อา..แบบว่า "ปลด-ย้าย" ธัมมชโย ไม่ได้ คึกฤทธิ์-นาป่าพง ก็ไม่กล้าแตะ ก็แทบไม่มีงานอะไรให้ทำ เพราะทำไม่เป็น ไม่กล้าแม้แต่จะให้สัมภาษณ์นักข่าว ผิดจากสมัยแรกที่ "จรว. จ้อรายวัน" สุดท้าย นายพงศ์พร ก็หันมาเล่นเก้าอี้ดนตรีภายในสำนักพุทธฯ โชว์ออฟว่าตัวเองมีอำนาจ "กวาดพื้น" แถวๆ รอบเมือง แต่ภายในเมืองตัวจริงนั้นเว้นไว้ใหญ่บะเริ่มเทิ่ม เข้าตำรา "ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น" ยิ่งอยากเป็น แต่ทำไม่เป็น มันก็เป็นเรื่องหัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก สำหรับงานพระศาสนาในเวลานี้ มีกรณีเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าน่าจะไปได้ ก็คือ พงศ์พร สั่งตั้ง "พุทธะอิสระ" เป็นประธานที่ปรึกษา ผอ.พศ. ซะ จะได้จบข่าว เพราะไม่ต้องเสียเวลาให้คุณพุทธะอิสระวิ่งไปร้องเรียนที่โน่นที่นี่ให้จู้จี้หัวใจ เอาเข้ามานั่งบริหารกลางสำนักพุทธฯ นี่แหละ จะได้รู้ว่า..ไผเป็นไผ กล้าหรือไม่ล่ะ ?
วันก่อน พงศ์พร ไม่ยอมเข้าประชุม มส. แต่ทำหนังสือเวียนแจ้งให้กรรมการ มส. ทราบ จากนั้นก็รวบรัด "สรุปเป็นมติ" แล้วลงลายมือเซ็นประกาศเป็น "มติ มส. ครั้งพิเศษ" เสียเอง แบบว่าตั้งตัวเป็นผู้สำเร็จราชการงานพระศาสนาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยึดอำนาจศาสนา แต่ถามว่า ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่บวชมาเป็นสังฆราชเสียเลย พระสงฆ์ไทยอ่านลายเซ็นแล้วจะได้ไม่สงสัยในความบริสุทธิ์ของ..สมเด็จพระพงศ์พร !
เตมีย์ใบ้ยุคใหม่ !
วันนี้ นอกจากพงศ์พรจะสวมบท "พระเตมีย์ใบ้" ประจำพุทธมณฑลแล้ว ก็ยังไม่แคล้วคนตาบอด เพราะไม่รู้จะขับเคลื่อนงานพระศาสนาไปในทิศทางใด มืดไปแปดทิศ เพราะชั่วชีวิตเคยแต่ "อ่านหนังสือธรรมะ" แต่งานพระศาสนาซึ่งมีภารกิจมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการปกครอง ด้านการศึกษา ด้านการเผยแผ่ และสาธารณูปการ พงศ์พรไม่เคยเรียนรู้ เพราะไม่อยู่ในหนังสือธรรมะธัมโม แต่ทั้งหมดทั้งปวงมันอยู่ใน "หลักการบริหารพระศาสนา" แถมเมื่อสวมบทอันธพาล ระรานพระสงฆ์องค์เณรไปทั่วบ้านทั่วเมือง ถึงกับองค์กรพระสังฆาธิการแห่งประเทศไทย "ประกาศบอยคอต" ไม่ร่วมสังฆกรรม-ไม่เชิญไปร่วมงาน แบบว่าอารยะขัดขืน ก็ทำให้ไปไม่เป็น ไม่รู้จะจับงานอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็เลยหันไปย้ายเด็กๆ ในสำนักพุทธฯ นั่นแหละ แก้เซ็ง !
นี่แหละฮะ ที่โบราณว่า "ผลักมิตรให้เป็นศัตรู" หรือ "สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น" เพราะคิดจะเล่นบทพระเอกคนเดียว โดยไม่มองดูคนรอบข้างว่าไปกันได้หรือไม่ สุดท้ายงานพระศาสนาก็มาถึง "ทางตัน" ตันเพราะมีอำนาจ แต่ทำงานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น พงศ์พรเล่นเก้าอี้ดนตรีมา 2 รอบแล้ว ย้ายใหญ่ ย้ายใหญ่ กลัวว่าถ้าย้ายรอบสองแล้วยังไม่ไปไหน สุดท้ายอาจจะต้องสั่งย้าย..ตัวเอง !
