สวัสดีค่าาา...
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราได้มาเขียนรีวิวการเที่ยวด้วยตัวเอง
(ปกติไปเที่ยวไหนแฟนเขียนรีวิวตลอด เลยยืม account แฟนมาเขียนซะเลย)
ด้วยวิชาที่เราลงเรียนเป็นวิชาเกี่ยวกับการเรียนรู้วัฒนธรรมจากการท่องเที่ยว
ทำให้เรามีโอกาสได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆ เที่ยวด้วย ได้งานด้วย ถือว่าคุ้ม
ทริปนี้เราก็จะพักเรื่องเรียน มาลองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ตามสไตส์ของ “เชียงคาน”
เริ่มต้นด้วยวิธีการเดินทางของพวกเรานะคะ
เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถทัวร์แบบ VIP ของซันบัสทั้งขาไปและขากลับ
ราคาประมาณคนละ 600 กว่าบาทต่อเที่ยว ไปกลับก็ 1,300 นิดๆ
ซันบัสจะเหมือนรถทัวร์ VIP ทั่วไปคือเป็นเบาะนอน มีทีวี มีห้องน้ำ มีอาหารแจก
แต่ความพิเศษ นี่เลย!!
ช่องเสียบชาร์ตมือถือ ปริ่มใจมาก ณ จุดๆนี้
เราเริ่มต้นการเดินทางที่หมอชิตตอน 2 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
เดินทางรถทัวร์ตอนกลางคืนก็ดีนะ เราจะได้หลับพักผ่อน ทำให้รู้สึกว่าเดินทางไม่นาน
แต่ขากลับเดินทางเช้านี่สิ...
หลับแล้วหลับอีก ดูหนังจบไป 4 เรื่อง ก็ยังไม่ถึงสักที
___________________________________________________________________
[ เวลคัมทู เชียงคาน ]
ก่อนเราจะเดินทางมาเที่ยวเชียงคาน เราก็ได้แพลนโปรแกรมเที่ยวมาคร่าวๆ
แต่พอมาถึงปุ๊บ แพลนเปลี่ยน!
ด้วยความที่เชียงคานเป็นเมืองเล็กๆ ที่เที่ยวไม่ไกลกันมาก
เราก็เลยรวบรัดสถานที่เที่ยวไว้ในวันแรก
เพื่อที่จะเสพบรรยากาศและใช้ชีวิตแบบ slow life ในวันที่ 2
[ ไหนอ่ะห้องริมโขง? ]
เรามาถึงเชียงคานตอนตี 5
จากสถานีขนส่งเชียงคานเดินเข้าที่พักไม่ไกลเท่าไหร่
เราเลยเอาของไปฝากที่พัก แล้วไปตักบาตรข้าวเหนียว เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน
พระท่านจะเดินบิณฑบาตผ่านถนนที่เป็นถนนคนเดินในตอนกลางคืน
ถนนทั้งเส้นจะเป็นที่พักซะส่วนใหญ่
แต่ละที่พักก็จะมีบริการเสื่อปูให้ มีชุดใส่บาตรขาย ราคาประมาณ 50-80 บาทให้เลือก
แวะถ่ายแมวสักหน่อย ขนสวยตาสวยเชียว
หลังจากนั้นเราก็ไปเช็คอินที่พักกัน
เราพักที่ CHAIANGKAN SMILE HOME STAY
ตอนไปถึงแอบผิดหวังนิดนึง เพราะในเฟสบุ้คบอกว่าได้ห้องริมน้ำโขง
แต่ไปถึงแล้วไม่ใช่ ที่พักที่เราไปถึงไม่ได้อยู่ในถนนคนเดินด้วยซ้ำ
พอเจอกับพี่เจ้าของที่พัก พี่เค้าบอกว่าไม่ใช่ที่นี่ครับ ห้องที่น้องจองอยู่อีกฝั่งนึงครับ
เป็นห้องใต้หลังคา ริมฝั่งโขง ตอนแรกนึกว่าเพดานจะต่ำ แต่สูงกว่าที่คิด คนสูง 180cm. ยืนได้สบาย
ซึ่งไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ^^”
[ จะไปไหนไว้ใจสกายแลปตาก่า ]
ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 7 คน มีคนขับมอเตอไซค์เป็นอยู่ 2 คน
จึงลงมติกันว่างั้นใช้บริการสกายแลปเถอะ!
สกายแลปหาได้ไม่ยาก วิ่งผ่านหน้าที่พักเยอะมาก อยากนั่งคันไหนโบกได้เลย
บางทีเค้าเห็นเรายืนอยู่ก็จะเข้ามาแนะนำ และทิ้งเบอร์ติดต่อไว้
เรื่องสถานที่เที่ยวและราคาตกลงกับคนขับได้เลย
สกายแลปตาก่าผ่านมาพอดี...
เราจึงได้ตกลงราคากันว่าวันนี้จะไปหมู่บ้านไทดำและแก่งคุดคู้ พรุ่งนี้ขึ้นภูทอกด้วย
ทั้งหมด 7 คน เหมา 1,400
พวกเราโอเค ตาโอเค งั้นลุยกันเลย
โฉมหน้าตาก่ากับสกายแลปคู่ใจ
ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง
เราจึงมาฝากท้องกันที่นี่เลย
ไม่ว่าจะดูรีวิวจากกระทู้ไหน เพจไหน ก็บอกว่าต้องมาลอง บวกกับพี่เจ้าของที่พักแนะนำมาอีก
แบบนี้รอช้าไม่ได้ล่ะ ต้องไปโดน
ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว คล้ายๆกับก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแต่ว่าเส้นเป็นขนมจีน
ความพิเศษของข้าวปุ้นน้ำแจ่วคือมีผักเคียงเยอะ และต้องปรุงด้วยน้ำมะนาวสด
เราเห็นกระปุกกระปิวางอยู่ตรงเครื่องปรุง ซึ่งจขกท.ไม่ชิน เลยไม่ลอง ฮ่าๆ
แต่เพื่อนจขกท.ลองนะ เพื่อนบอกรสชาติโอเคอยู่…
[CR] CHECK IN "LOEI" ตะลุยเมืองทะเลภูเขา สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่าไทดำ ณ เชียงคาน
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราได้มาเขียนรีวิวการเที่ยวด้วยตัวเอง
(ปกติไปเที่ยวไหนแฟนเขียนรีวิวตลอด เลยยืม account แฟนมาเขียนซะเลย)
ด้วยวิชาที่เราลงเรียนเป็นวิชาเกี่ยวกับการเรียนรู้วัฒนธรรมจากการท่องเที่ยว
ทำให้เรามีโอกาสได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆ เที่ยวด้วย ได้งานด้วย ถือว่าคุ้ม
ทริปนี้เราก็จะพักเรื่องเรียน มาลองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ตามสไตส์ของ “เชียงคาน”
เริ่มต้นด้วยวิธีการเดินทางของพวกเรานะคะ
เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถทัวร์แบบ VIP ของซันบัสทั้งขาไปและขากลับ
ราคาประมาณคนละ 600 กว่าบาทต่อเที่ยว ไปกลับก็ 1,300 นิดๆ
ซันบัสจะเหมือนรถทัวร์ VIP ทั่วไปคือเป็นเบาะนอน มีทีวี มีห้องน้ำ มีอาหารแจก
แต่ความพิเศษ นี่เลย!!
ช่องเสียบชาร์ตมือถือ ปริ่มใจมาก ณ จุดๆนี้
เราเริ่มต้นการเดินทางที่หมอชิตตอน 2 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
เดินทางรถทัวร์ตอนกลางคืนก็ดีนะ เราจะได้หลับพักผ่อน ทำให้รู้สึกว่าเดินทางไม่นาน
แต่ขากลับเดินทางเช้านี่สิ...
หลับแล้วหลับอีก ดูหนังจบไป 4 เรื่อง ก็ยังไม่ถึงสักที
___________________________________________________________________
[ เวลคัมทู เชียงคาน ]
ก่อนเราจะเดินทางมาเที่ยวเชียงคาน เราก็ได้แพลนโปรแกรมเที่ยวมาคร่าวๆ
แต่พอมาถึงปุ๊บ แพลนเปลี่ยน!
