สวัสดีครับ ผู้อ่าน Pantip ทุกคน
วันนี้ผมขออนุญาตมารีวิวประสบการณ์และการใช้ชีวิตในการเรียนต่อที่ฮ่องกง หลายๆ คนเมื่อคิดถึงฮ่องกงแล้วมักจะนึกถึงภาษาจีนกวางตุ้งหรือภาษาจีนกลาง
หรือนึกถึงย่านท่องเที่ยวเช่น จิมซาโจ่ย มงก๊ก ว่านจ๋าย หรือ Central แต่จริงๆแล้วฮ่องกงยังมีดีด้านการศึกษา โดยการศึกษาที่นี่ไม่ได้เรียนเหมือนในจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland China) และตัวผมเองก็พูดทั้งภาษาจีนกลางและภาษากวางตุ้งไม่ได้เลย ปัจจุบันใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารล้วนๆ
แนะนำมหาวิทยาลัย
The University of Hong Kong หรือ HKU เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮ่องกง เป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกที่ตั้งในปี 1911 การเดินทางเพื่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสามารถนั่ง MTR Island Line ไปลงที่สถานี HKU และออกทาง Exit A (ยกเว้นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพจะอยู่อีก Campus) ลักษณะเด่นของมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่เห็นทั้งวิวภูเขาจากทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย และวิวทะเลจากด้านหน้าของมหาวิทยาลัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้วิวทั้งสองด้านค่อนข้างชัดเจน ด้านชื่อเสียง Ranking ลำดับที่ 26 ของโลกตาม QS Ranking (2018) และลำดับที่ 40 ตาม Times Higher Education (2018)
ข้อมูลการเรียนเบื้องต้น
การเรียนปริญญาโทผมขออนุญาตพูดถึงเฉพาะมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นะครับ หากคุณเรียน MSc/ MA / MEd ในฮ่องกง จะใช้ระยะเวลาเรียน 1 ปี เช่นเดียวกันกับประเทศอังกฤษ สำหรับการเรียนการสอนทุกวิชาใน The University of Hong Kong จะใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ยกเว้นสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีน ที่อาจจะใช้ Cantonese หรือ Mandarin แต่เขาจะบอกล่วงหน้าเสมอ แต่หากไม่ได้มาเรียนสาขาเกี่ยวข้องกับภาษาจีนก็มั่นใจได้เลยครับ ว่าคุณได้พูดภาษาอังกฤษแน่นอน
อีกสายนึง คือ MPhill หรือ Master of Philosophy หลักสูตรเหล่านี้จะใช้ระยะเวลาเรียนทั้งหมด 2 ปี แบบ Full-time ซึ่งจะเน้นการทำวิจัย เรียนเพียงไม่กี่คอร์ส
การสมัครเรียน
สำหรับการเรียนต่อในฮ่องกง ตามประสบการณ์ของผม ผมสมัครเองผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย โดยการส่งเอกสารไปที่มหาวิทยาลัยจะมีขั้นตอนในเว็บไซต์ที่ชัดเจน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าเราจะส่งเอกสารไม่ครบ หลักๆ จะมีใบเกรด คะแนน IELTS หรือ TOEFL และ Statement of Purpose บางสาขาอาจจะขอ Recommendation Letter (ตรงนี้ขอเน้นว่าจะต้องมีคะแนนสอบ TOEFL และ IELTS ก่อนส่งใบสมัครเพราะมหาลัยจะไม่รับพิจารณา)
