สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวบลูแพลนเนตทุกคนครับ เนื่องจากช่วงนี้โดนเท เลยคิดหาทริปเที่ยวพักผ่อนเบาๆรับลมหนาวปลายปี ช่วงเดือน พฤศจิกายน ซักหน่อยเลยนึกถึงวังเวียง ที่ใครหลายๆคนอยากไป เพราะมันคือทริปต่างประเทศที่ใช้งบไม่เปลือง สรุปเลยตัดสินใจ เอาละ
ไป "วังเวียง ประเทศลาว" กันเถอะ !!
เริ่มต้นการเดินทางจากบ้าน ไปจังหวัดอุดรธานี ซึ่ง ผมใช้การเดินทางโดยรถทัวร์ในขาไป
ซึ่งเป็นรถทัวร์สาย กาญจนบุรี - หนองคาย ราคาค่ารถอยู่ที่ 400 บาท ผมไปลงที่ บขส.อุดรธานีแห่งที่1 เผื่อจะไปขึ้นรถ จากอุดร-วังเวียงนะครับ
นี่เลยสภาพรถทัวร์!! เป็นบัสVIP2ชั้น วิ่งข้ามภาค ซึ่งมีบริการจาก กาญจนบุรี - หนองคายทุกวัน
ซึ่งรถทัวร์เป็นของบริษัท ศรีมงคล จำกัด ออกเดินทาง 20.30 นะครับ
หลังจากขึ้นรถทัวร์ ก็หลับเป็นตายเลยครับ เพราะว่าต้องเก็บแรง ดูจากรีวิวก่อนๆ เส้นทาง อุดร-วังเวียง มี6-7ชั่วโมง
เป็นไปได้พักผ่อนเยอะๆ เผื่อแรง ขนมของกินไว้ยิ่งดี งั้นผมวาร์ปไปตอนถึงอุดร เลยนะครับ
แฮร่ ถึงแล้ว อุดรธานี!!
พอถึง บขส. ให้เรารีบไปดูช่องขายตั๋วของ ขนส่ง99 เลยนะครับ
อะ..นี้คือสภาพ บขส.แห่งที่โดยรวมของ อุดร นะครับ
แต่..เอ๋ ช่องขายตั๋วยังไม่เปิด
พอมารู้อีกที เดียวนี้ เส้นทาง อุดร-วังเวียง มีจองล้วงหน้า สรุป มันเต็มครับ !!!
งานงอกเลย เลยต้องหาข้อมูลในเนตละ ว่าอุดร-เวียงจันทน์-วังเวียง ต้องต่อรถจากไหนบ้าง
สรุปเลยได้ ไปเวียงจันทน์ก่อน ค่ารถจาก อุดร-เวียงจันทน์ อยู่ที่ 80 บาทครับ (ต้องมีพาสเปอร์ตถึงจะซื้อได้นะ)
ผมซื้อเที่ยวแรก รถออก8โมง เป๊ะ
จะเล่าให้ฟังนะครับ ที่ชื่อกระทู้ว่า ทริปวังเวงที่ไม่เหงาที่วังเวียง เพราะว่าตอนแรกผมกะว่าไปคนเดียว
แต่ด้วยโชคชะตาอะไรซักอย่างที่ทำให้ผมมาเจอกับพี่ๆอีก3คน โดยพวกพี่เขาก็ตกรถเช่นกัน เลยต้องเปลี่ยน
ทริปไป เวียงจันทน์เพื่อต่อรถไปวังเวียง หลังจากที่คุยๆกันก็เลยได้จับกลุ่มไปเที่ยวกัน ทริปนี้เลยไม่เหงานะครับ
ปะมาต่อกันเถอะ
พอขึ้นรถแล้ว ได้พูดคุยคราวๆกับพี่ๆที่เจอกัน ซักพักพนักงานเขาจะให้ ใบตรวจคนเข้าเมือง
จะบอกว่าเวลาไปต่างประเทศ พกปากกาซักแท่งนะครับ เอาไว้เขียนรายละเอียดต่างลงในเอกสารพวกนี้ก่อนเข้าด่านนะครับ
พอถึงด่านตม.ไทยฝั่งหนองคาย พนักงานคนขับรถจะให้เรา ลงจากรถเผื่อไปสแกนพาสปอร์ตหรือตรวจพาสปอร์ต
พอผ่านจุดนี้ไปแล้ว รถที่ขึ้นมาจะจอดรอเราแล้ว เราก็ไปขึ้นรถที่เรามาได้เลยครับ
อ่า...นี้ไง ผ่านแม่น้ำโขงแล้วววว
พอมาถึงฝั่งลาวแล้ว รถจะรถ ตม.ฝั่งลาวอีกครั้ง
