สวัสดีค่า! มิงกะละบา! สบายดี! ซัวสะเดย! ซินจ่าว! พอ!!!!!!
...................................................
แทบเรียกได้ว่า นี่เป็นการตั้งกระทู้แบบจริงจังครั้งแรก ไปเที่ยวมาก็หลายที่ แต่ครั้งนี้มีฟีลอยากมาแบ่งปันความสวยงามและความยังคง
วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านเรามาให้ทุกคนได้สัมผัสค่า เราอาจจะพร่ำเพ้อเยอะแยะเรื่อยเปื่อยแบบไม่จำเป็น 5555 แต่ก็ป่ะ....เริ่มเลย!
.
สาเหตุที่ทริปนี้โชคดี เพราะเริ่มต้นเราก็ได้ตั๋วราคาน่าเอ็นดูจากนกแอร์มา โชคดีขั้นที่ 1 ต่อมาเราก็ได้รับข่าวจากเพื่อนร่วมทางเราว่าเพื่อนที่เรียนอยู่พม่า จะให้พักด้วย รวมทั้งพาเที่ยวรอบๆย่างกุ้งด้วย อ่ะ...โชคดีขั้นที่ 2 ละ และแล้วก็ถึงเวลาเดินทาง จะบอกว่า เวลาที่พม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมงเน้อ ใช้เวลาในการบินก็ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง การเดินทางในครั้งนี้ เราไปช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 4 คืน 5 วัน ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จอยู่ที่ประมาณ 7000 ย่าง 8000 บาท รวมทุกอย่างตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก+กิน+เที่ยว+ซื้อของนิดหน่อย
โดยขอสรุปคร่าวๆประมาณนี้
ตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ 3100 บาท
ค่าที่พัก Royal Bagan Hotel ที่พุกาม 2 คืน คนละ 800 บาท
ค่าเที่ยว+กิน+ซื้อของอยู่ใน 3500 บาท
ค่าทริปเที่ยวรอบเมืองพุกามเป็นแบบ One day trip ประมาณ 500+ บาท ไม่เกิน 600 นะ
ขอหมายเหตุตัวโตๆเลย ในการแลกเงินไปพม่านั้น เงินไทยหรือเงินดอลล่าร์ที่ไปแลกที่นั่น เพื่อนห้ามพับ ห้ามยับ เด็ดขาด เพราะพม่าไม่รับแบงค์ที่ดูเหมือนว่าผ่านการใช้งานมาแล้ว เราต้องทำให้เรียบ ให้เหมือนยังไม่เคยใช้หน่าจ่า และการใช้เงินที่นี่แนะนำว่าให้แลกให้พอกับที่เราจะใช้ดีกว่าเน้อ เพราะแลกเกิน เวลาแลกคืนมันยากหน่อย
.
