[CR] (CR) Review ประสบการณ์เข้าร้านทำผมที่ญี่ปุ่น (Tokyo) แบบไม่มีโปรโมชั่น อยากทำ ทำเลย!

ร้าน emu・zestgroup สาขา 八王子 (เป็นร้านในเครือ ZEST : Website ของร้าน Emu)
ช่าง : Kato Miyuki
สรุปแบบย่อ : แพงแต่ดีมากๆ ¥¥¥
ควรพูดภาษาญี่ปุ่นได้!!*** (ไม่งั้นก็พกคนที่พูดได้ไปด้วยซะ!)
ทำนานมาก ควรกินข้าวไปก่อน555
นัดล่วงหน้าถ้าอยากเลือกช่าง (นัดในเว็บได้)
อย่างก!

-------------
สวัสดีค่ะ เปิดกระทู้แรกด้วยการยืมไอดีเพื่อน เพราะจะรอไอดีตัวเองยืนยันตัวตนก็ไม่ทันใจ กลัวจะลืมซะก่อน (วิถีชะนีใจร้อน)  ตอนแรกจะรีวิวในFBตัวเองอย่างเดียวแต่ไปๆมาๆ ทำซะละเอียดขนาดนี้ ลงพันทิปดีกว่า พีอาร์ร้านไปในด้วย555(ถามว่าได้เงินไหม ก็ไม่ค่ะ555)

สาเหตุที่ต้องมาทำผมไกลถึงญี่ปุ่นเพราะได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โตเกียวค่ะ ไม่ได้เกิดอินดี้อยากบินมาทำผมแล้วบินกลับแต่อย่างใด ครั้งนี้เป็นการรีวิวทำผมในซาลอนเจแปนแบบไม่มีโปรโมชั่นใดๆทั้งสิ้น เป็นแบบอยากทำก็จองวันนี้อีกสองวันทำเลย 555

สภาพผมเบื้องต้นคือเป็นผมสั้นประบ่าที่พังพินาจตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว ผลจากการดัดราคาถูกที่ร้านทำผมในมหาลัย ผลคือผมพังแบบแห้งมาก ไม่เป็นทรงและเด้งตลอดเวลา ยิ่งเป็นผมสั้นยิ่งเด้งแบบ โอ๊ยยย คิดออกม่ะ เวลาผมสั้นแห้งๆไม่มีน้ำหนักอ่ะ แม่เอ๊ย นึกว่านาเนีย ยิ่งมาญี่ปุ่นอากาศแห้งผมยิ่งแห้ง แล้วพอมันเริ่มยาวแล้วคือยิ่งแย่ หวีก็แล้วใส่น้ำมันก็แล้วก็ยังยุ่งยังฟู จน..โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ไป ไปทำผม!! ก็เข้าเว็บหาวันนั้นเลย(เข้ากูเกิ้ลนี่แหละจ้า) ปรากฏเจอคนไทยรีวิว ร้านemu・zestgroupที่Hachioji พอดี พี่เค้าไปทำสีตอนมีโปรโมชั่นแล้วรีวิวว่าดีมากๆ ช่างโอเค พยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ นี่เห็นว่าแบบเห้ย เป็นเมืองที่เราอยู่พอดี ลุยย เข้าเว็บร้านเลยจ้า

สภาพผมก่อนไปทำค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เข้าเว็บของร้าน >> emu.web-zest.co.jp เข้าไปปุ้ป เงิบไปสิบวินาที ใช่ค่ะทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น ฮืออ พอกดปุ่มจองก็จะมีโปรแกรมให้เลือกว่าเราจะทำอะไรๆบ้างขึ้นมาให้เลือก อันไหนไม่เกตก็เปิดกูเกิ้ลกันไปนะจ๊ะ ศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับผมเยอะมากๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นการทับศัพท์ที่ไม่ได้เดายากเท่าไร ในเว็บส่วนใหญ่มันจะเป็นคอร์สมาว่า คอร์สตัดเท่าไร คอร์สตัด+ทำสีเท่าไร คอร์สอะไรๆ เท่าไรๆ ที่จริงเลือกแบบแยกก็ได้แต่แพงกว่ามากๆ (เกือบ5000เยนอ่ะบางที เลือกคอร์สเถอะ) **ถ้าเป็นนักเรียนบางทีมีโปรโมชั่นนักเรียนอีกค่า (แต่อย่าลืมพกบัตรนักเรียนไปด้วยล่ะ เค้าตรวจนะ เนียนไม่ได้นะเธอ)
*ณ จุดนี้เตือนว่าก่อนทำต้องAnalyze ตัวเองก่อนนิดหนึ่งนะว่าอยากทำอะไร แล้วจิ้มเลือกให้ถูก ไม่ใช่แบบจิ้มมั่วแล้วกะไปบอกช่างเอาหน้างานว่าทำนี่ๆ จะลดจะเพิ่มเองหน้างานไม่ได้เด้อ หรือกะจะแบบดูหัวหนูแล้วตามใจช่างเลยค่ะ อะไรแบบนี้ ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ ที่ญี่ปุ่นจองเท่าไร ทำเท่านั้นจีๆค่ะ และราคาแต่ละโปรแกรมมันต่างกัน เวลาทำก็ต่างกันด้วย
    
