สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 47
สวัสดีค่ะ เราเป็นผู้หญิงอายุ 20+ ปี(ซึ่งก็ยังเรียกว่าเป็นวัยรุ่นอยู่....นะ? ^^") เป็นคนไทย เชื้อสายจีน เกิดและโตในกรุงเทพตลอด อนุบาลและประถมเรียนโรงเรียนหญิง(มีชายปนเล็กน้อย)
ตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เกิดมาเลย คุณแม่จะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวตลอด สมัยเด็กๆ ช่วงนั้นมีข่าว โจรผู้ร้ายจับเด็กในโรงเรียน เอาขนมล่อพาไปข่มขืนบ้าง จับขึ้นรถตู้บ้าง ครูปล้ำเด็กบ้าง ตำรวจข่มขืนผู้ต้องหาก็มี คุณแม่จะคอยกังวลและสอนลูกสาวตลอดตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว คุณแม่บอกหมดเลย ให้ระวังผู้ชายจะแปลกหน้าก็ตามหรือรู้จักก็ตาม จะเป็นตำรวจก็ไว้ใจไม่ได้ จะเป็นครูก็ไว้ใจไม่ได้ ถ้ามีคุณครูผู้ชายเรียกหนูเข้าไปในห้องสองคน แล้วเอาอันนี้บอกให้หนูจับหรือให้หนูอม หนูห้ามทำนะ(อันนั้นแหละ) หนูต้องมาฟ้องแม่ หนูห้ามกลัวครูตี ห้ามกลัวตำรวจดุ ให้บอกแม่ทุกอย่าง แม่จะจัดการมันเอง ในสมัยนั้นผู้หญิงที่ถูกข่มขืน ถึงกับต้องฆ่าตัวตายไปหลายคน เพราะอับอาย อยู่ไม่ได้ในสังคม โดนข่มเหงศักดิ์ศรี และอยู่ไปก็ไม่มีผู้ชายคนไหนรับไปแต่งงานแล้ว เป็นที่จะต้องปิดบัง หลายคนถึงกับไม่แจ้งความ หลายคนปลิดชีวิตตัวเอง เพราะเครียด หาทางออก หาแสงสว่างในชีวิตไม่ได้อีกแล้ว
เราอยู่กับคำสอนของแม่แบบนี้มาตลอด ระมัดระวังตัวตั้งแต่เด็ก แม่ก็จะเหนื่อยมาก จะไปไหนแม่รับส่งไม่ห่างสายตา เข้าโรงเรียนคือเจอครู ออกจากโรงเรียนเจอแม่ ไปห้างเข้าห้องน้ำห้างยืนเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำ ไม่เคยไปค้างนอนบ้านเพื่อนเลย
บ้านเราไม่เคยสนับสนุนให้มีแฟน ไม่มีก็ดี ไม่แต่งงานก็ได้
แม่บอกว่าถ้ามีแฟน ห้ามมีอะไรกันเด็ดขาด ถ้าพลาดพลั้งไปแล้วเราจะเสียใจเหมือนตกนรกหมกไหม้ เพียงอารมณ์ชั่ววูบ เราจะเสียใจไปตลอดชีวิต
สิ่งที่เสียไปแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก ถ้าเสียตัวไปวันนี้ แล้วอนาคตเลิกกันละ? แล้วผู้ชายคนที่เค้าจะแต่งงานกับเราละ เค้าอยากจะรักเรา ต่อให้เราดีแค่ไหน เค้าก็จะมีปมตรงนี้ในใจ ไม่สามารถรักเราได้สุดหัวใจ
เราอยู่กับความเชื่อ และอยู่ในโลก(อาจจะโบราณกาลแล้วหรือป่าว) แบบนี้ มาตลอด...
จนกระทั่ง...
ไม่กี่ปีมานี้เอง เราก็ได้พบกับความจริงว่า สังคมที่เราอยู่ปัจจุบันนี้ กับสังคมที่เราเคยรู้จัก มันเปลี่ยนไปเร็วมากเหลือเกิน มากถึงขนาดกลับตาลปัตร ได้รับรู้ว่านศ.เดี๋ยวนี้ก็จับคู่อยู่กันแล้ว สมัยก่อนมันก็มี แต่มันต้องหลบๆซ่อนๆ ปิดบังไม่ให้ใครรู้ คนรู้นี่เป็นที่นินทา เป็นที่อับอายขายขี้หน้า แต่ตอนนี้อะไร เปิดเผยเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน แถลงบอกทุกคนรู้ว่าอยู่ด้วยกัน เปิดเผยเล่าเรื่องบนเตียงให้เพื่อนฟัง แม้แต่คนที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ยังเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น...
