ผมเป็นอีกคนนึงที่รักการเดินทางเหมือนกับหลายๆ ท่านในที่นี้ คิดว่าประสบการณ์การเดินทางของผมก็มีพอสมควรโดยเฉพาะเส้นทางแทบยุโรปและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งในหนังสือเดินทางอย่างน้อยต้องมีวีซ่าเชงเก้นติดไว้พร้อมใช้งานได้เสมอ
ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางที่ผมเองพยามหลีกเลี่ยงและผลัดผ่อนมาเสมอ แต่เนื่องจากคนรอบข้างแนะนำและบอกเล่าแต่เรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย การเดินทางสู่ มาเก๊าและฮ่องกงจึงเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทู้นี้ขอแชร์เรื่องราวที่ประสบพบเจอที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมตัดสินใจผิดที่ไปฮ่องกง ผมอาจจะโชคร้ายที่พบเจอเรื่องไม่น่าประทับใจ ในขณะที่คนอื่นพบเจอแต่เรื่องราวดีๆ จึงจะขอแบ่งปันสิ่งที่พบเจอมานะครับ ขอโทษครับที่เล่ายืดยาวไปหน่อย
เรื่องที่ 1: ทันทีที่ลงเรือข้ามฟากที่เดินทางมาจากมาเก๊า เท้าแตะแผ่นดินฮ่องกง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ก็เจอเลย เจ้าหน้าที่ตม. กักผมให้ไปด้านหลัง และเอาหนังสือเดินทางผมไปเช็คเป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยให้ผมนั่งรอ และไม่อธิบายอะไรให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตม.เดินมาหาผมพร้อมหนังสือเดินทาง สอบถามคำถามพื้นฐานทั่วไป ตามแนวปฏิบัติของตม. (ผมเข้าใจดี เพราะผมเคยทำหน้าที่เป็นผช.ตม.ยุโรป) ผมให้ความร่วมมือเต็มที่ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่า มีปัญหาอะไร หนังสือเดินทางก็มีตราประทับเต็มหลายหน้าจากการเดินทางมาแล้วหลายที่ และยังคงมีวีซ่าเชงเก้นที่ยังไม่หมดอายุที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่สามารถทำให้ ตม.ฮ่องกงเชื่อได้ว่าผมจะไม่เข้ามาทำผิดระเบียบตม.ได้ ก็ให้ความร่วมมือไปเต็มที่
นอกจากสอบถามคำถามพื้นฐานแล้ว จนท.ยังขอดูเอกสารอื่นๆ เช่น ใบสำรองตั๋วเดินทางขากลับ ใบจองที่พัก เงินติดตัว แผนการเดินทางในฮ่องกงอย่างละเอียด อธิบายอาชีพการงาน ฯลฯ ซึ่งโชคดีมากที่ผมปริ้นเอกสารเหล่านี้ติดตัวไปด้วย ไม่อยากคิดว่า ถ้าไม่ได้ปริ้นไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมตอบคำถามทุกข้อที่เขาถาม โชว์เอกสารทุกอย่างที่ขอ จนท.เดินกลับไป พร้อมหนังสือเดินทางและเอกสารของผมทั้งหมด ทีนี้เข้าไปอีกนานมาก อีกเป็นชั่วโมงๆ ได้ ผมเริ่มรู้สึกแย่มาก และเสียเวลารอแบบไร้จุดหมายมากๆ ซึ่งตอนแรกคิดว่า เคลียร์หมดแล้ว แต่ก็ไม่ มุมนึงก็เข้าใจ แต่มุมนึงก็รู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ ความอคติเริ่มครอบงำในใจ และบอกตัวเองว่า ตลอดการเดินทางมาหลายประเทศ ไม่เคยเจอ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในที่ที่เราก็ไม่ได้อยากมาแต่แรกแล้วด้วย สุดท้ายผ่านไปชั่วโมงกว่า จนท. เดินมาพร้อมยื่นเอกสารคืน โดยไม่อธิบายอะไร ทำให้เราเสียเวลาอย่างมาก เซ็งสุดๆ