คราวนี้จำให้ดีนะครับ พอลงรถ ตม.ฝั่งลาวแล้ว ให้เราเดินไปซื้อ one way ticket ที่ซุ้มขาย paypass ค่าบัตร 5 บาท หรือ 1000กีบ
แล้วก็เดินเอาพาสปอร์ตพร้อมเอกสารทุกอย่างที่พนักงานให้ตอนอยู่ในรถกรอกให้เรียบร้อยเดินเข้าไปในช่อง ตม.ลาว
เพื่อให้พนักงานตรวจ พอตรวจเสร็จก็เดินผ่านช่องเข้ามา จะมีตู้เสียบบัตร เหมือนBTS เราก็เอา one way ticket เสียบเข้าไป
บัตรก็จะหายไป ประตูก็จะเปิด เราก็เดินเข้าไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เข้าลาวเต็มตัวละจ้า
พอหลังจากนั้นก่อนขึ้นรถ เราควรเปลี่ยนแลกเงินก่อนนะครับ และซิมโทรศัพท์ด้วย เพราะว่าตอนนี้เราเข้าลาวเต็มตัวแล้ว
พอเดินจากช่องที่เหมือน BTS ดูซ้ายมือ จะมีทั้ง ศูนย์บริการสัญญานโทรศัพท์ และ ธนาคารแลกเงิน
ค่าเงินช่วงนี้ พ.ย 2017 อยู่ที่ เรท 253กีบ/1บาท แลกมา 3000บาท ได้มา 7แสน โอ้วววววว ถือเงินแสนเลยวุ้ย!!
หลังจากนั้นก็เดินมาขึ้นรถที่เขาจอดอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่า รถอุดร-เวียงจันทน์ คันอื่นมีแบบนี้หรือเปล่า
คืออาจจะเห็นว่ามีคนตกรถ อุดร-วังเวียง เยอะ เลยสอบถามว่ามีใครจะต่อรถไปวังเวียงบ้าง
สรุปมี 10กว่าคน รวมผมและพี่ๆที่รู้จักกันอีก3คน เพราะดูเหมือนเขาติดต่อรถตู้ไปวังเวียงมาให้แล้วนะครับ
โดนกันไปคนละ 75000กีบ (300บาท) นี้คือภาพภายในรถตู้ของลาว พูดเลย รถตู้ หมอชิต ไปตจว. ของไทยดีกว่าเยอะ
เห็น ภูเขา แม่น้ำเริ่มออกนอกเวียงจันทน์เรือยๆ แต่ แอร์ร้อนเหลือเกิน เย็นแค่ข้างหน้า โอ้วววพระสงฆ์
พอมาถึงช่วงนี้ก็ถึงจุดพักรถ มาดูบรรยากาศโดยรอบกัน
(รถตู้ลาวหรือรถประจำทางประตูอยู่ฝั่งขวานะครับ)
มีคันอื่นๆมาพักด้วย จากหลากหลายเส้นทาง ทั้งทัวร์จีน เกาหลี หรือคนไทย
หิวแล้วสิ ปะ...มื้อแรกในลาว
มันคือ ข้าวจี หรือ บ้านเราเรียกกันว่า แซนวิช นั้นแหละ ชิ้นละ10000กีบ (39.50บาท)
กินอิ่มเสร็จหันมาเจอ รถ อุดร-วังเวียง (ออกจากอุดร8.30น.) เสียดายเราไม่ได้นั่งคันนี้ ต้องมาต่อรถตู้ที่อึดอัด เห้ออออ
แวะเข้าช้อปซื้อน้ำตุนกินในรถดีกว่า
พอขึ้นรถมา จัดมา1ขวด เปปซีลาวววววววว!! 4000กีบ 2ขวด 8000กีบ
พอมาถึงวังเวียง 15.00 น. รถตู้ก็จะถามว่ามีที่พักยัง พักที่ไหน เดียวไปส่ง
พอจุดนี้ ผมกับพี่ๆที่รู้จักกันก็ต่างแยกย้ายกันก่อน ขอไลน์ไว้เผื่อเจอกันตอนเย็น
ส่วนผมจองแล้วเป็นที่ Riverside Garden Bungalow จองผ่านแอฟ Bookingไว้ มาดูบรรยากาศก่อนเข้าที่พักกัน
ภูเขาด้านหลัง Peaceful มากกกก
ป้ายทางเข้าที่พัก
ถึงเวลาเช็คอินแล้วครับ เสียค่าเสียหาย 2 คืน 166,000 กีบ (660กว่าบาท)
มาดูบรรยากาศข้างในกันครับ
