที่มีเสน่ห์และทรงพลังที่สุดในหนัง ความเด็ดเดี่ยวของเธอที่เราเห็นกันในหนัง Wonder Woman ในเรื่องนี้มันยังมีอยู่และแข็งแกร่งขึ้น มีซีนที่โดดเด่น สวยๆ อยู่พอสมควรโดยรวมคือชอบมาก
ตัวสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือ Superman ตัวละครมีการพัฒนาขึ้นพร้อม Mood and Tone ที่ดูสดใสกว่าเดิมต่างจากภาคที่แล้วที่ดูหมองหม่นและมีปมในจิตใจดูเป็นตัวละครที่อ่อนแอมากๆ แต่ในภาคนี้ดูพึ่งพาได้แต่น่าเกรงขามมากขึ้นและยิ่งดูยิ่งเหมือน Christopher Reeve Superman คนเก่าของเรา แต่บทบาทที่ยังไม่พีคสมกับเป็นท่านผู้นำของทีมสเกลใหญ่แบบนี้
หนังดำเนินเรื่องค่อนข้างลวกๆไปหน่อย หลายๆอย่างดูง่าย เร็ว รวบรัดเกินไป ทำให้ไม่รู้สึกอินจริงๆสักอย่าง โทนความจริงจังที่เป็นจุดเด่นของหนังชุดนี้ก็หายไปเยอะพอสมควร ดนตรีที่เข้มข้น ยิ่งใหญ่ติดหูตั้งแต่ Man of Steel และ Batman V Superman ก็ไม่มีอีกแล้ว ดนตรีไม่น่าจดจำหรือติดหูแต่หนังแอบมีกิมมิคเล็กๆ หากใครสังเกตจะได้ยินเสียง Theme Original ของ Batman และ Superman สอดแทรกอยู่ในหนังด้วย
ในแง่ของหนังของความเป็น Zack Snyder หายไปเยอะมากแทบไม่เหลือเค้า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการได้ Joss Whedon มีบทบาทในการช่วงตัดต่อค่อนข้างเยอะ ถึงแม้ Batman V Superman อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีแต่โทนของหนังในความเป็น Zack ก็มีเสห์น่เฉพาะตัวของมัน
ด้านการพัฒนาของหนังดูจะเป็นการเล่าเรื่องที่ลดความซับซ้อน ลดความ Abstract น้อยลง เข้าใจง่ายและมีความพอดีมากขึ้น เหมือนรู้ตัวว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเล่นใหญ่เกินไปเพราะยังปูพื้นฐานของเรื่องราวและตัวละครของจักรวาลยังไม่มากพอ หนังลดความเครียดและความจริงจังลง ดูไม่ยัดเหยียดจนเกินไปเหมือนภาคที่แล้วแต่ก็ยังมีอยู่ เสริมมุขตลกให้ดูผ่อนคลายถึงแม้จะทำไม่ถึงสักเท่าไหร่สำหรับผม อีกข้อดีที่ว้าวคือหนังแอบเปิดเผยตัวละครในจักรวาล DC บางตัวผ่านการเล่าเรื่องในอดีตที่ทำให้เราร้องเหยดหรือเฮ้ยได้ ซึ่งดูน่าตื่นเต้นดีและน่าจะได้เห็นพวกเขาในอนาคต"หาก"หนังประสบความสำเร็จ
ช็อตที่ประทับใจสุดๆเลยคือการกลับมาของ Superman เป็นฉากที่แอบขนลุกนิดนึง มีบทพูดที่ทรงพลังบวกกับการแสดงของตัวละคร อารมณ์เดียวกับ Tell me, Do you bleed ของภาคที่แล้วที่ออกมาสั้นๆแต่ทรงพลัง