เริ่มต้นวันแรก ไฟลท์เราถึงประมาณสองทุ่มกว่าๆ เพื่อนของเพื่อนก็มารอรับที่สนามบิน ขอเรียกว่าเพื่อนแขกละกัน ความโชคดีชั้นที่ 3 ก็มา โดยที่เพื่อนแขกซื้อซิมส์การ์ดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ไปถึงถอดซิมส์ออก สมัครอินเตอร์เน็ตและใช้งานได้เลย แทบอยากจะกราบแบบธิเบตขอบคุณเพื่อนจริงๆค่ะ อินเตอร์เน็ตที่พม่า ความเร็วถือว่าเดาใจไม่ออก บางช่วงก็เร็ว บางช่วงก็ช้า แล้วแต่สถานที่ที่เราไป แต่รวมๆแล้ว ก็ไม่เลว อ้อ! เราใช้ของ Ooreedoo นะ ค่าซิมส์ประมาณ 80 บาท และก็ซื้อโปรโมชั่นเน็ต 6 GB อีก 180 กว่าบาท เล่นสบายๆได้ยันกลับอะ จากนั้น เพื่อนแขกก็โชว์สกิลภาษาพม่ากับแท็กซี่ จนคนขับแท็กซี่คิดว่าเป็นคนพม่า เออแหะ...คิดว่าเพื่อนประสบความสำเร็จกับการมาศึกษาเล่าเรียนที่นี่ละล่ะ TAXI แท็กซี่ที่นี่ยังไม่มีมิเตอร์อย่างเป็นทางการนะ ก็ต้องมีการต่อรองราคาปกติเลย แต่ถ้าบวกลบคูณหารระยะทาง กับจำนวนเงิน เราว่าราคาถือว่ายอมรับได้นะ ไม่แพงจนเกินไปในความคิดเรา โดยเพื่อนแขกก็เวลคัมเราแบบเป็นทางการ โดยพามา Vista Rooftop bar โดยบอกว่าที่เลือกที่นี่ เพราะจะได้ดูวิวเจดีย์ชเวดากองด้วย นี่ก็เริ่มจินตนาการละ ว่าจะเห็นแบบไหนหว่า
แทน แท่น แท้นนนนนน เอ้อ! สวยมากกกกก อากาศดี มีชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ พร้อมกับวิวเจดีย์ชเวดากองแบบสวยเด่นเป็นสง่า อยู่เบื้องหน้า ถือว่าเป็นการต้อนรับที่ประทับใจมาก เจดีย์สีทอง เปิดไฟตัดกับบรรยากาศตอนกลางคืน มันมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อจริงๆหน่า เสร็จมื้อค่ำไปอย่างสบายอุรา เข้าที่พักเตรียมลุยไปพุกามวันพรุ่งนี้ดีกว่า
...................................................
-------Aung Mingala Highway Station-------
เริ่มต้นวันที่ 2 นั่งรถแท็กซี่ไปส่งที่ บขส. ดู๊วววววววว อื้มหืมมมมมม จราจรหนาแน่นทุกหย่อมหญ้า บริษัทรถทัวร์น่าจะร้อยบริษัทอัพ เป็นท่ารถที่ใหญ่มาก คนก็เยอะมากเช่นเดียวกัน เช้านี้ เริ่มต้นด้วยการหลบร่องรอยแห่งอารยธรรม นั่นคือ น้ำหมาก เอ้อ! คนพม่าเค้านิยมเคี้ยวหมากกันมาก วัยรุ่นก็เริ่มเคี้ยวแล้วอะ ก็ต้องใช้สกิลการหลบนิดนิง เพราะเค้าจะคายทิ้งตอนไหนก็ได้เลยนะ อีกอย่างนึง เราก็ได้เห็นการนุ่งโสร่งของผู้ชายพม่าแบบจริงจังก็ตอนนี้ ยูนิฟอร์มหลักของผู้ชายที่นี่ก็นุ่งโสร่ง ซึ่งดูมีเอกลักษณ์มาก ถ้าเห็นการใส่โสร่งแบบนี้ ก็รู้เลยว่านี่แหละ ผู้บ่าวพม่า และเราก็มาถึงท่ารถบัส Famous นี่คือบริษัทที่เราใช้บริการไปพุกามในครั้งนี้ โดยรถจะออกประมาณ 8.00 น.
.