เราจิ้มคอร์ส 10,000 เยน ตัด+ย้อม+ทรีทเม้นท์มา ซึ่งแพงไหม แพง (แต่คุ้มมาก เหมือนได้หัวใหม่อ่ะ5555) ตอนจองเราโดนแขวะเยอะมากว่าแบบรวยเนอะ มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแต่มีเงินเหลือใช้เอาไปทำผมสวยๆ หยุดค่ะ ไม่ฟัง เรามีประสบการณ์จากเมืองไทยแล้วว่า จะทำทั้งทีอ่ะ อย่างก!!! เราไม่ได้ทำผมตัดผมกันบ่อยๆ อย่างน้อยสุดก็4-5เดือนครั้ง แล้วยิ่งผมสั้นอ่ะ เสียแล้วแก้ไม่ได้ !! จะทำก็ทำดีๆไปเลย เชื่อเรา อย่างก55555

หลังจากเลือกคอร์สก็จะเป็นเลือกเวลาเลือกวัน(จอล่วงหน้าอย่างน้อยสองวันนะ) และเลือกช่าง ช่างเก่งๆมีประสบการณ์จะบวกค่าฝีมือเข้าไปอีกประมาณ500-1000เยน ส่วนช่างเด็กๆไม่มีบวกค่าฝีมือ ถามว่าเราเลือกเพิ่มไหม เลือกค่ะ !! เราเลือกคุณ Kato Miyuki เป็นช่างมือ2ของร้าน ประสบการณ์15ปี เชี่ยวชาญด้านผมสั้นโดยเฉพาะ!! บวกเพิ่มไป1000เยน ในใจคือชั้นเสียค่าคอร์ส10,000เยน ชั้นจะเสียเพิ่มอีกสักพันเยนจะเป็นอะไรไปยะ (หน้ามืด55555)

พอถึงวันทำผม เรานัดช่างไว้เวลา12:30น. ไปถึงร้านประมาณ12:25น. พี่คะ คือร้านเล็กมากกกก 1ห้องคูหาแคบๆในร้านวุ่นวายมากๆ ก็เริ่มกลัวล่ะ ไปคนเดียวด้วย ภาษาญี่ปุ่นชั้นก็ไม่แข็งแรง กรี๊ดดดด เอ๋อๆอยู่สักพัก มีคนหันมาเห็น เราเลยบอกว่าจองไว้แล้วค่ะ เค้าก็จะถามว่ามาครั้งแรกหรือเปล่า ถ้าใช่เค้าจะให้กรอกใบสมัครสมาชิก(ฟรีนะจ๊ะ) แล้วให้กรอกข้อมูลนิดหน่อยเกี่ยวกับทั้งตัวเราและผมเราประมาณวันนี้จะทำอะไร คล้ายที่กรอกไว้แล้วในเว็บนั่นแหละ หน้าซีดเลยตอนเห็นใบที่เค้าให้กรอก คันจิมาเต็มมากๆ555 จากนั้นช่างจะขอเสื้อโค้ทกับสัมภาระเราไปเก็บค่ะ และให้กระเป๋าเล็กๆของร้านมาไว้ให้เราใส่ของที่จะพกติดตัว แล้วช่างที่เราจองไว้ คือคุณ Miyuki จะมาแนะนำตัวแล้วเชิญเราไปนั่งที่โต๊ะทำผมค่ะ