ในพันทิป ก็จะมีกระทู้ลักษณะนี้เรื่อยๆ เคยเข้าไปอ่านคอมเม้น ยิ่งตกใจมาก เกิน 50% หรืออาจจะ 80% บอกเป็นเรื่องปกติ บอกไม่สนใจ
และยิ่งไปกว่านั้นอีก...
คือ คุณผู้ชายทั้งหลาย สมัยนี้เค้าไม่สนใจกันแล้วจ้าาาาาาา คุณผู้ชาย หลายคน มาคอมเม้นว่า ผมก็ไม่ได้แคร์หรอกว่าผู้หญิงจะผ่านอะไรมา!!! เห้ยยยย!
ถึงแม้ว่าโลกสังคมจะเป็นแบบนี้ แต่เราเคยพูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทใกล้ตัวหลายคน(คนสนิทกันก็มักจะนิสัยเหมือนกันเนอะ) ผู้หญิงหลายคนที่คุยด้วย ก็ยังมีความคิดแบบเดียวกับเรา เรายังคงรักษาสิ่งที่คิดว่ามีค่ามากที่สุด เพื่อคนที่คู่ควรมากที่สุดค่ะ
ในเมื่อเราเป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อแบบนี้ เราก็คาดหวังว่าเราก็จะเจอผู้ชายที่เป็นแบบเดียวกัน
ซึ่ง...
ก็เรื่มเครียด...
เห้ย ในเมื่อสังคมมันเป็นแบบนี้แล้ว แล้วผู้ชายดีๆที่เรารออยู่ละ จะมีมั้ย จะมีอยู่อีกหรอ? คนที่เค้าดูแลตัวเอง เพื่อรอเราคนเดียวเท่านั้น...
แต่...
อย่าลืมกฎของแรงดึงดูด...
ถ้าเราทำตัวดี เราก็จะได้เจอคนที่ดีๆค่ะ
วันนี้เรารู้แล้ว...
"เค้ามีตัวตนและปรากฎตัว"
อยากฝากบอกกับคุณผู้ชายทั้งหลาย คุณๆช่วยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ทุกวันนี้สังคมเป็นแบบนี้เพราะพวกเราช่วยกันสนับสนุนที่จะไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าผู้หญิงจะมีอดีดยังไง นี่ก็เป็นการสนับสนุนให้ผู้หญิงรู้สึกว่า ก็ในเมื่อผู้ชายเค้ายังไม่แคร์เลย แล้วชั้นแคร์ไปจะมีคุณค่าอะไรไว้สำหรับใคร
อันนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นความเชื่อและขนบธรรมเนียมของไทยที่ดีแต่โบราณ ยังช่วยในการป้องกันปัญหาสังคม เช่นปัญหาตั้งครรภ์ตั้งแต่วัยรุ่น ปัญหาคุณแม่ยังเด็ก ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งตามสถานสงเคราะห์ และปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ
ตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เกิดมาเลย คุณแม่จะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวตลอด สมัยเด็กๆ ช่วงนั้นมีข่าว โจรผู้ร้ายจับเด็กในโรงเรียน เอาขนมล่อพาไปข่มขืนบ้าง จับขึ้นรถตู้บ้าง ครูปล้ำเด็กบ้าง ตำรวจข่มขืนผู้ต้องหาก็มี คุณแม่จะคอยกังวลและสอนลูกสาวตลอดตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว คุณแม่บอกหมดเลย ให้ระวังผู้ชายจะแปลกหน้าก็ตามหรือรู้จักก็ตาม จะเป็นตำรวจก็ไว้ใจไม่ได้ จะเป็นครูก็ไว้ใจไม่ได้ ถ้ามีคุณครูผู้ชายเรียกหนูเข้าไปในห้องสองคน แล้วเอาอันนี้บอกให้หนูจับหรือให้หนูอม หนูห้ามทำนะ(อันนั้นแหละ) หนูต้องมาฟ้องแม่ หนูห้ามกลัวครูตี ห้ามกลัวตำรวจดุ ให้บอกแม่ทุกอย่าง แม่จะจัดการมันเอง ในสมัยนั้นผู้หญิงที่ถูกข่มขืน ถึงกับต้องฆ่าตัวตายไปหลายคน เพราะอับอาย อยู่ไม่ได้ในสังคม โดนข่มเหงศักดิ์ศรี และอยู่ไปก็ไม่มีผู้ชายคนไหนรับไปแต่งงานแล้ว เป็นที่จะต้องปิดบัง หลายคนถึงกับไม่แจ้งความ หลายคนปลิดชีวิตตัวเอง เพราะเครียด หาทางออก หาแสงสว่างในชีวิตไม่ได้อีกแล้ว