จองเดี่ยวได้ เตียงคู่ ซะงั้นไร้คู่ จะมีประโยชน์อย่างไร เห้ออออ
เก็บของเสร็จออกมาดูรอบๆกัน
(นี้คือจุดเด่นของที่พักแห่งนี้เลย)
และออกมาเดินดูข้างนอกกันหน่อย
ชิวจังเลย (แมวที่นี่ร้องไงเอย แฮร่)
จะบอกว่า มาวังเวียง สิ่งที่หลอกหลอนมากที่สุดคือ ร้านข้าวจี่ เยอะมากๆ ไม่รู้จะไปกินร้านไหนเลยครับ
พอหลังจากนั้นก็นัดพวกพี่ๆมาเจอบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ เพื่อข้ามสะพานแม่น้ำซอง (มีค่าข้าม4000กีบ ซื้อบัตรแค่ช่วงขาไปเท่านั้น)
พระอาทิตย์ตกดิน แถมมีรุ้งกินน้ำด้วย
มีทัวร์เช่าเรือลองแม่น้ำซองกันด้วย
หลัวจากนั้นพวกผมก็เดินไปที่ vieng Tara villa resort ที่มีชื่อเสียงมากๆและส่วนใหญ่มักเต็มตลอด
กะว่าจะไปถ่ายรูปทุ่งนา กลางรีสอร์ท
พอเข้าไปถามว่าขอเข้าไปถ่ายรูปได้ไหม ก็ถูกปฎิเสธทันที เลยใช้วิธีจากคนที่เคยมารีวิว
คือการอ้างสอบถามเรื่องที่พักไปเรือย จีบพนักงานบ้าง คุยไปหันมาแชะรูปไกลๆไป
ปล. จริงๆมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แอบรู้สึกผิดเหมือนกันครับ แฮร่ๆ คุยจนเขาเริ่มไม่ยิ้มกับเราแล้ว 555 เผ่นดีกว่า
เอารูปมาฝากนิดหน่อยนะ
ถ้าได้พักซักคืน จะดีมากเลย
รีสอร์ทนี้ดังแค่ไหนคิดดูครับ ได้ขึ้นป้ายจากเว็ปชื่อดังของไทย และป้ายtripadvicerด้วย
ทั้งๆที่เป็นเมืองที่พูดตรงๆโดยรวมยังธุระกันดารมาก บอกลาน้องๆพนักงานดีกว่า อายยย
หลังจากนั้นพระอาทิตย์ตกเย็นแล้ว ผมกับพี่ๆก็ว่าจะไปหาเครื่องดื่มอะไรเย็นๆกินกันครับ
ที่นี่ถ้าใครมาจะต้องไม่พลาดเรื่องการนั่งริมแม่น้ำซอง เพื่อทานอาหาร กินเครื่องดื่มเบาๆ
แม่น้ำที่นี่น้ำจะไม่สูงขึ้นๆลงๆแบบที่ไทย เพราะแม่น้ำที่ไทย สายหลักๆอย่าง เจ้าพระยาหรือท่าจีน
จะมีเรื่องของน้ำทะเลหนุนสูง แต่ที่นี่ไม่ต้องห่วงระดับนั่งทั้งคืนก็ไม่สูงครับ
งั้นไปหาแพริมน้ำนั่งกัน
แจ๋วเลย บรรยากาศแบบนี้ต้องเก๊กฮวยบูดดดด (แต่ไม่ขอลงภาพนะครับ เดียวจะผิด พรบ.คอม)
แล้วเราก็สั่งของมากินกัน ปลาแน่นมาก น้ำจิ้มอร่อยสุดๆ โดนที่สุดตั้งแต่มาถึงวังเวียง อย่าพลาด มาลองกันนะ
กินคู่กับเก๊กฮวยบูด แซบบบบ!!
จบมื้อนี้ คิดค่าเสียหายประมาณ 180000 กีบ (700กว่าบาท) คุ้ม!! และต้องขอบคุณพี่ๆด้วยว่าจะช่วยแชร์แต่ได้รับคำปฎิเสธ ขอบคุณมากๆจริงครับ
จบมื้อค่ำก็วันแรกไปครับ
หลังจากนั้นก็สรุปแยกย้ายกลับที่พักเพราะเพลียจากการเดินทางมาก
และจะนัดเจอกันตอนเช้าเพื่อเช่ารถและออกไปเที่ยวบลูลากูน กัน
จบวันที่1แฮร่
[CR] รีวิว วังเวียง (พ.ย.2017) "ทริปวังเวงที่ไม่เหงาที่วังเวียง" 3วัน2คืน งบไม่ถึง3,500บาท
ไป "วังเวียง ประเทศลาว" กันเถอะ !!