บรรยากาศร้าน ถ่ายรูปมาน้อยขออภัยนะคะ

และแล้ว...ความหายนะที่บอกว่าทำไมภาษาญี่ปุ่นสำคัญ ep.1 เดินทางมาถึงแล้ว5555 ก่อนเริ่ม ช่างจะมาคุยกับเราก่อนว่าเราต้องการผมแบบไหน สภาพผมเราตอนนี้เป็นยังไง มีแบบผมที่อยากได้ไหม มีสีที่ต้องการไหม อย่างเราเขียนไปในตอนจองว่าผมเราไปดัดมา ตอนนี้ผมเสีย เราอยากเอาผมที่เสียออก ช่างก็วิเคราะห์ผมเราทีละส่วนเลยว่าตรงไหนเสีย เสียถึงตรงไหน ควรทำทรงไหนผมเสียจากการดัดถึงจะหมดไป แล้วก็ถามเราว่ามีแบบที่อยากได้ไหม..เราก็เอารูปที่เราต้องการให้ดู ซึ่งเราหาไปเยอะมากๆ เพราะเราก็อยากให้ช่างดูด้วยว่าทรงทีเราชอบมันเข้ากับหน้าเราไหม ซึ่งช่างช่วยเลือกและแนะนำดีมาก อย่างบางทรง ผมเรามันทำไม่ได้เว้ยแก หรือบางทรงมันก็ไม่เข้ากับหน้าเรานะ ช่างก็ช่วยหาแบบผมเพิ่ม หาหนังสือแบบมาเปิดๆ กองเต็มหน้าเลยค่ะ สุดท้ายเปิดไปเจอทรงหนึ่งช่างแนะนำว่าคิดว่าน่าจะเข้ากับเรา ถูกใจมาก กรี๊ดเลย เอาทรงนี้ค่ะ!  ซึ่งสุดท้ายมันก็ไม่ใช่ทรงที่เราเตรียมไปเลยนะ555 ยิ่งเราทำสีด้วย ตอนแรกอยากได้สีน้ำตาลประกายชมพู ช่างก็แนะนำสีเพิ่มว่ามันอาจจะสว่างไป ถ้าผมเรายาวขึ้นมันจะเห็นชัดเจน ช่างเห็นว่าเราเป็นนักเรียน ไม่อยากให้เข้าร้านทำผมบ่อยๆ เขารู้ว่ามันแพง ลองเอาเป็นสีนี้ๆไหม เอาชาร์ตสีจากทุกสารทิศมาให้เลือก จนเราได้สีใหม่ที่ถูกใจกว่าสีเดิมอีก เป็นสีน้ำตาลทับทิมเข้มลงมา ปลื้มความใส่ใจเล็กๆมาก ประทับใจ

แบบผมที่เราเลือกค่ะ เดี๋ยวมาดูกันว่าเหมือนไหม

ตรงจุดนี้แหละที่เราว่าภาษาสำคัญ ช่างจะพยายามสื่อสารกับเราว่า ทรงนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะสภาพผมของแบบ หรือการเซต คือช่างจะพยายามเลือกทรงที่ทั้งเราชอบและมันเข้ากับเราด้วย อย่างช่างของเรานางมีคติคือ “สัญญาว่าจะดึงความน่ารักของคุณลูกค้าออกมาให้ได้มากที่สุดค่ะ!!”  แต่ถ้าเราสื่อสารกันไม่ได้ มันก็ยากที่จะได้สิ่งที่ลูกค้าและช่างโอเค เราถึงว่าภาษามันสำคัญนะ ด้วยความที่เป็นผมผู้หญิงด้วยแหละ ต้องพิถีพิถันถูกไหม

ระหว่างคุยกันเราก็ถามคุณmiyuki ระหว่างทำผมนะคะว่า “ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ จะสามารถเข้ามาทำผมได้ไหม ?” คำตอบจากช่างคือ ได้ค่ะ แต่ควรพาคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นมาด้วยดีกว่านะคะ เหตุผลก็คล้ายเราคิดค่ะ คือช่างก็อยากจะให้สิ่งตรงตามความต้องการลูกค้าที่สุด และอยากให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจและมีความสุขที่ได้มีทรงผมสวยๆ  “การทำให้ลูกค้าน่ารักขึ้นเป็นงานของฉันค่ะ ก็ช่างทำผมน่ะ เป็นอาชีพที่สร้างความสุขนี่คะ” คุณMiyuki เธอว่ามาอย่างนี้ค่ะ