เราอยู่กับคำสอนของแม่แบบนี้มาตลอด ระมัดระวังตัวตั้งแต่เด็ก แม่ก็จะเหนื่อยมาก จะไปไหนแม่รับส่งไม่ห่างสายตา เข้าโรงเรียนคือเจอครู ออกจากโรงเรียนเจอแม่ ไปห้างเข้าห้องน้ำห้างยืนเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำ ไม่เคยไปค้างนอนบ้านเพื่อนเลย
บ้านเราไม่เคยสนับสนุนให้มีแฟน ไม่มีก็ดี ไม่แต่งงานก็ได้
แม่บอกว่าถ้ามีแฟน ห้ามมีอะไรกันเด็ดขาด ถ้าพลาดพลั้งไปแล้วเราจะเสียใจเหมือนตกนรกหมกไหม้ เพียงอารมณ์ชั่ววูบ เราจะเสียใจไปตลอดชีวิต
สิ่งที่เสียไปแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก ถ้าเสียตัวไปวันนี้ แล้วอนาคตเลิกกันละ? แล้วผู้ชายคนที่เค้าจะแต่งงานกับเราละ เค้าอยากจะรักเรา ต่อให้เราดีแค่ไหน เค้าก็จะมีปมตรงนี้ในใจ ไม่สามารถรักเราได้สุดหัวใจ
เราอยู่กับความเชื่อ และอยู่ในโลก(อาจจะโบราณกาลแล้วหรือป่าว) แบบนี้ มาตลอด...
จนกระทั่ง...
ไม่กี่ปีมานี้เอง เราก็ได้พบกับความจริงว่า สังคมที่เราอยู่ปัจจุบันนี้ กับสังคมที่เราเคยรู้จัก มันเปลี่ยนไปเร็วมากเหลือเกิน มากถึงขนาดกลับตาลปัตร ได้รับรู้ว่านศ.เดี๋ยวนี้ก็จับคู่อยู่กันแล้ว สมัยก่อนมันก็มี แต่มันต้องหลบๆซ่อนๆ ปิดบังไม่ให้ใครรู้ คนรู้นี่เป็นที่นินทา เป็นที่อับอายขายขี้หน้า แต่ตอนนี้อะไร เปิดเผยเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน แถลงบอกทุกคนรู้ว่าอยู่ด้วยกัน เปิดเผยเล่าเรื่องบนเตียงให้เพื่อนฟัง แม้แต่คนที่มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี ยังเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น...
ในพันทิป ก็จะมีกระทู้ลักษณะนี้เรื่อยๆ เคยเข้าไปอ่านคอมเม้น ยิ่งตกใจมาก เกิน 50% หรืออาจจะ 80% บอกเป็นเรื่องปกติ บอกไม่สนใจ
และยิ่งไปกว่านั้นอีก...
คือ คุณผู้ชายทั้งหลาย สมัยนี้เค้าไม่สนใจกันแล้วจ้าาาาาาา คุณผู้ชาย หลายคน มาคอมเม้นว่า ผมก็ไม่ได้แคร์หรอกว่าผู้หญิงจะผ่านอะไรมา!!! เห้ยยยย!
ถึงแม้ว่าโลกสังคมจะเป็นแบบนี้ แต่เราเคยพูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทใกล้ตัวหลายคน(คนสนิทกันก็มักจะนิสัยเหมือนกันเนอะ) ผู้หญิงหลายคนที่คุยด้วย ก็ยังมีความคิดแบบเดียวกับเรา เรายังคงรักษาสิ่งที่คิดว่ามีค่ามากที่สุด เพื่อคนที่คู่ควรมากที่สุดค่ะ
ในเมื่อเราเป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อแบบนี้ เราก็คาดหวังว่าเราก็จะเจอผู้ชายที่เป็นแบบเดียวกัน
ซึ่ง...