*** แนะนำให้เพื่อนๆ ปริ้นเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางติดตัวไปด้วยนะครับ***
เรื่องที่ 2: หลักจากที่เสียเวลามากกับเรื่องแย่ๆ กับ ตม. ก็รีบเอาสัมภาระไปไว้ที่พักก่อน ที่ถนน Tsim Sha Tsui ที่พักอยู่ในตึกชื่อ Chung King Mansion ชั้น 16 แล้วรีบออกไปขึ้นกระเช้า Nong Ping 360 ซึ่งได้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจากเอเจนซี่ที่มีชื่อฮ่องกงติดอยู่ด้วยในไทย เป็นตั๋วขึ้นกระเช้าแบบ Crystal คือกระเช้าแบบพื้นกระจกใส โดยถามย้ำตอนซื้อกับเอเจนซี่ในไทยแล้วว่าเราต้องไปแลกตั๋วที่นั่นอีกหรือว่าใช้ตั๋วได้เลย เอเจนซี่ยืนยันว่าใช้ได้เลยไม่ต้องไปแลก สามารถเดินเข้าไปช่องกระเช้าพื้นกระจกใสได้เลย พอไปถึงจนท. ไล่!! ให้ไปแลกตั๋วก่อน เราก็เถียงว่ามีตั๋วแล้ว แต่จนท.ยืนยันว่าใช้ไม่ได้ ให้ไปแลกก่อน ซึ่งขณะนั้นก็ใกล้เย็นแล้ว กลัวว่าจะขึ้นไปไม่ทันจะมืดเสียก่อน ก็เลยยอมไปแลกตั๋วที่ช่อง “Advanced booking” เพราะคิดว่า ตั๋วเราคงเป็นแบบจองล่วงหน้า ก็น่าจะแลกที่ช่องนี้ได้ เพราะไม่มีคิวเลย แต่จนท. ก็ยังมาไล่อีกรอบ บอกให้ไปต่อแถวยาวนั้น ซึ่งเป็นแถวสำหรับซื้อตั๋วปกติที่คนทั่วไปเข้าคิวและไม่ได้จองล่วงหน้ามาก่อน คิวยาวเชียว เจอครอบครัวคนไทยที่รับชะตากรรมเดียวกัน คือโดนไล่ให้มาต่อคิวปกติ ทั้งที่ถือตั๋วที่ซื้อจากเอเจนซี่เดียวกันจากไทย
***ดังนั้นตั๋วที่ซื้อจากเอเจนซี่นี้ที่ไทย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ต้องไปต่อคิวเหมือนทั่วไปอยู่ดี กรุณาเผื่อเวลาแลกตั๋วด้วย หากไปเย็น อาจจะไม่ทันมืดและไม่ได้เห็นวิวตอนกลางวันนะครับ เข้าหน้าหนาว มืดเร็วกว่าปกติ (ผมเลื่อนมาวันอื่นไม่ได้ เพราะวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่กระเช้าจะเปิดให้บริการก่อนปิดปรับปรุง)
เรื่องที่ 3: หลังจากลงเขาโดยกระเช้าแล้วก็ไปหาอะไรทาน และก็จะเข้าที่พักเลย เพราะเหนื่อยและเจอเรื่องแย่มาทั้งวัน เข้าที่พักสี่ทุ่ม อาบน้ำเข้านอน หลับทันทีเพราะความเหนื่อย ขนาดหัวถึงหมอนหลับแล้ว ความซ_วยยังมาตามจองล้างจองผลาญได้อีก มันเหี้_ยนจริงๆ เวลา 23.45 น.ได้ยินเสียงทุบประตูดังมากเหมือนตึกจะถล่ม หรือเกิดไฟไหม้อย่างนั้นเลย เป็นกลุ่มตำรวจฮ่องกงประมาณ 6-7 คน บุกเข้ามายังชั้นที่พัก ทุบประตูทุกห้องพักทั้งชั้นเลย ส่งเสียงตะโกนโวยวายสุดๆ เพื่อให้ทุกห้องเปิดประตู ทุบอยู่นานมากๆ จนผมทนไม่ไหว จึงเปิดประตูออกไป
จากนั้นตำรวจ 2 คนพุ่งเข้ามาในห้องพักผมทันที ส่องไฟฉายทั่วห้อง และตะคอก!!! ใส่ผมให้เปิดไฟ เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นมึน งง มาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนท.ตำรวจพวกนั้นแสดงความ
ป่าเถื่อนมากๆ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พวกมันขอดูหนังสือเดินทาง แล้วก็พูดอะไรกันไม่รู้เป็นภาษาจีน แล้วก็ถามเป็นภาษาอังกฤษเป็นคำๆ เช่น traveler? first time? how long? ผมก็ตอบพวกมันทุกคำถาม มันส่องดูพักใหญ่ๆ แล้วมันก็ผลัก ยัดหนังสือเดินทางคืนใส่มือผม ตามสไตล์จีนห้วนๆ และก็ตะคอกเสียงดังใส่ผมว่า go sleep แล้วพวกมันก็ไป กระแทกประตูปิดเสียงดังมาก พอพวกมันไปกัน ก็พยายามโทรหา reception จะสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากเดินออกไปเจอพวกมันเผื่อมันยังอยู่กัน โทรศัพท์ก็ดันเสีย ใช้ไม่ได้อีก อะไรจะแย่ขนาดนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงแรมเปิดให้ไอ้พวกนี้เข้ามาถึงห้องพักแขกได้