ขั้นแรกเชิญไปสระผมก่อน ที่ร้านทำผมญี่ปุ่นจะมีกระดาษสีขาวๆมาแปะหน้า ค่ะ...นี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะที่บอกว่าทำไมภาษาญี่ปุ่นสำคัญ ep.2 ช่างญี่ปุ่นนางจะไม่ยอมให้ลูกค้าเงียบค่ะ เห้ยเอาจริงๆเราว่ามันเหมือนฟิลร้านตัดผมเมืองไทยแบบโลคอลมากนะ ที่แบบสระผมไปก็เม้าส์กับเจ๊ช่างไปด้วย อ่ะ ตะโกนเม้าส์กันข้ามเตียง คุยกับช่างสระโต๊ะข้างๆ อันนี้ไม่รู้นะว่าเป็นทั่วญี่ปุ่นไหม แต่ร้านเราเหมือนเป็นร้านที่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรขนาดนั้นอ่ะ(ถ้าเทียบกับร้านญี่ปุ่นร้านอื่นๆนะ) เป็นร้านสาขาเล็กๆของร้านใหญ่ เรียกว่าเป็นญี่ปุ่นโลคอลก็ได้555 บรรยากาศก็นั่นแหละ นึกถึงหนังเรื่องแฟนฉันฉากแม่เจี๊ยบคุยกับแม่น้อยหน่าในร้านทำผม แบบนั้นเลย555 ถามว่าดิฉันทำยังไงคะ? ค่ะ ก็เม้าส์กับช่างไปด้วยน่ะแหละ เพราะจะไม่รอช่างถามก่อน เพราะเราฟังเค้าถามไม่ค่อยออก เราเลยเป็นฝ่ายถามแทน พ่าม!!

สระเสร็จก็ไปเตรียมตัดผม สิ่งที่ประทับใจคือ เราเป็นคนสายตาสั้นมากๆ และใส่แว่นไป ปกติตัดผมที่เมืองไทยจะต้องถอดแว่นแล้วคือจะมองไม่เห็นอะไรเลย รู้สภาพหัวอีกทีตอนตัดเสร็จ เห้ยยยย แต่ที่นี่ใส่แว่นตัดผมได้อ่า ช่างถามเราว่าปกติใส่หรือถอดแว่น เราก็บอกว่าใส่ เค้าบอกงั้นใส่เลยค่ะ จะได้รู้ว่าเป็นยังไง แล้วคุณ Miyuki เราก็จัดการหยิบกรรไกรมาตัดผมเราค่ะ ซึ่งงงง มีกรรไกรเป็นสิบอันเหน็บอยู่ที่เอวเจ๊อ่ะ แล้วนางก็สะกิดทีละหน่อยๆ อ่ะ แปปๆเปลี่ยนกรรไกร สะกิดผมออกหน่อย เปลี่ยนกรรไกร ระหว่างทำก็ชวนคุยไปด้วย ซึ่งช่างเราตัดแปปเดียวก็เป็นทรงล่ะ นางหยุด บอกไปค่ะ ต่อไปจะย้อม แล้วเดี๋ยวขั้นสุดท้ายมาตัดอีกรอบนะคะ
    
มาถึงการย้อมผม ยาย้อมผมญี่ปุ่นดีแฮะ ไม่เหม็นเลย ไม่มีกลิ่นเลยค่ะ ไม่แสบหัวด้วย ตอนทาๆตรงโคนๆผมนี่เย็นเจี๊ยบเลย แต่ แต่ แต่ ตอนย้อมนี้ล่ะคุณเอ๊ยยยย หาเรื่องคุยรอไว้เลย ไม่งั้นช่างก็จะชวนคุยเอง555 ตอนทาสีบนหัวและทิ้งไว้15นาทีเนื่ย ถ้าไม่พูดนะคุณ โห..คือแบบ นี่เหมือนสกิลภาษาญี่ปุ่นทั้งชีวิตอัพภายในครึ่งชม.แห่งการย้อมผม นี่กะว่าจะมาอัพสกิลภาษาญี่ปุ่นที่ร้านทำผมนี่ล่ะ 555555 พูดมันเข้าไปค่ะ นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าพูดอะไรไปบ้าง เยอะมาก