ในกรณีของผมนะครับ หลังจากส่งใบสมัครไปถึงฮ่องกงแล้ว หากคุณจบมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างโอเค เกรดดีพอสมควร เขาจะเรียกสอบสัมภาษณ์ผ่าน Skype ซึ่งเท่าที่ถามมาความยากง่ายของการสัมภาษณ์ที่นี่จะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการในแต่ละชุด ของผมถือว่าไม่ยากนัก เพราะเป็นการวัดความรู้พื้นฐานว่าเรามีความรู้เพียงพอที่จะเรียนที่มหาลัยแห่งนี้ได้ไหม (ผมรู้สึกว่าความยากง่ายจะขึ้นอยู่กับเกรดและมหาลัยที่คุณจบมาด้วย เพราะเพื่อนบางคนเจอคำถามที่ยากมากเหมือนกัน)
หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จก็ใช้ระยะเวลารอผลไม่เกิน 1 อาทิตย์ จากนั้นก็จะมี E-Mail เพื่อยืนยันว่าเราได้ที่นี่แล้ว จากนั้นเราจะมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการตัดสินใจ (ไม่เกิน 2 อาทิตย์) ว่าเราเลือกจะเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้หรือไม่
การสมัคร VISA
สมัคร VISA ของฮ่องกงนับว่าเป็นการสมัครที่ค่อนข้างง่ายที่สุดแล้ว ไม่ถามปัญหาสุขภาพสักคำ ทำตามหลักฐานที่เขาส่งไป แล้วรอไปยาวๆ 6 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็จะมีวีซ่าเพื่อใช้เรียนที่ฮ่องกงเป็นเวลา 1 ปี อ่อ! จะมีความวุ่นวายเล็กๆ หลังจากมาถึงนะครับ เพราะต้องไปทำ HKID Card เพื่อถือไปมาในฮ่องกง คล้ายๆ บัตรประชาชนในบ้านเรานั่นแหละครับ
การเปิดปิดเทอม
ที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคเรียนครับ ภาคเรียนที่ 1 ช่วงกันยายนถึงธันวาคม ภาคเรียนที่ 2 มกราคมถึงพฤษภาคม และภาคฤดูร้อน มิถุนายนถึงสิงหาคม ครับ
เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตที่นี่นะครับ สำหรับกระทู้นี้หากผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยด้วยนะครับ
[รีวิว] ประสบการณ์เรียนต่อปริญญาโท ที่ The University of Hong Kong (HKU)
วันนี้ผมขออนุญาตมารีวิวประสบการณ์และการใช้ชีวิตในการเรียนต่อที่ฮ่องกง หลายๆ คนเมื่อคิดถึงฮ่องกงแล้วมักจะนึกถึงภาษาจีนกวางตุ้งหรือภาษาจีนกลาง
หรือนึกถึงย่านท่องเที่ยวเช่น จิมซาโจ่ย มงก๊ก ว่านจ๋าย หรือ Central แต่จริงๆแล้วฮ่องกงยังมีดีด้านการศึกษา โดยการศึกษาที่นี่ไม่ได้เรียนเหมือนในจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland China) และตัวผมเองก็พูดทั้งภาษาจีนกลางและภาษากวางตุ้งไม่ได้เลย ปัจจุบันใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารล้วนๆ
แนะนำมหาวิทยาลัย
The University of Hong Kong หรือ HKU เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะฮ่องกง เป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกที่ตั้งในปี 1911 การเดินทางเพื่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสามารถนั่ง MTR Island Line ไปลงที่สถานี HKU และออกทาง Exit A (ยกเว้นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพจะอยู่อีก Campus) ลักษณะเด่นของมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่เห็นทั้งวิวภูเขาจากทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย และวิวทะเลจากด้านหน้าของมหาวิทยาลัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้วิวทั้งสองด้านค่อนข้างชัดเจน ด้านชื่อเสียง Ranking ลำดับที่ 26 ของโลกตาม QS Ranking (2018) และลำดับที่ 40 ตาม Times Higher Education (2018)
ข้อมูลการเรียนเบื้องต้น