ขอบคุณ
www.alittlebuddha.com
ย้ายปลายแถว ! พงศ์พรเล่นเก้าอี้ดนตรีรอบสอง สั่งย้าย พศจ.-นักวิชาการศาสนา อีก 15 ตำแหน่ง
อา..แบบว่า "ปลด-ย้าย" ธัมมชโย ไม่ได้ คึกฤทธิ์-นาป่าพง ก็ไม่กล้าแตะ ก็แทบไม่มีงานอะไรให้ทำ เพราะทำไม่เป็น ไม่กล้าแม้แต่จะให้สัมภาษณ์นักข่าว ผิดจากสมัยแรกที่ "จรว. จ้อรายวัน" สุดท้าย นายพงศ์พร ก็หันมาเล่นเก้าอี้ดนตรีภายในสำนักพุทธฯ โชว์ออฟว่าตัวเองมีอำนาจ "กวาดพื้น" แถวๆ รอบเมือง แต่ภายในเมืองตัวจริงนั้นเว้นไว้ใหญ่บะเริ่มเทิ่ม เข้าตำรา "ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น" ยิ่งอยากเป็น แต่ทำไม่เป็น มันก็เป็นเรื่องหัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก สำหรับงานพระศาสนาในเวลานี้ มีกรณีเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าน่าจะไปได้ ก็คือ พงศ์พร สั่งตั้ง "พุทธะอิสระ" เป็นประธานที่ปรึกษา ผอ.พศ. ซะ จะได้จบข่าว เพราะไม่ต้องเสียเวลาให้คุณพุทธะอิสระวิ่งไปร้องเรียนที่โน่นที่นี่ให้จู้จี้หัวใจ เอาเข้ามานั่งบริหารกลางสำนักพุทธฯ นี่แหละ จะได้รู้ว่า..ไผเป็นไผ กล้าหรือไม่ล่ะ ?
วันก่อน พงศ์พร ไม่ยอมเข้าประชุม มส. แต่ทำหนังสือเวียนแจ้งให้กรรมการ มส. ทราบ จากนั้นก็รวบรัด "สรุปเป็นมติ" แล้วลงลายมือเซ็นประกาศเป็น "มติ มส. ครั้งพิเศษ" เสียเอง แบบว่าตั้งตัวเป็นผู้สำเร็จราชการงานพระศาสนาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยึดอำนาจศาสนา แต่ถามว่า ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่บวชมาเป็นสังฆราชเสียเลย พระสงฆ์ไทยอ่านลายเซ็นแล้วจะได้ไม่สงสัยในความบริสุทธิ์ของ..สมเด็จพระพงศ์พร !
เตมีย์ใบ้ยุคใหม่ !
วันนี้ นอกจากพงศ์พรจะสวมบท "พระเตมีย์ใบ้" ประจำพุทธมณฑลแล้ว ก็ยังไม่แคล้วคนตาบอด เพราะไม่รู้จะขับเคลื่อนงานพระศาสนาไปในทิศทางใด มืดไปแปดทิศ เพราะชั่วชีวิตเคยแต่ "อ่านหนังสือธรรมะ" แต่งานพระศาสนาซึ่งมีภารกิจมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการปกครอง ด้านการศึกษา ด้านการเผยแผ่ และสาธารณูปการ พงศ์พรไม่เคยเรียนรู้ เพราะไม่อยู่ในหนังสือธรรมะธัมโม แต่ทั้งหมดทั้งปวงมันอยู่ใน "หลักการบริหารพระศาสนา" แถมเมื่อสวมบทอันธพาล ระรานพระสงฆ์องค์เณรไปทั่วบ้านทั่วเมือง ถึงกับองค์กรพระสังฆาธิการแห่งประเทศไทย "ประกาศบอยคอต" ไม่ร่วมสังฆกรรม-ไม่เชิญไปร่วมงาน แบบว่าอารยะขัดขืน ก็ทำให้ไปไม่เป็น ไม่รู้จะจับงานอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็เลยหันไปย้ายเด็กๆ ในสำนักพุทธฯ นั่นแหละ แก้เซ็ง !
นี่แหละฮะ ที่โบราณว่า "ผลักมิตรให้เป็นศัตรู" หรือ "สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น" เพราะคิดจะเล่นบทพระเอกคนเดียว โดยไม่มองดูคนรอบข้างว่าไปกันได้หรือไม่ สุดท้ายงานพระศาสนาก็มาถึง "ทางตัน" ตันเพราะมีอำนาจ แต่ทำงานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น พงศ์พรเล่นเก้าอี้ดนตรีมา 2 รอบแล้ว ย้ายใหญ่ ย้ายใหญ่ กลัวว่าถ้าย้ายรอบสองแล้วยังไม่ไปไหน สุดท้ายอาจจะต้องสั่งย้าย..ตัวเอง !
ขอบคุณ www.alittlebuddha.com