ถ้าไม่คุยได้ไหม เราว่าได้นะ แต่มันจะแบบเห้ย อึดอัดมาก dead air มาก awkward จริงๆ  มันคือลองนึกภาพนะ ทุกโต๊ะรอบตัวเราเม้าส์กับช่างอย่างเมามันส์และถึงรสมากๆ ไม่ว่าจะเป็นป้าแม่บ้านหรือสาววัยรุ่น อย่างน้อยก็จะมีรีแอคกับช่างตลอดเวลา แล้วโต๊ะเราเงียบ สบตากับช่างผ่านกระจก โห...โคตรawkwark  อารมณ์แบบไปโรงเรียนประถมวันแรกแล้วทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดแล้วอ่ะ 555 คุยเถอะ งูๆปลาๆก็คุยไปเถอะ ช่างสอนภาษาญี่ปุ่นเราด้วยนะ555 สอนคำว่าจีบ ช่างบอกไม่ใช้คำว่าナンパする นะ นางสอนอีกคำมา แต่จำไม่ได้ว่าคำว่าอะไร 3 พยางค์ ใครรู้ช่วยที555

มาถึงขั้นตอนล้างสีและทำทรีทเม้นส์ เราเลือกโปรแกรมใช้ผลิตภัณฑ์ของAujua 4 step ก่อนทำทรีทเม้นส์ช่างจะให้เราเลือกโปรแกรมอีกว่าต้องการทำทรีทเม้นส์อะไร อย่างของเราช่างบอกว่าตัดผมที่เสียออกหมดแล้วเลยแนะนำเป็นทรีทเม้นส์เพื่อให้สีผมติดทนแทน ว่าแล้วก็ไปขึ้นเตียงนวดหัวทำทรีทเม้นส์กันจ้า เห้ยฟิน ! เค้าจะค่อยๆนวดหัวเราอ่ะ เหมือนสปาเลย จะมีผ้าร้อนมารองคอ แล้วนวดๆไปเรื่อยๆ คุณเอ๊ย จะหลับ ฟินมากกกกก ผ้าร้อนหายร้อนเปลี่ยนใหม่ให้ด้วย แต่เคลิ้มๆยังไม่ทันจะหลับ เสร็จแล้ว แปปเดียว! เห้ย นั่นราคาปกติ4,000เยนเลยนะ เสร็จแล้วอ่อ! ส่วนตัวเราว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไร เพราะแปปเดียวจริงๆ เหมือนสระผมเมืองไทยอ่ะ ที่เจ๊ๆช่างจะสระผมสักสองรอบ ลงครีมนวด นวดหัวเราชิวๆ เอาผ้าเช็ดตัวพันสับหน้าผากโป๊ะๆ ฟินนนน ในราคา120บาท

ขั้นสุดท้ายแล้วค่ะ เย้ ! กลับมาเป่าผมให้แห้งและเก็บรายละเอียดทรงผมค่ะ ซึ่งเก็บละเอียดมากๆ เหมือนเล็มทีละเส้นอ่ะ คุณMiyuki ขยับกรรไกรเปลี่ยนกรรไกรไวมาก นี่สินะประสบการณ์15ปี!! //กราบอกแม่ จากนั้นช่างก็จะเซตให้เหมือนแบบที่เราเลือกตอนแรก และสอนเซตแบบง่ายๆด้วย ผลออกมากประทับใจมาก เหมือนแบบเป๊ะเลยซิส!! (เหมือนแค่ผมนะ หน้าไม่เหมือน5555) ดีใจจนจะร้องไห้อ่ะ เหมือนได้หัวใหม่

ออกมาเป็นอย่างนี้จ้า


สรุปค่าเสียหายเสียไป 11,080 เยนค่ะ ไม่มีชาร์ตเพิ่มจากที่จองในเว็บ เดินออกมาจากร้านตัวปลิวเพราะกระเป๋าเบามากพร้อมกับบัตรสมาชิกและบัตรกำนัลต่างๆมากมาย ทำผมที่ญี่ปุ่นนี่ครั้งที่สองครั้งที่สามมันจะถูกลงล่ะ คุณ Miyuki เดินออกมาส่งถึงหน้าร้านพร้อมกับโค้งงามๆ สรุปเวลาที่ใช้ไปทั้งสิ้น 3 ชม.จ้า
ชื่อสินค้า:   ร้าน emu・zestgroup
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่