Justice League ดูจะยังไม่พร้อมที่จะเล่นสเกลใหญ่ที่มีตัวละครเอกหลายตัวในจอเดียวกัน เนื่องจากพิสูจน์มาแล้ว 2 เรื่องก็ยังเห็นว่ายังบริหารตัวละครยังไม่ดีพอ เอาเข้าจริงรู้สึกว่ายังไม่พร้อมกับชื่อเรื่องว่า Justice League ด้วยซ้ำน่าจะเป็นหนังเดี่ยวของใครสักคนแล้วโผล่มาเป็นแขกรับเชิญค่อยๆปูเรื่องราว เสริมสร้างความผูกพันธ์กับคนดูไปเรื่อยๆ ในหนังรวมซุปเปอร์ฮีโร่การวางบทบาทและความเข้ากันได้ของตัวละครเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งยังไม่รู้สึกว่าทีมนี้เป็นทีมจริงๆ เป็นแค่คนที่มีความสามารถหลากหลายมารวมตัวกันเฉยๆมากกว่า บวกกับตัวร้ายที่ไม่มีอะไรเลย หนังซุปเปอร์ฮีโร่หลายๆเรื่องที่พลาดเพราะตัวร้ายไม่เก๋าและไม่คู่ควรกับพระเอกทำให้สร้างฉากที่ประทับใจหรือน่าจดจำไม่ได้เพราะมันกระจอกเลยง่ายเกินไป ทิศทางของหนังที่ปูมาใน Batman V Superman ก็กลับมาเปลี่ยนเอาดื้อๆในภาคนี้ด้วยซึ่งผมรู้สึกว่าทิศทางเก่าน่าสนใจกว่ามาก ไม่น่าเปลี่ยนใหม่(ติดตามใน End Credit)
อย่างไรก็ดีบวกลบคูณหารแล้ว Justice League ให้ความบันเทิงแบบสอบผ่าน ถึงแม้หนังยังมีจุดให้ติพอควรแต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่เบอร์นั้น พอดูได้ให้อารมณ์แบบดูผ่านๆแล้วจบไปไม่ได้มีจุดประทับใจเป็นพิเศษ ส่วนตัวสำหรับผมชอบ Batman V Superman มากกว่าถึงจะไม่ใช่หนังดีแต่ก็มีจุดประทับใจส่วนตัวที่ชอบมากๆอยู่หลายฉาก อย่างน้อยก็ตอนที่แบทเบนลุยเดี่ยวกับผู้ร้ายในโกดังที่สุดยอดมาก
พล็อตเรื่อง 7/10
ดำเนินเรื่อง 7/10
ตัวละคร 7/10
สรุป 7/10
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
[CR] [Review-No Spoil] Justice League จัสติซ ลีก
Justice League จัสติซ ลีก - 7/10
เราจะได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายใน Justice League ทั้งด้านที่พัฒนาและด้านที่ด้อยกว่าเดิม ข้อด้อยอย่างแรกที่เห็นชัดสำหรับผมคือด้านตัวละคร ตัวละครที่ขัดใจที่สุดเลยคือ The Flash ตั้งแต่ก่อนดูหนังแล้วที่รู้สึกว่าตัวละครนี้มีความพยายามที่จะเป็นตัวตลกเป็นตัวผ่อนคลายของหนังแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆในแง่ของ"ความพยายาม" เพราะมันไม่ขำเลย ทำได้ก็แค่อารมณ์ยิ้มในบางมุขแต่ส่วนใหญ่ก็แป้กแบบงงๆรู้สึกถึงความฝืนที่จะเล่นและมันไม่ได้ รวมไปถึงการพยายามจับคู่ฮากับคนอื่นๆซึ่งดูไม่ค่อยเข้าขากัน ถ้าจะให้พูดถึงมุขคู่หูคู่ฮาให้ลองนึกถึงธอร์กับฮัคที่เข้าขากันได้ดิบดีและตลกจริงๆ Aquaman ของ Jason Momoa ยังจะดูตลกกว่า The Flash ซะอีก ด้านความสามารถก็น่าจะเป็นตัวที่พีคมากๆ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีบทบาทที่ความสำคัญสักเท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกว่าเก่งหรือสุดยอดมากแบบ Quicksilver ใน X-MEN น่าเสียดายที่ยังขยี้บทความสามารถตรงนี้ได้ไม่มากพอ แต่ก็ยังไม่น่ารำคาญเท่า Lex Luther ในภาคที่แล้ว
