ผมกับแฟนได้ทำการจองโรงแรม Cinnamon Dhon..
Maldives (ขอไม่เขียนชื่อเต็ม) ระดับ4ดาว เป็นเวลา7วัน6คืน ห้องพักที่จองไปเป็นบังกะโลกลางน้ำ เมื่อไปพักได้คืนแรกกับเกิดเหตุกาาณ์ขโมยขึ้นห้องเมื่อตอนตี1กว่า เป็นช่วงเวลาที่ผมกับแฟนนอนหลับไปแล้ว ระหว่างนอนแฟนผมได้ยินเสียงแปลกๆด้านข้าง พอลืมตาขึ้นมากลับสบตากับขโมยที่พยายามจะค้นกระเป๋าของผม แฟนผมตกใจก็กรี๊ดออกมาเสียงดังจนผมตื่นแล้วบอกว่ามีขโมยเข้าห้อง ผมกับแฟนก็ร้องตะโกน จนขโมยหนีกลับออกไปทางที่เข้ามา พอผมกับแฟนตั้งสติได้ก็เปิดไฟแล้วหาอะไรมาถือไว้ป้องกันตัว แล้วทำการโทรเรียกพนักงานโรงแรมมา ซึ่งกว่าพนักงานโรงแรมจะมาถึงก็ประมาณ10-15นาที พอพนักงานมาผมกับพนักงานก็เริ่มสำรวจทางที่ขโมยเข้ามาแล้วสรุปได้ดังนี้คือ ขโมยได้ทำการเข้ามาห้องผมทางทะเล ได้ทำการเคลื่อนย้ายโต๊ะออกมาซึ่งติดอยู่กับหน้าต่างห้องน้ำแล้วเอาฟูกมาวางไว้ด้านหน้าต่างที่ติดกับห้องพัก เพื่อไม่ให้คนในห้องเห็น แล้วทำการปีนเข้ามาทางหน้าต่างห้องน้ำ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันทำการถูกล๊อกอยู่แล้วหรือป่าว แต่ที่แน่ๆคือผมกับแฟนไม่ได้เปิดหรือยุ่งกับหน้าต่างห้องน้ำเลย พอสำรวจนอกห้องพักตรงระเบีบงที่ขโมยขึ้นมา พบรอยเท้าที่เปียกอยู่พร้อมกับรองเท้าของคนร้าย โดยหลักฐานแล้วการตรวจสอบทุกอย่างผมกับแฟนเป็นถ่ายรุปและวีดีโอทุกอย่าง ซึ่งทางพนักงานของโรงแรมได้แต่ดูแต่สอบถามว่ารอยเท้าเป็นของผมหรือป่าว? ผมเป็นคนย้ายโต๊ะหรือป่าว? ลงไปเล่นน้ำตอนกลางคืนหรือป่าว? ผมเป็นเปิดหน้าต่างห้องน้ำไว้หรือป่าว? ถ้าพนักงานมีสมองก็คงคิดได้ว่าคำถามที่ถามมานั้นโง่มาก เวลานั้นพนักงานควรจะมีสติมากกว่าพวกผมด้วยซ้ำ แต่ต้องให้พวกผมถ่ายวีดีโอถ่ายรุปเก็บหลักฐานกันเองพร้อมกับต้องให้พวกผมเล่าลำดับเหตุการณ์ของขโมยที่ปีนเข้าห้องให้ฟังจนผมรำคาญ พอสักพักผู้จัดการของโรงแรมก็ได้เข้ามาห้องผม ผมต้องเป็นเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองทุกอย่าง เนื่องจากพนักงานเล่าให้ฟังแล้วรายละเอียดไม่ครบ ไม่เล่าตั้งแต่ต้นว่าขโมยเข้ามาทางหน้าต่างห้องน้ำ ทุกอย่างจบลงด้วยการที่ผู้จัดการบอกว่าจะให้พนักงานยืนเฝ้าอยู่แถวห้องพักของผม ซึ่งผมเปิดประตูออกไปกลับไม่เจอพนักงานยืนเฝ้าหน้าห้องพักของผมเลย ผมกับแฟนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กังวลว่าขโมยจะกลับมาอีกรอบ เลยไม่ได้นอนทั้งคืน นั่งเปิดไฟทั้งคืนเผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก ยังดีที่แฟนผมได้ยินตื่นขึ้นมาทัน ทำให้ของของผมไม่ถูกขโมยอะไรไปเลยซักอย่าง จนกระทั้งรุ่งเช้า ผมกับแฟนไปติดต่อเค้าเตอร์ของโรงแรม โรงแรมก็ได้เสนอได้แค่ให้พวกผมย้ายห้อง ซึ่งเป็นห้องบังกะโลกลางน้ำแบบเดิม!!! ระแวกเดิม!!! แค่เปลี่ยนห้อง!!! ผมกับแฟนเลยตัดสินใจย้ายโรงแรมไปโรงแรมอื่นที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่า ซึ่งผมคุยกับผู้จัดการหน้าเค้าเตอร์เรื่องการคืนเงิน แทนที่จะได้เงินคืนเต็มจำนวน ผมกลับต้องจ่ายค่าที่พักคืนแรก ค่าโดยสารทางเรือที่ผมจ่ายให้กับทางโรงแรมโดยตรง กลับต้องทำเรื่องเขียนอีเมลให้ทาง expedia แล้วให้ทาง expedia ทำเรื่องให้มาที่โรงแรม!!! ยุ่งยากไปอีก ค่าทำขวัญอะไรก็ไม่ได้เลย ผมกับแฟนตอนเช้า+ตอนกลางคืนต้องอยู่สภาพวิตกจริตไปตลอดทริป มีเสียงอะไรเกิดขึ้นก็ตกใจตลอดเวลา แล้วยิ่งกับแฟนผมที่สบตากับขโมยโดยตรงอีก ซึ่งหน้าตาของคนมัลดีฟเกือบทั้งหมดเป็นคนผิวดำ ทำให้มองไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง เห็นเพียงแค่ตาในตอนกลางคืน เรียกว่าเป็นการดูแลลูกค้าและการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นของโรงแรมห่วยมาก แม้แต่ผมบอกว่าผมจะเข้าพบหมอจิตแพทย์และส่งคำร้องเรียนเก็บเงินจากทางโรงแรม สิ่งที่โรงแรมตอบคือ พวกผมต้องไปพบแพทย์โรงพยาบาลของมัลดีฟ ซึ่งดัลดีฟไม่มีแผนการดูแลสำหรับเหตุการณ์แบบนี้เลย แน่นอนว่าผมมีบอกให้โรงแรมโทรแจ้งตำรวจเพื่อให้มาจัดการ แต่สิ่งที่โรงแรมตอบคือ ถึงแม้ตำรวจมาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย!!! สิ่งที่โรงแรมทำได้คือต้องทำการตรวจสอบภายในและหาคนร้ายให้ได้ก่อน ถึงจะแจ้งตำรวจ เรียกว่าโรงแรมไม่ทำการอะไรทั้งนั้นนอกจากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะหาคนร้าย ผมถามพนักงานคนอื่น กลับไม่มีใครรู้เลยว่ามีเหตุการณ์ขโมยเกิดขึ้น เรียกว่าห่วยสุดๆ ไม่รับผิดชอบอะไรเลยทั้งสิ้น
 สำหรับคนที่มีแผนจะเดินทางไปมัลดีฟ ทางที่ดีคุณควรตรวจสอบและล๊อคประตู+หน้าต่างทุกบานในห้องของคุณ อย่าไว้ใจว่าที่พักของคุณดีและปลอดภัย คุณอาจจะต้องเสียใจและอาจเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับผมก็ได้ ขอบคุณครับ