เรานั่งรถบัสเกือบ 10 ชม. มองไม่ผิดหรอก เกือบ 10 ชม จ้าาาาาาาา โอ้วแม่เจ้า กระดูกท่อนล่างล๊อคเป็นท่านั่งเอน ชนิดขยับทีเจ็บปวดรวดร้าวไปกระดองใจจริงๆ รถบัสที่นี่ก็มีการพักเหมือนรถบัสบ้านเรา พักให้ลงไปหาไรกิน เข้าห้องน้ำปกติ รวมทั้งหมด 2 รอบ ทางที่ดีเราแนะนำ หาขนมนมเนยขึ้นไปกินบนรถให้คุ้มเลยดีกว่า เรามาถึงพุกามตอนประมาณเกือบหกโมงเย็น เราได้เปลี่ยนแผนกับเพื่อนว่าจะยอมทิ้งที่พักอีกคืนนึง เพื่อเดินทางกลับย่างกุ้งพรุ่งนี้ตอนเย็นเลย พอไปถึงย่างกุ้งตอนเช้า เราจะได้เที่ยวในเมืองอีกเต็มๆวันไปเล้ยยยย เราก็เลยจัดการจองรถขากลับไปย่างกุ้ง โดยของบริษัท Famous เหมือนเดิม เราต้องขอแนะนำอีกว่า ถ้าเพื่อนๆอยากสบาย นอนเหยียดได้เต็มแม็กซ์ และเบาะกว้างมาก แนะนำให้นั่ง VIP เลยดีกว่า เสียประมาณ 25000 จ๊าด หรือประมาณ 600 กว่าบาท เพราะขามาพุกามเรานั่งแบบธรรมดา เราเลยเหมือนคนที่ต้องเดินหลังเอนตลอดเวลา 555555 ไม่เอาอีกแล้วววววว ยอมมมมม โดยเค้าจะมีบริการส่งรถ shuttle bus มารับที่โรงแรมเราเลย ไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่ไปท่ารถอีกเด้อออ ประหยัดเงินไปอีก แต่ก่อนจะเข้าไปในตัวเมืองพุกาม เราต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าเมืองอีก 25000 จ๊าด ก็ประมาณอีก 600 บาทนั่นแล แต่บัตรนี้ต้องเก็บไว้ดีๆนะ เพราะจะได้เข้าเที่ยวชมวัดและสถานที่ต่างๆฟรีจ้า
.
จากนั้น ก็ได้เวลาเข้าที่พัก เราพักที่โรงแรม
Royal Bagan Hotel ซึ่งอยู่ใน Old Bagan เข้าไปเช็คอินปกติ พนักงานที่นี่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดภาษาอังกฤษได้ พูดเก่งจนแนะนำเราได้ทริปโชคดีแบบ One day trip รอบพุกามให้ ในราคา 17 ดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทยก็ตก 570 กว่าบาท รวมไกด์ รถยนต์ และอาหารกลางวัน ซึ่งตรงนี้ เราคิดว่ามันคุ้มมากนะ สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวน้อยแบบเรา คือเราจะเที่ยวทั้งวันของพรุ่งนี้และกลับย่างกุ้งในตอนมืดเลย ซึ่งทริปนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 8.30 น. - 18.30 น. รถ Shuttle bus มารับตอน 19.30 น. เวลาเหมาะเจาะ เราเลยไม่รีรอในการตัดสินใจเลย เอ้อ! ทริปนี้เป็นทริปของโรงแรมเค้าจัดโปรโมชั่นไว้น่ะ สำหรับโรงแรมอื่นเราไม่แน่ใจเน้อ
...................................................
วันที่ 3 ไปลุยพุกามกันเลย เมืองพุกามจะแบ่งเขตเป็นประมาณนี้ คือจะมี Old Bagan, New Bagan, และก็ Nyaung U ซึ่งใกล้กับสนามบิน ซึ่งพวกเจดีย์และวัด จะอยู่ในเขต Old Bagan ซะส่วนใหญ่ เราออกจากที่พัก 8.30 น. ก็มีไกด์มาแนะนำตัว ชื่อพี่นี เป็นไกด์หนุ่มที่พูดภาษาอังกฤษค่อนข้างดี และค่อนข้างเข้าใจความบ้าถ่ายรูปของชะนีและตุ๊ดได้เป็นอย่างดี แต่ถึงเวลาเรียนเราก็เรียนเด้อออ ฟังประวัติฟังเรื่องเล่าของพี่นีได้อย่างขยันขันแข็ง เราขอโชว์ภาพแบบรวมๆ และจะใส่สถานที่ไว้บางรูปเน้อ เริ่มจากที่แรกที่พี่นีพาไปกันเลย
.
พระเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda)
พี่นีเล่าให้ฟังว่า ถ้าเปรียบเทียบย่างกุ้ง ที่มีเจดีย์ที่สำคัญคือ ชเวดากอง ที่พุกามก็จะเป็นที่นี่แหละ ชเวซิกอง โดยคำว่า Shwe (ชเว) แปลว่าทองคำ ทองไม่ทองก็ดูสีเลย อร่ามมมมม
.
ผู้คนจะสวดมนต์กันเยอะมาก
รอยยิ้มนี้ made my day จริงๆ
Htilominlo วิหารติโลมินโล
ออกมาด้านหลังวิหาร จะมีเจดีย์เล็กๆ ซึ่งสามารถปีนขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปจากวิหารและวิวใกล้เคียงได้ ทางขึ้นจะค่อนข้างเล็กมาก
แต่มุมนี้ถือว่าดีเลยแหละ เราขอตั้งชื่อรูปนี้ว่า The Lobster ดูเหมือนหนังคนโสดมาก
วัดอนันดา (Ananda temple)
เราคิดว่าวัดนี้คือเหมือนช้างเผือกเลย ตัววัดสีขาว สถาปัตยกรรมคือละเอียดและงามมาก ถ่ายมุมไหนก็งาม
น้องเล่นคนเดียว
ต่อไปมาที่พาร์ทอาหารกลางวันกันเลยดีกว่าค่ะ อยากรีวิวมากกกกกก หลังจากพี่นีพาทัวร์รอบเช้าหมดแล้ว ก็พามากินร้านนึง ซึ่งเป็นร้านรองรับนักท่องเที่ยวช่วงกลางวัน ซึ่งคนจะเยอะมาก อาหารก็จะนำมาเสิร์ฟประกอบด้วยกับข้าว 13 อย่าง เป็นถ้วยเล็ก และก็ข้าวเปล่า 1 โถ ผักอีก 1 จาน ไปค่ะ....พี่สุชาติ
อื้มหืมมมมม หลังจากที่ดูแต่ตามือยังไม่ต้อง มัน มัน มันทุกชาม TT อ่ะ อย่าเพิ่งตัดสินที่หน้าตา ลองชิมก่อน แผล่บ! อ๊อย...กินไม่ได้เลยค่ะ ขอโทษอยู่ในใจ คือเราพยายามมากๆแล้วนะ แบบกินได้มีแค่จานข้าวโพด และก็เหมือนแกงกระหรี่ไก่ กับหมู และก็ปลาทอด นอกนั้นคือน้ำมันสะสมมาก เค็มๆด้วยหน่อย คือเราคิดว่ามันคล้ายๆกับอาหารอินเดีย คือหนักเครื่องเทศ และมันสุด เป็นการกินอาหารที่รู้สึกผิดมาก เพราะเหลือเต็มชามแทบทุกภาคส่วน เดินออกจากร้านแบบตัวลีบๆ เผ่นค่ะ จบการรีวิวเรื่องอาหารค่ะ
.
เดี๋ยวมาต่อกับพุกามยามบ่ายต่อค่าา
2017: เมื่อพม่าทำให้เราอยากกลับไปอีก {ตอน โชคดีนี้ที่ย่างกุ้งและพุกาม}
วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านเรามาให้ทุกคนได้สัมผัสค่า เราอาจจะพร่ำเพ้อเยอะแยะเรื่อยเปื่อยแบบไม่จำเป็น 5555 แต่ก็ป่ะ....เริ่มเลย!
ตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ 3100 บาท
ค่าที่พัก Royal Bagan Hotel ที่พุกาม 2 คืน คนละ 800 บาท
ค่าเที่ยว+กิน+ซื้อของอยู่ใน 3500 บาท
ค่าทริปเที่ยวรอบเมืองพุกามเป็นแบบ One day trip ประมาณ 500+ บาท ไม่เกิน 600 นะ
ขอหมายเหตุตัวโตๆเลย ในการแลกเงินไปพม่านั้น เงินไทยหรือเงินดอลล่าร์ที่ไปแลกที่นั่น เพื่อนห้ามพับ ห้ามยับ เด็ดขาด เพราะพม่าไม่รับแบงค์ที่ดูเหมือนว่าผ่านการใช้งานมาแล้ว เราต้องทำให้เรียบ ให้เหมือนยังไม่เคยใช้หน่าจ่า และการใช้เงินที่นี่แนะนำว่าให้แลกให้พอกับที่เราจะใช้ดีกว่าเน้อ เพราะแลกเกิน เวลาแลกคืนมันยากหน่อย
.
พระเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda)
พี่นีเล่าให้ฟังว่า ถ้าเปรียบเทียบย่างกุ้ง ที่มีเจดีย์ที่สำคัญคือ ชเวดากอง ที่พุกามก็จะเป็นที่นี่แหละ ชเวซิกอง โดยคำว่า Shwe (ชเว) แปลว่าทองคำ ทองไม่ทองก็ดูสีเลย อร่ามมมมม
.
ผู้คนจะสวดมนต์กันเยอะมาก
รอยยิ้มนี้ made my day จริงๆ
Htilominlo วิหารติโลมินโล
ด้านนอกวิหารจะมีตลาดขายของพื้นเมืองด้วย มาทอผ้าให้ดูกันสดๆเลย
แต่มุมนี้ถือว่าดีเลยแหละ เราขอตั้งชื่อรูปนี้ว่า The Lobster ดูเหมือนหนังคนโสดมาก
วัดอนันดา (Ananda temple)
เราคิดว่าวัดนี้คือเหมือนช้างเผือกเลย ตัววัดสีขาว สถาปัตยกรรมคือละเอียดและงามมาก ถ่ายมุมไหนก็งาม
น้องเล่นคนเดียว
ต่อไปมาที่พาร์ทอาหารกลางวันกันเลยดีกว่าค่ะ อยากรีวิวมากกกกกก หลังจากพี่นีพาทัวร์รอบเช้าหมดแล้ว ก็พามากินร้านนึง ซึ่งเป็นร้านรองรับนักท่องเที่ยวช่วงกลางวัน ซึ่งคนจะเยอะมาก อาหารก็จะนำมาเสิร์ฟประกอบด้วยกับข้าว 13 อย่าง เป็นถ้วยเล็ก และก็ข้าวเปล่า 1 โถ ผักอีก 1 จาน ไปค่ะ....พี่สุชาติ
อื้มหืมมมมม หลังจากที่ดูแต่ตามือยังไม่ต้อง มัน มัน มันทุกชาม TT อ่ะ อย่าเพิ่งตัดสินที่หน้าตา ลองชิมก่อน แผล่บ! อ๊อย...กินไม่ได้เลยค่ะ ขอโทษอยู่ในใจ คือเราพยายามมากๆแล้วนะ แบบกินได้มีแค่จานข้าวโพด และก็เหมือนแกงกระหรี่ไก่ กับหมู และก็ปลาทอด นอกนั้นคือน้ำมันสะสมมาก เค็มๆด้วยหน่อย คือเราคิดว่ามันคล้ายๆกับอาหารอินเดีย คือหนักเครื่องเทศ และมันสุด เป็นการกินอาหารที่รู้สึกผิดมาก เพราะเหลือเต็มชามแทบทุกภาคส่วน เดินออกจากร้านแบบตัวลีบๆ เผ่นค่ะ จบการรีวิวเรื่องอาหารค่ะ
เดี๋ยวมาต่อกับพุกามยามบ่ายต่อค่าา