ตัวร้ายของหนังอย่าง Steppenwolf เปิดตัวได้ดูดีมากๆ น่าเกรงขาม ดูยิ่งใหญ่แต่หลังจากนั้นจืดสนิทและกากสิ้นดี กระจอกมากยันฉากไคล์แม็กซ์ตอนจบและที่สำคัญคือพูดมากเกินไปแอบรำคาญ ทำให้ผมนึกถึง Ultron ที่ดูดี พูดมาก กระจอกเหมือนกันเป๊ะ
อีกคนที่น่าผิดหวังคือ Batman ของ Ben Afflect ในภาคที่แล้วผมยกให้เป็นสิ่งที่ดีงามที่สุดในหนังแต่ภาคนี้ดรอปลงไปมากๆ ไม่รู้สึกว่ามีความโดดเด่น ทักษะการต่อสู้ที่เก่ง ดุดันเบาลงไปมากๆ ขาดลูกเล่นหรือทีเด็ดแบบภาคที่แล้ว มีเพียงตอนท้ายที่พอจะได้ซีนอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วคือดรอปและน่าผิดหวัง ถ้าจะบอกว่าตัวละครเยอะโดนแย่งซีนผมบอกเลยว่าไม่ใช่เพราะ Wonder Woman ไม่ใช่แบบนั้น สำหรับผมเธอคือตัวละครที่มีเสน่ห์และทรงพลังที่สุดในหนัง ความเด็ดเดี่ยวของเธอที่เราเห็นกันในหนัง Wonder Woman ในเรื่องนี้มันยังมีอยู่และแข็งแกร่งขึ้น มีซีนที่โดดเด่น สวยๆ อยู่พอสมควรโดยรวมคือชอบมาก
ตัวสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือ Superman ตัวละครมีการพัฒนาขึ้นพร้อม Mood and Tone ที่ดูสดใสกว่าเดิมต่างจากภาคที่แล้วที่ดูหมองหม่นและมีปมในจิตใจดูเป็นตัวละครที่อ่อนแอมากๆ แต่ในภาคนี้ดูพึ่งพาได้แต่น่าเกรงขามมากขึ้นและยิ่งดูยิ่งเหมือน Christopher Reeve Superman คนเก่าของเรา แต่บทบาทที่ยังไม่พีคสมกับเป็นท่านผู้นำของทีมสเกลใหญ่แบบนี้
หนังดำเนินเรื่องค่อนข้างลวกๆไปหน่อย หลายๆอย่างดูง่าย เร็ว รวบรัดเกินไป ทำให้ไม่รู้สึกอินจริงๆสักอย่าง โทนความจริงจังที่เป็นจุดเด่นของหนังชุดนี้ก็หายไปเยอะพอสมควร ดนตรีที่เข้มข้น ยิ่งใหญ่ติดหูตั้งแต่ Man of Steel และ Batman V Superman ก็ไม่มีอีกแล้ว ดนตรีไม่น่าจดจำหรือติดหูแต่หนังแอบมีกิมมิคเล็กๆ หากใครสังเกตจะได้ยินเสียง Theme Original ของ Batman และ Superman สอดแทรกอยู่ในหนังด้วย
ในแง่ของหนังของความเป็น Zack Snyder หายไปเยอะมากแทบไม่เหลือเค้า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการได้ Joss Whedon มีบทบาทในการช่วงตัดต่อค่อนข้างเยอะ ถึงแม้ Batman V Superman อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีแต่โทนของหนังในความเป็น Zack ก็มีเสห์น่เฉพาะตัวของมัน