ก็เรื่มเครียด...
เห้ย ในเมื่อสังคมมันเป็นแบบนี้แล้ว แล้วผู้ชายดีๆที่เรารออยู่ละ จะมีมั้ย จะมีอยู่อีกหรอ? คนที่เค้าดูแลตัวเอง เพื่อรอเราคนเดียวเท่านั้น...
แต่...
อย่าลืมกฎของแรงดึงดูด...
ถ้าเราทำตัวดี เราก็จะได้เจอคนที่ดีๆค่ะ
วันนี้เรารู้แล้ว...
"เค้ามีตัวตนและปรากฎตัว"
อยากฝากบอกกับคุณผู้ชายทั้งหลาย คุณๆช่วยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ทุกวันนี้สังคมเป็นแบบนี้เพราะพวกเราช่วยกันสนับสนุนที่จะไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าผู้หญิงจะมีอดีดยังไง นี่ก็เป็นการสนับสนุนให้ผู้หญิงรู้สึกว่า ก็ในเมื่อผู้ชายเค้ายังไม่แคร์เลย แล้วชั้นแคร์ไปจะมีคุณค่าอะไรไว้สำหรับใคร
อันนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นความเชื่อและขนบธรรมเนียมของไทยที่ดีแต่โบราณ ยังช่วยในการป้องกันปัญหาสังคม เช่นปัญหาตั้งครรภ์ตั้งแต่วัยรุ่น ปัญหาคุณแม่ยังเด็ก ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งตามสถานสงเคราะห์ และปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
ดิฉัน 4x ปี เป็นลูกหลานคนจีนด้วย
เกิดมาก็ถูกปลูกผังว่า ผู้หญิงต้องทำตัวดี
ห้ามเสียตัวก่อนแต่ง จะโดนหาว่าใจง่าย
ห้ามท้องก่อนแต่ง ยิ่งเลิกกับผู้ชายด้วย จะโดนหาว่าท้องไม่มีพ่อ
เรียกว่าผู้หญิงถ้าเสียตัวแล้ว เลิกกับผู้ชาย แทบจะหมดคุณค่าเลยค่ะ
ผู้ชายเห่ ha อะไรก็พยายามทนซะ ดีกว่าเป็นหญิงหลายผัว
ซึ่งดิฉันไม่เห็นด้วยกับประเพณีพวกนี้ คนรักกันมีอะไรกันก่อนแต่ง
ต่อให้เลิกกัน ผู้หญิงก็ยังมีคุณค่าในตัวเอง
ส่วนผู้ชายก็อยากให้เลิกค่านิยมนี้เช่นกัน
มองสิ่งที่ผู้หญิงเป็นดีกว่า ซิงหรือไม่ซิง
เกิดมาก็ถูกปลูกผังว่า ผู้หญิงต้องทำตัวดี
ห้ามเสียตัวก่อนแต่ง จะโดนหาว่าใจง่าย
ห้ามท้องก่อนแต่ง ยิ่งเลิกกับผู้ชายด้วย จะโดนหาว่าท้องไม่มีพ่อ
เรียกว่าผู้หญิงถ้าเสียตัวแล้ว เลิกกับผู้ชาย แทบจะหมดคุณค่าเลยค่ะ
ผู้ชายเห่ ha อะไรก็พยายามทนซะ ดีกว่าเป็นหญิงหลายผัว
ซึ่งดิฉันไม่เห็นด้วยกับประเพณีพวกนี้ คนรักกันมีอะไรกันก่อนแต่ง
ต่อให้เลิกกัน ผู้หญิงก็ยังมีคุณค่าในตัวเอง
ส่วนผู้ชายก็อยากให้เลิกค่านิยมนี้เช่นกัน
มองสิ่งที่ผู้หญิงเป็นดีกว่า ซิงหรือไม่ซิง
ความคิดเห็นที่ 5
จริงๆ ก็ไม่ได้ถือนะ เพราะยังไงเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอีกฝ่าย เสียพรหมจรรย์หรือยัง
แต่สำหรับผม ผมก็เก็บพรหมจรรย์ไว้เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าได้แต่งงานกับคนที่เก็บไว้หลังจากแต่งงานเหมือนกัน ก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เพราะชีวิตหลังจากแต่งงาน เรื่อง sex ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรัก ความเข้าใจ ให้อภัย และอดทน มากกว่า