ด้วยความที่เชียงคานเป็นเมืองเล็กๆ ที่เที่ยวไม่ไกลกันมาก
เราก็เลยรวบรัดสถานที่เที่ยวไว้ในวันแรก
เพื่อที่จะเสพบรรยากาศและใช้ชีวิตแบบ slow life ในวันที่ 2
[ ไหนอ่ะห้องริมโขง? ]
เรามาถึงเชียงคานตอนตี 5
จากสถานีขนส่งเชียงคานเดินเข้าที่พักไม่ไกลเท่าไหร่
เราเลยเอาของไปฝากที่พัก แล้วไปตักบาตรข้าวเหนียว เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน
พระท่านจะเดินบิณฑบาตผ่านถนนที่เป็นถนนคนเดินในตอนกลางคืน
ถนนทั้งเส้นจะเป็นที่พักซะส่วนใหญ่
แต่ละที่พักก็จะมีบริการเสื่อปูให้ มีชุดใส่บาตรขาย ราคาประมาณ 50-80 บาทให้เลือก
แวะถ่ายแมวสักหน่อย ขนสวยตาสวยเชียว
หลังจากนั้นเราก็ไปเช็คอินที่พักกัน
เราพักที่ CHAIANGKAN SMILE HOME STAY
ตอนไปถึงแอบผิดหวังนิดนึง เพราะในเฟสบุ้คบอกว่าได้ห้องริมน้ำโขง
แต่ไปถึงแล้วไม่ใช่ ที่พักที่เราไปถึงไม่ได้อยู่ในถนนคนเดินด้วยซ้ำ
พอเจอกับพี่เจ้าของที่พัก พี่เค้าบอกว่าไม่ใช่ที่นี่ครับ ห้องที่น้องจองอยู่อีกฝั่งนึงครับ
เป็นห้องใต้หลังคา ริมฝั่งโขง ตอนแรกนึกว่าเพดานจะต่ำ แต่สูงกว่าที่คิด คนสูง 180cm. ยืนได้สบาย
ซึ่งไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ^^”
[ จะไปไหนไว้ใจสกายแลปตาก่า ]
ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 7 คน มีคนขับมอเตอไซค์เป็นอยู่ 2 คน
จึงลงมติกันว่างั้นใช้บริการสกายแลปเถอะ!
สกายแลปหาได้ไม่ยาก วิ่งผ่านหน้าที่พักเยอะมาก อยากนั่งคันไหนโบกได้เลย
บางทีเค้าเห็นเรายืนอยู่ก็จะเข้ามาแนะนำ และทิ้งเบอร์ติดต่อไว้
เรื่องสถานที่เที่ยวและราคาตกลงกับคนขับได้เลย
สกายแลปตาก่าผ่านมาพอดี...
เราจึงได้ตกลงราคากันว่าวันนี้จะไปหมู่บ้านไทดำและแก่งคุดคู้ พรุ่งนี้ขึ้นภูทอกด้วย
ทั้งหมด 7 คน เหมา 1,400
พวกเราโอเค ตาโอเค งั้นลุยกันเลย
โฉมหน้าตาก่ากับสกายแลปคู่ใจ
ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง
เราจึงมาฝากท้องกันที่นี่เลย
ไม่ว่าจะดูรีวิวจากกระทู้ไหน เพจไหน ก็บอกว่าต้องมาลอง บวกกับพี่เจ้าของที่พักแนะนำมาอีก
แบบนี้รอช้าไม่ได้ล่ะ ต้องไปโดน
ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว คล้ายๆกับก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแต่ว่าเส้นเป็นขนมจีน
ความพิเศษของข้าวปุ้นน้ำแจ่วคือมีผักเคียงเยอะ และต้องปรุงด้วยน้ำมะนาวสด
เราเห็นกระปุกกระปิวางอยู่ตรงเครื่องปรุง ซึ่งจขกท.ไม่ชิน เลยไม่ลอง ฮ่าๆ
แต่เพื่อนจขกท.ลองนะ เพื่อนบอกรสชาติโอเคอยู่…