การเรียนปริญญาโทผมขออนุญาตพูดถึงเฉพาะมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นะครับ หากคุณเรียน MSc/ MA / MEd ในฮ่องกง จะใช้ระยะเวลาเรียน 1 ปี เช่นเดียวกันกับประเทศอังกฤษ สำหรับการเรียนการสอนทุกวิชาใน The University of Hong Kong จะใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ยกเว้นสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีน ที่อาจจะใช้ Cantonese หรือ Mandarin แต่เขาจะบอกล่วงหน้าเสมอ แต่หากไม่ได้มาเรียนสาขาเกี่ยวข้องกับภาษาจีนก็มั่นใจได้เลยครับ ว่าคุณได้พูดภาษาอังกฤษแน่นอน
อีกสายนึง คือ MPhill หรือ Master of Philosophy หลักสูตรเหล่านี้จะใช้ระยะเวลาเรียนทั้งหมด 2 ปี แบบ Full-time ซึ่งจะเน้นการทำวิจัย เรียนเพียงไม่กี่คอร์ส
การสมัครเรียน
สำหรับการเรียนต่อในฮ่องกง ตามประสบการณ์ของผม ผมสมัครเองผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย โดยการส่งเอกสารไปที่มหาวิทยาลัยจะมีขั้นตอนในเว็บไซต์ที่ชัดเจน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าเราจะส่งเอกสารไม่ครบ หลักๆ จะมีใบเกรด คะแนน IELTS หรือ TOEFL และ Statement of Purpose บางสาขาอาจจะขอ Recommendation Letter (ตรงนี้ขอเน้นว่าจะต้องมีคะแนนสอบ TOEFL และ IELTS ก่อนส่งใบสมัครเพราะมหาลัยจะไม่รับพิจารณา)
ในกรณีของผมนะครับ หลังจากส่งใบสมัครไปถึงฮ่องกงแล้ว หากคุณจบมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างโอเค เกรดดีพอสมควร เขาจะเรียกสอบสัมภาษณ์ผ่าน Skype ซึ่งเท่าที่ถามมาความยากง่ายของการสัมภาษณ์ที่นี่จะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการในแต่ละชุด ของผมถือว่าไม่ยากนัก เพราะเป็นการวัดความรู้พื้นฐานว่าเรามีความรู้เพียงพอที่จะเรียนที่มหาลัยแห่งนี้ได้ไหม (ผมรู้สึกว่าความยากง่ายจะขึ้นอยู่กับเกรดและมหาลัยที่คุณจบมาด้วย เพราะเพื่อนบางคนเจอคำถามที่ยากมากเหมือนกัน)
หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จก็ใช้ระยะเวลารอผลไม่เกิน 1 อาทิตย์ จากนั้นก็จะมี E-Mail เพื่อยืนยันว่าเราได้ที่นี่แล้ว จากนั้นเราจะมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการตัดสินใจ (ไม่เกิน 2 อาทิตย์) ว่าเราเลือกจะเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้หรือไม่
การสมัคร VISA
สมัคร VISA ของฮ่องกงนับว่าเป็นการสมัครที่ค่อนข้างง่ายที่สุดแล้ว ไม่ถามปัญหาสุขภาพสักคำ ทำตามหลักฐานที่เขาส่งไป แล้วรอไปยาวๆ 6 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็จะมีวีซ่าเพื่อใช้เรียนที่ฮ่องกงเป็นเวลา 1 ปี อ่อ! จะมีความวุ่นวายเล็กๆ หลังจากมาถึงนะครับ เพราะต้องไปทำ HKID Card เพื่อถือไปมาในฮ่องกง คล้ายๆ บัตรประชาชนในบ้านเรานั่นแหละครับ
การเปิดปิดเทอม
ที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคเรียนครับ ภาคเรียนที่ 1 ช่วงกันยายนถึงธันวาคม ภาคเรียนที่ 2 มกราคมถึงพฤษภาคม และภาคฤดูร้อน มิถุนายนถึงสิงหาคม ครับ
เดี๋ยวครั้งหน้าจะมารีวิวประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตที่นี่นะครับ สำหรับกระทู้นี้หากผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยด้วยนะครับ