REVEW (ไม่สปอยล์)
JUSTICE LEAGUE
จริงๆคงต้องบอกว่า JUSTICE LEAGUE ไม่ใช่หนัง “ดี” แต่ดูแล้ว “บันเทิง” เป็นบ้า
สาเหตุสำคัญที่คนดูจะได้เห็นความ “ไม่เนี้ยบ” และแผลต่างๆตลอดทั้งเรื่องมาจากการเปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางคัน ทำให้บรรดาฉากบางช่วงบางตอนมีความไม่ต่อเนื่องเป็นเอกภาพ หรือหลายครั้งหนังเรื่องนี้ก็มีสภาพ “เป็นห้วงๆ” เหมือนเรานั่งดูทีวีซีรีส์
หนังมันสนุกขึ้นเพราะ หนังเลือกจะเข้าหาคนดูด้วยการใส่บรรดาฉากต่อสู้ วิธีการเดินเรื่องแบบรวดเร็วฉับไว รวมไปถึงการเลือกโทนหนังที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับ BvS ซึ่งความ “ตลก” ใน JS ยังคุมโทนหนังได้โอเคและไม่พยายามเปลี่ยนตัวละครไปจากเดิมที่เราเคยรู้จักแบบ Thor จนเหี้ยน
วิธีการเกลี่ยบทให้กับบรรดาตัวละคร ด้วยเวลาอันจำกัดจำเขี่ย 2 ชั่วโมงนั้น ส่งผลประการสำคัญมากให้บรรดาตัวละครใหม่ที่เราจะได้รู้จักพวกเขาครั้งแรกอย่าง ไซบอร์ก อควาแมน หรือ เดอะแฟลช รวมไปถึงตัวร้ายอย่างสตีเฟ่น วูลฟ์ ทุกอย่างจึงแบนราบเป็นหน้ากระดานไปหมด แต่ก็ทดแทนด้วยเสน่ห์ของบรรดานักแสดงที่ช่วยทำให้ตัวละครของพวกเขาไม่จมหายไปกับพล็อตเรื่อง
จะว่าไปสตีเฟ่น วูลฟ์น่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มตัวร้ายที่เห่ยหนักมากตัวหนึ่งเมื่อมาอยู่บนจอภาพยนตร์
หนังเรื่องนี้ผู้ชายถอดเสื้อโชวกล้ามกันหนักมาก โดยเฉพาะกล้ามของเจสัน โมมัวร์ ในบทอควาแมน อยากให้พี่แกเอาหอกมาเสียบ!!!!
รวมๆมันก็เป็นหนังที่ดูแล้วบันเทิงดี ส่วนตัวสนุกกว่า Thor Racknarok แต่ถามว่ามันเป็นหนังในกลุ่ม Cinematography ที่มีงานบท งานออกแบบ หรือกระทั่งงานถ่ายทำที่ดีหรือไม่ คงต้องว่าส่วนหลัง “เละเทะ” ไม่น้อยทีเดียว
จาก
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[SR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] JUSTICE LEAGUE อาจไม่ใช่หนังที่ดีแต่ดูแล้วบันเทิงเป็นบ้า
REVEW (ไม่สปอยล์)
JUSTICE LEAGUE
จริงๆคงต้องบอกว่า JUSTICE LEAGUE ไม่ใช่หนัง “ดี” แต่ดูแล้ว “บันเทิง” เป็นบ้า
สาเหตุสำคัญที่คนดูจะได้เห็นความ “ไม่เนี้ยบ” และแผลต่างๆตลอดทั้งเรื่องมาจากการเปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางคัน ทำให้บรรดาฉากบางช่วงบางตอนมีความไม่ต่อเนื่องเป็นเอกภาพ หรือหลายครั้งหนังเรื่องนี้ก็มีสภาพ “เป็นห้วงๆ” เหมือนเรานั่งดูทีวีซีรีส์
หนังมันสนุกขึ้นเพราะ หนังเลือกจะเข้าหาคนดูด้วยการใส่บรรดาฉากต่อสู้ วิธีการเดินเรื่องแบบรวดเร็วฉับไว รวมไปถึงการเลือกโทนหนังที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับ BvS ซึ่งความ “ตลก” ใน JS ยังคุมโทนหนังได้โอเคและไม่พยายามเปลี่ยนตัวละครไปจากเดิมที่เราเคยรู้จักแบบ Thor จนเหี้ยน
วิธีการเกลี่ยบทให้กับบรรดาตัวละคร ด้วยเวลาอันจำกัดจำเขี่ย 2 ชั่วโมงนั้น ส่งผลประการสำคัญมากให้บรรดาตัวละครใหม่ที่เราจะได้รู้จักพวกเขาครั้งแรกอย่าง ไซบอร์ก อควาแมน หรือ เดอะแฟลช รวมไปถึงตัวร้ายอย่างสตีเฟ่น วูลฟ์ ทุกอย่างจึงแบนราบเป็นหน้ากระดานไปหมด แต่ก็ทดแทนด้วยเสน่ห์ของบรรดานักแสดงที่ช่วยทำให้ตัวละครของพวกเขาไม่จมหายไปกับพล็อตเรื่อง
จะว่าไปสตีเฟ่น วูลฟ์น่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มตัวร้ายที่เห่ยหนักมากตัวหนึ่งเมื่อมาอยู่บนจอภาพยนตร์
หนังเรื่องนี้ผู้ชายถอดเสื้อโชวกล้ามกันหนักมาก โดยเฉพาะกล้ามของเจสัน โมมัวร์ ในบทอควาแมน อยากให้พี่แกเอาหอกมาเสียบ!!!!
รวมๆมันก็เป็นหนังที่ดูแล้วบันเทิงดี ส่วนตัวสนุกกว่า Thor Racknarok แต่ถามว่ามันเป็นหนังในกลุ่ม Cinematography ที่มีงานบท งานออกแบบ หรือกระทั่งงานถ่ายทำที่ดีหรือไม่ คงต้องว่าส่วนหลัง “เละเทะ” ไม่น้อยทีเดียว
จาก https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/