***ทราบทีหลังว่าตำรวจชอบบุกเข้าตรวจที่พักตามตึกที่มีห้องโรงแรมอยู่ตามชั้นต่างๆ ตึกที่ผมพักคือ Chung King Mansion ชั้น 16 ถนน Tsim Sha Tsui ผู้หญิงที่จะพักตามเกสเฮ้าส์ที่อยู่ในตึกเหล่านี้ ระมัดระวังตัวด้วยครับ แม้จะอยู่บนถนนย่านดังก็ตาม อาจขวัญเสียจากความป่าเถื่อนของพวกมันได้***
คอมเมนท์ที่เว็บ agoda ของคนฟิลิปปินส์ที่เจอเหมือนกัน
JORDAN from Philippines:
“It is accessible and good location but the room is”
“This is my first time abroad together with my hubby. We travelled Lantau Island- ngo ping 360 for the wholeday. We get tired so we decided to take some rest in our room because we have to flight back in our country (Phils) early in the morning. Around 11pm, we heard some noise outside in our room. They knocked hard and rough almost the door broken. We are scared. My husband open the door and tell us what is happening. The police officer wants to enter our room to check. My hubby did'nt approved so they decided to check our passport. There is a police raid in the building. We don't know what is happening just they told us for inspection or checking and they left. We are scared. The happiest moments in hongkong become horrible /terrible moments to us. Thanks to Almighty God because we are safe and alive. I will never go back to that building- chung king mansion. This is the scariest moment happened in our life that I will never forget in my whole life.”
คอมเมนท์ของผม:
(ขอโทษที่ภาษาอังกฤษไม่ดี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร)
First time to Hong Kong. Stayed here for 2 nights. Confronted with savage, barbarous, brutal and uncivilized Hong Kong police raid at 23.45 PM during the night at this hotel. There were about 6-7 Hong Kong police officers intruding into the front door of my hotel room and banging ferociously on the door of every hotel room on the same floor like it was fire in the building. Once I opened the door and asked what was happening, the police didn’t answer my question and tyrannized me for seeing my passport. I groggily showed my passport. During they were checking my passport, they bawled out to me asking to turn on the lights, asking about my travel plan in Hong Kong. After a while my passport was returned and they shouted at me to go back sleep and slammed the door. It left me dubious why the hotel let those f*cking animals approaching guest’s rooms.
Dear fellow travelers, please consider again to stay at this place and Chung King Mansion in Hong Kong, unless you wanna experience sleeping in the zoo on Tsim Sha Tsui road. For me, Hong Kong gave me the worst travel experience and I promise you guys I’ll never let my feet touch this land for the 2nd time for sure.