แต่สำหรับผม ผมก็เก็บพรหมจรรย์ไว้เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าได้แต่งงานกับคนที่เก็บไว้หลังจากแต่งงานเหมือนกัน ก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เพราะชีวิตหลังจากแต่งงาน เรื่อง sex ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรัก ความเข้าใจ ให้อภัย และอดทน มากกว่า
ความคิดเห็นที่ 10
ปัญหาเรื่องพรหมจรรย์ของผู้หญิง ไม่ว่าใครจะถืออย่างไร แต่ผลมันเกิดกับผู้หญิงคนนั้นเองเป็นส่วนใหญ่ มันมีผลมานานแล้ว จนกระทั่งเป็นความเชื่อในหลายสังคมมานาน อย่างที่เรียกกันว่าหัวโบราณนั่นเอง
การที่ผู้หญิงคนใดจะไม่ถือเรื่องนี้ ผู้ชายก็ชอบไป เพราะไม่ต้องฟังข้ออ้างโบราณๆ เรียกร้องได้เลยว่า ทีกับคนอื่นยังแจกจ่ายได้ มาคบหากับเขา เขาก็ต้องรับแจกด้วย สบายไป
แต่ผู้ตอบนั้นก็เห็นมาพอสมควร และในฐานะผู้ชายซึ่งอยู่ในสังคมผู้ชาย ก็เข้าใจทัศนะของผู้ชายอยู่บ้าง นี่หมายถึงชายไทยนะ ชายชาติอื่นก็ต้องถามเขาเอง ชายไทยส่วนใหญ่นั้นไม่ว่าปากจะว่าอย่างไร ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ถือเรื่องนี้ เป็นศักดิ์ศรีด้วย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองถือ จนเจอเข้าเองนั่นล่ะ จึงจะซึ้ง
อาจจะมีชายมาแย้งซึ่งก็รับคำแย้งทุกกรณี เรื่องนี้สาเหตุนั้นมันมี แต่เป็นทั้งเรื่อง จิตวิทยา อนาโตมี และโซเชียลเม้าท์ ซึ่งต้องคุยกันส่วนตั๊วส่วนตัว คุยออกสื่อไม่ได้
สาวใดหัวโบราณ และรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้จนแต่งงาน ก็ยินดีด้วย สาวใดหัวสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็ยินดีด้วย
เรื่องที่ตอบนี้ไม่เกี่ยวกับคุณค่าของคน คนเรามีคุณค่าได้ด้วยการกระทำ และเราทำอะไรก็ต้องรับผลของการกระทำนั้นเสมอ
การที่ผู้หญิงคนใดจะไม่ถือเรื่องนี้ ผู้ชายก็ชอบไป เพราะไม่ต้องฟังข้ออ้างโบราณๆ เรียกร้องได้เลยว่า ทีกับคนอื่นยังแจกจ่ายได้ มาคบหากับเขา เขาก็ต้องรับแจกด้วย สบายไป
แต่ผู้ตอบนั้นก็เห็นมาพอสมควร และในฐานะผู้ชายซึ่งอยู่ในสังคมผู้ชาย ก็เข้าใจทัศนะของผู้ชายอยู่บ้าง นี่หมายถึงชายไทยนะ ชายชาติอื่นก็ต้องถามเขาเอง ชายไทยส่วนใหญ่นั้นไม่ว่าปากจะว่าอย่างไร ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ถือเรื่องนี้ เป็นศักดิ์ศรีด้วย บางคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองถือ จนเจอเข้าเองนั่นล่ะ จึงจะซึ้ง
อาจจะมีชายมาแย้งซึ่งก็รับคำแย้งทุกกรณี เรื่องนี้สาเหตุนั้นมันมี แต่เป็นทั้งเรื่อง จิตวิทยา อนาโตมี และโซเชียลเม้าท์ ซึ่งต้องคุยกันส่วนตั๊วส่วนตัว คุยออกสื่อไม่ได้
สาวใดหัวโบราณ และรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้จนแต่งงาน ก็ยินดีด้วย สาวใดหัวสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็ยินดีด้วย
เรื่องที่ตอบนี้ไม่เกี่ยวกับคุณค่าของคน คนเรามีคุณค่าได้ด้วยการกระทำ และเราทำอะไรก็ต้องรับผลของการกระทำนั้นเสมอ
แสดงความคิดเห็น
ผู้หัวโบราณที่ถือเรื่องพรหมจรรย์คนยุคใหม่มองว่ายังไงคะ???