ด้านการพัฒนาของหนังดูจะเป็นการเล่าเรื่องที่ลดความซับซ้อน ลดความ Abstract น้อยลง เข้าใจง่ายและมีความพอดีมากขึ้น เหมือนรู้ตัวว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเล่นใหญ่เกินไปเพราะยังปูพื้นฐานของเรื่องราวและตัวละครของจักรวาลยังไม่มากพอ หนังลดความเครียดและความจริงจังลง ดูไม่ยัดเหยียดจนเกินไปเหมือนภาคที่แล้วแต่ก็ยังมีอยู่ เสริมมุขตลกให้ดูผ่อนคลายถึงแม้จะทำไม่ถึงสักเท่าไหร่สำหรับผม อีกข้อดีที่ว้าวคือหนังแอบเปิดเผยตัวละครในจักรวาล DC บางตัวผ่านการเล่าเรื่องในอดีตที่ทำให้เราร้องเหยดหรือเฮ้ยได้ ซึ่งดูน่าตื่นเต้นดีและน่าจะได้เห็นพวกเขาในอนาคต"หาก"หนังประสบความสำเร็จ
ช็อตที่ประทับใจสุดๆเลยคือการกลับมาของ Superman เป็นฉากที่แอบขนลุกนิดนึง มีบทพูดที่ทรงพลังบวกกับการแสดงของตัวละคร อารมณ์เดียวกับ Tell me, Do you bleed ของภาคที่แล้วที่ออกมาสั้นๆแต่ทรงพลัง
Justice League ดูจะยังไม่พร้อมที่จะเล่นสเกลใหญ่ที่มีตัวละครเอกหลายตัวในจอเดียวกัน เนื่องจากพิสูจน์มาแล้ว 2 เรื่องก็ยังเห็นว่ายังบริหารตัวละครยังไม่ดีพอ เอาเข้าจริงรู้สึกว่ายังไม่พร้อมกับชื่อเรื่องว่า Justice League ด้วยซ้ำน่าจะเป็นหนังเดี่ยวของใครสักคนแล้วโผล่มาเป็นแขกรับเชิญค่อยๆปูเรื่องราว เสริมสร้างความผูกพันธ์กับคนดูไปเรื่อยๆ ในหนังรวมซุปเปอร์ฮีโร่การวางบทบาทและความเข้ากันได้ของตัวละครเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งยังไม่รู้สึกว่าทีมนี้เป็นทีมจริงๆ เป็นแค่คนที่มีความสามารถหลากหลายมารวมตัวกันเฉยๆมากกว่า บวกกับตัวร้ายที่ไม่มีอะไรเลย หนังซุปเปอร์ฮีโร่หลายๆเรื่องที่พลาดเพราะตัวร้ายไม่เก๋าและไม่คู่ควรกับพระเอกทำให้สร้างฉากที่ประทับใจหรือน่าจดจำไม่ได้เพราะมันกระจอกเลยง่ายเกินไป ทิศทางของหนังที่ปูมาใน Batman V Superman ก็กลับมาเปลี่ยนเอาดื้อๆในภาคนี้ด้วยซึ่งผมรู้สึกว่าทิศทางเก่าน่าสนใจกว่ามาก ไม่น่าเปลี่ยนใหม่(ติดตามใน End Credit)
อย่างไรก็ดีบวกลบคูณหารแล้ว Justice League ให้ความบันเทิงแบบสอบผ่าน ถึงแม้หนังยังมีจุดให้ติพอควรแต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่เบอร์นั้น พอดูได้ให้อารมณ์แบบดูผ่านๆแล้วจบไปไม่ได้มีจุดประทับใจเป็นพิเศษ ส่วนตัวสำหรับผมชอบ Batman V Superman มากกว่าถึงจะไม่ใช่หนังดีแต่ก็มีจุดประทับใจส่วนตัวที่ชอบมากๆอยู่หลายฉาก อย่างน้อยก็ตอนที่แบทเบนลุยเดี่ยวกับผู้ร้ายในโกดังที่สุดยอดมาก
พล็อตเรื่อง 7/10
ดำเนินเรื่อง 7/10
ตัวละคร 7/10
สรุป 7/10
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/