Best regards,
True story.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแบ่งปันประสบการณ์ความซ_วยส่วนตัวผมเองที่ได้ประสบพบเจอมาในฮ่องกงเท่านั้น และจะขอตัดออกจากลิสท์การเดินทางออกทันที รวมถึงจะยังบอกเล่าเรื่องราวเล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมีการพูดถึงฮ่องกง สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาจะใส่ร้ายใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการแบ่งปันเรื่องราวอีกมุมและประสบการณ์เดินทางส่วนตัวเท่านั้นครับ ขอบคุณมากครับ
แชร์ประสบการณ์: คิดผิดที่ไปเที่ยวฮ่องกง
ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางที่ผมเองพยามหลีกเลี่ยงและผลัดผ่อนมาเสมอ แต่เนื่องจากคนรอบข้างแนะนำและบอกเล่าแต่เรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย การเดินทางสู่ มาเก๊าและฮ่องกงจึงเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทู้นี้ขอแชร์เรื่องราวที่ประสบพบเจอที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมตัดสินใจผิดที่ไปฮ่องกง ผมอาจจะโชคร้ายที่พบเจอเรื่องไม่น่าประทับใจ ในขณะที่คนอื่นพบเจอแต่เรื่องราวดีๆ จึงจะขอแบ่งปันสิ่งที่พบเจอมานะครับ ขอโทษครับที่เล่ายืดยาวไปหน่อย
เรื่องที่ 1: ทันทีที่ลงเรือข้ามฟากที่เดินทางมาจากมาเก๊า เท้าแตะแผ่นดินฮ่องกง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ก็เจอเลย เจ้าหน้าที่ตม. กักผมให้ไปด้านหลัง และเอาหนังสือเดินทางผมไปเช็คเป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยให้ผมนั่งรอ และไม่อธิบายอะไรให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตม.เดินมาหาผมพร้อมหนังสือเดินทาง สอบถามคำถามพื้นฐานทั่วไป ตามแนวปฏิบัติของตม. (ผมเข้าใจดี เพราะผมเคยทำหน้าที่เป็นผช.ตม.ยุโรป) ผมให้ความร่วมมือเต็มที่ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่า มีปัญหาอะไร หนังสือเดินทางก็มีตราประทับเต็มหลายหน้าจากการเดินทางมาแล้วหลายที่ และยังคงมีวีซ่าเชงเก้นที่ยังไม่หมดอายุที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่สามารถทำให้ ตม.ฮ่องกงเชื่อได้ว่าผมจะไม่เข้ามาทำผิดระเบียบตม.ได้ ก็ให้ความร่วมมือไปเต็มที่
นอกจากสอบถามคำถามพื้นฐานแล้ว จนท.ยังขอดูเอกสารอื่นๆ เช่น ใบสำรองตั๋วเดินทางขากลับ ใบจองที่พัก เงินติดตัว แผนการเดินทางในฮ่องกงอย่างละเอียด อธิบายอาชีพการงาน ฯลฯ ซึ่งโชคดีมากที่ผมปริ้นเอกสารเหล่านี้ติดตัวไปด้วย ไม่อยากคิดว่า ถ้าไม่ได้ปริ้นไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมตอบคำถามทุกข้อที่เขาถาม โชว์เอกสารทุกอย่างที่ขอ จนท.เดินกลับไป พร้อมหนังสือเดินทางและเอกสารของผมทั้งหมด ทีนี้เข้าไปอีกนานมาก อีกเป็นชั่วโมงๆ ได้ ผมเริ่มรู้สึกแย่มาก และเสียเวลารอแบบไร้จุดหมายมากๆ ซึ่งตอนแรกคิดว่า เคลียร์หมดแล้ว แต่ก็ไม่ มุมนึงก็เข้าใจ แต่มุมนึงก็รู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ ความอคติเริ่มครอบงำในใจ และบอกตัวเองว่า ตลอดการเดินทางมาหลายประเทศ ไม่เคยเจอ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในที่ที่เราก็ไม่ได้อยากมาแต่แรกแล้วด้วย สุดท้ายผ่านไปชั่วโมงกว่า จนท. เดินมาพร้อมยื่นเอกสารคืน โดยไม่อธิบายอะไร ทำให้เราเสียเวลาอย่างมาก เซ็งสุดๆ
*** แนะนำให้เพื่อนๆ ปริ้นเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางติดตัวไปด้วยนะครับ***
เรื่องที่ 2: หลักจากที่เสียเวลามากกับเรื่องแย่ๆ กับ ตม. ก็รีบเอาสัมภาระไปไว้ที่พักก่อน ที่ถนน Tsim Sha Tsui ที่พักอยู่ในตึกชื่อ Chung King Mansion ชั้น 16 แล้วรีบออกไปขึ้นกระเช้า Nong Ping 360 ซึ่งได้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจากเอเจนซี่ที่มีชื่อฮ่องกงติดอยู่ด้วยในไทย เป็นตั๋วขึ้นกระเช้าแบบ Crystal คือกระเช้าแบบพื้นกระจกใส โดยถามย้ำตอนซื้อกับเอเจนซี่ในไทยแล้วว่าเราต้องไปแลกตั๋วที่นั่นอีกหรือว่าใช้ตั๋วได้เลย เอเจนซี่ยืนยันว่าใช้ได้เลยไม่ต้องไปแลก สามารถเดินเข้าไปช่องกระเช้าพื้นกระจกใสได้เลย พอไปถึงจนท. ไล่!! ให้ไปแลกตั๋วก่อน เราก็เถียงว่ามีตั๋วแล้ว แต่จนท.ยืนยันว่าใช้ไม่ได้ ให้ไปแลกก่อน ซึ่งขณะนั้นก็ใกล้เย็นแล้ว กลัวว่าจะขึ้นไปไม่ทันจะมืดเสียก่อน ก็เลยยอมไปแลกตั๋วที่ช่อง “Advanced booking” เพราะคิดว่า ตั๋วเราคงเป็นแบบจองล่วงหน้า ก็น่าจะแลกที่ช่องนี้ได้ เพราะไม่มีคิวเลย แต่จนท. ก็ยังมาไล่อีกรอบ บอกให้ไปต่อแถวยาวนั้น ซึ่งเป็นแถวสำหรับซื้อตั๋วปกติที่คนทั่วไปเข้าคิวและไม่ได้จองล่วงหน้ามาก่อน คิวยาวเชียว เจอครอบครัวคนไทยที่รับชะตากรรมเดียวกัน คือโดนไล่ให้มาต่อคิวปกติ ทั้งที่ถือตั๋วที่ซื้อจากเอเจนซี่เดียวกันจากไทย
***ดังนั้นตั๋วที่ซื้อจากเอเจนซี่นี้ที่ไทย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ต้องไปต่อคิวเหมือนทั่วไปอยู่ดี กรุณาเผื่อเวลาแลกตั๋วด้วย หากไปเย็น อาจจะไม่ทันมืดและไม่ได้เห็นวิวตอนกลางวันนะครับ เข้าหน้าหนาว มืดเร็วกว่าปกติ (ผมเลื่อนมาวันอื่นไม่ได้ เพราะวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่กระเช้าจะเปิดให้บริการก่อนปิดปรับปรุง)
เรื่องที่ 3: หลังจากลงเขาโดยกระเช้าแล้วก็ไปหาอะไรทาน และก็จะเข้าที่พักเลย เพราะเหนื่อยและเจอเรื่องแย่มาทั้งวัน เข้าที่พักสี่ทุ่ม อาบน้ำเข้านอน หลับทันทีเพราะความเหนื่อย ขนาดหัวถึงหมอนหลับแล้ว ความซ_วยยังมาตามจองล้างจองผลาญได้อีก มันเหี้_ยนจริงๆ เวลา 23.45 น.ได้ยินเสียงทุบประตูดังมากเหมือนตึกจะถล่ม หรือเกิดไฟไหม้อย่างนั้นเลย เป็นกลุ่มตำรวจฮ่องกงประมาณ 6-7 คน บุกเข้ามายังชั้นที่พัก ทุบประตูทุกห้องพักทั้งชั้นเลย ส่งเสียงตะโกนโวยวายสุดๆ เพื่อให้ทุกห้องเปิดประตู ทุบอยู่นานมากๆ จนผมทนไม่ไหว จึงเปิดประตูออกไป
จากนั้นตำรวจ 2 คนพุ่งเข้ามาในห้องพักผมทันที ส่องไฟฉายทั่วห้อง และตะคอก!!! ใส่ผมให้เปิดไฟ เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นมึน งง มาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนท.ตำรวจพวกนั้นแสดงความ ป่าเถื่อนมากๆ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พวกมันขอดูหนังสือเดินทาง แล้วก็พูดอะไรกันไม่รู้เป็นภาษาจีน แล้วก็ถามเป็นภาษาอังกฤษเป็นคำๆ เช่น traveler? first time? how long? ผมก็ตอบพวกมันทุกคำถาม มันส่องดูพักใหญ่ๆ แล้วมันก็ผลัก ยัดหนังสือเดินทางคืนใส่มือผม ตามสไตล์จีนห้วนๆ และก็ตะคอกเสียงดังใส่ผมว่า go sleep แล้วพวกมันก็ไป กระแทกประตูปิดเสียงดังมาก พอพวกมันไปกัน ก็พยายามโทรหา reception จะสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากเดินออกไปเจอพวกมันเผื่อมันยังอยู่กัน โทรศัพท์ก็ดันเสีย ใช้ไม่ได้อีก อะไรจะแย่ขนาดนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงแรมเปิดให้ไอ้พวกนี้เข้ามาถึงห้องพักแขกได้
***ทราบทีหลังว่าตำรวจชอบบุกเข้าตรวจที่พักตามตึกที่มีห้องโรงแรมอยู่ตามชั้นต่างๆ ตึกที่ผมพักคือ Chung King Mansion ชั้น 16 ถนน Tsim Sha Tsui ผู้หญิงที่จะพักตามเกสเฮ้าส์ที่อยู่ในตึกเหล่านี้ ระมัดระวังตัวด้วยครับ แม้จะอยู่บนถนนย่านดังก็ตาม อาจขวัญเสียจากความป่าเถื่อนของพวกมันได้***
คอมเมนท์ที่เว็บ agoda ของคนฟิลิปปินส์ที่เจอเหมือนกัน
JORDAN from Philippines:
“It is accessible and good location but the room is”
“This is my first time abroad together with my hubby. We travelled Lantau Island- ngo ping 360 for the wholeday. We get tired so we decided to take some rest in our room because we have to flight back in our country (Phils) early in the morning. Around 11pm, we heard some noise outside in our room. They knocked hard and rough almost the door broken. We are scared. My husband open the door and tell us what is happening. The police officer wants to enter our room to check. My hubby did'nt approved so they decided to check our passport. There is a police raid in the building. We don't know what is happening just they told us for inspection or checking and they left. We are scared. The happiest moments in hongkong become horrible /terrible moments to us. Thanks to Almighty God because we are safe and alive. I will never go back to that building- chung king mansion. This is the scariest moment happened in our life that I will never forget in my whole life.”
คอมเมนท์ของผม:
(ขอโทษที่ภาษาอังกฤษไม่ดี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร)
First time to Hong Kong. Stayed here for 2 nights. Confronted with savage, barbarous, brutal and uncivilized Hong Kong police raid at 23.45 PM during the night at this hotel. There were about 6-7 Hong Kong police officers intruding into the front door of my hotel room and banging ferociously on the door of every hotel room on the same floor like it was fire in the building. Once I opened the door and asked what was happening, the police didn’t answer my question and tyrannized me for seeing my passport. I groggily showed my passport. During they were checking my passport, they bawled out to me asking to turn on the lights, asking about my travel plan in Hong Kong. After a while my passport was returned and they shouted at me to go back sleep and slammed the door. It left me dubious why the hotel let those f*cking animals approaching guest’s rooms.
Dear fellow travelers, please consider again to stay at this place and Chung King Mansion in Hong Kong, unless you wanna experience sleeping in the zoo on Tsim Sha Tsui road. For me, Hong Kong gave me the worst travel experience and I promise you guys I’ll never let my feet touch this land for the 2nd time for sure.
Best regards,
True story.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแบ่งปันประสบการณ์ความซ_วยส่วนตัวผมเองที่ได้ประสบพบเจอมาในฮ่องกงเท่านั้น และจะขอตัดออกจากลิสท์การเดินทางออกทันที รวมถึงจะยังบอกเล่าเรื่องราวเล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อมีการพูดถึงฮ่องกง สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาจะใส่ร้ายใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการแบ่งปันเรื่องราวอีกมุมและประสบการณ์เดินทางส่วนตัวเท่านั้นครับ ขอบคุณมากครับ