เริ่มต้นการเดินทางจากบ้าน ไปจังหวัดอุดรธานี ซึ่ง ผมใช้การเดินทางโดยรถทัวร์ในขาไป
ซึ่งเป็นรถทัวร์สาย กาญจนบุรี - หนองคาย ราคาค่ารถอยู่ที่ 400 บาท ผมไปลงที่ บขส.อุดรธานีแห่งที่1 เผื่อจะไปขึ้นรถ จากอุดร-วังเวียงนะครับ
นี่เลยสภาพรถทัวร์!! เป็นบัสVIP2ชั้น วิ่งข้ามภาค ซึ่งมีบริการจาก กาญจนบุรี - หนองคายทุกวัน
ซึ่งรถทัวร์เป็นของบริษัท ศรีมงคล จำกัด ออกเดินทาง 20.30 นะครับ
หลังจากขึ้นรถทัวร์ ก็หลับเป็นตายเลยครับ เพราะว่าต้องเก็บแรง ดูจากรีวิวก่อนๆ เส้นทาง อุดร-วังเวียง มี6-7ชั่วโมง
เป็นไปได้พักผ่อนเยอะๆ เผื่อแรง ขนมของกินไว้ยิ่งดี งั้นผมวาร์ปไปตอนถึงอุดร เลยนะครับ
แฮร่ ถึงแล้ว อุดรธานี!!
พอถึง บขส. ให้เรารีบไปดูช่องขายตั๋วของ ขนส่ง99 เลยนะครับ
อะ..นี้คือสภาพ บขส.แห่งที่โดยรวมของ อุดร นะครับ
แต่..เอ๋ ช่องขายตั๋วยังไม่เปิด
พอมารู้อีกที เดียวนี้ เส้นทาง อุดร-วังเวียง มีจองล้วงหน้า สรุป มันเต็มครับ !!!
งานงอกเลย เลยต้องหาข้อมูลในเนตละ ว่าอุดร-เวียงจันทน์-วังเวียง ต้องต่อรถจากไหนบ้าง
สรุปเลยได้ ไปเวียงจันทน์ก่อน ค่ารถจาก อุดร-เวียงจันทน์ อยู่ที่ 80 บาทครับ (ต้องมีพาสเปอร์ตถึงจะซื้อได้นะ)
ผมซื้อเที่ยวแรก รถออก8โมง เป๊ะ
จะเล่าให้ฟังนะครับ ที่ชื่อกระทู้ว่า ทริปวังเวงที่ไม่เหงาที่วังเวียง เพราะว่าตอนแรกผมกะว่าไปคนเดียว
แต่ด้วยโชคชะตาอะไรซักอย่างที่ทำให้ผมมาเจอกับพี่ๆอีก3คน โดยพวกพี่เขาก็ตกรถเช่นกัน เลยต้องเปลี่ยน
ทริปไป เวียงจันทน์เพื่อต่อรถไปวังเวียง หลังจากที่คุยๆกันก็เลยได้จับกลุ่มไปเที่ยวกัน ทริปนี้เลยไม่เหงานะครับ
ปะมาต่อกันเถอะ
พอขึ้นรถแล้ว ได้พูดคุยคราวๆกับพี่ๆที่เจอกัน ซักพักพนักงานเขาจะให้ ใบตรวจคนเข้าเมือง
จะบอกว่าเวลาไปต่างประเทศ พกปากกาซักแท่งนะครับ เอาไว้เขียนรายละเอียดต่างลงในเอกสารพวกนี้ก่อนเข้าด่านนะครับ
พอถึงด่านตม.ไทยฝั่งหนองคาย พนักงานคนขับรถจะให้เรา ลงจากรถเผื่อไปสแกนพาสปอร์ตหรือตรวจพาสปอร์ต
พอผ่านจุดนี้ไปแล้ว รถที่ขึ้นมาจะจอดรอเราแล้ว เราก็ไปขึ้นรถที่เรามาได้เลยครับ
อ่า...นี้ไง ผ่านแม่น้ำโขงแล้วววว
พอมาถึงฝั่งลาวแล้ว รถจะรถ ตม.ฝั่งลาวอีกครั้ง
คราวนี้จำให้ดีนะครับ พอลงรถ ตม.ฝั่งลาวแล้ว ให้เราเดินไปซื้อ one way ticket ที่ซุ้มขาย paypass ค่าบัตร 5 บาท หรือ 1000กีบ
แล้วก็เดินเอาพาสปอร์ตพร้อมเอกสารทุกอย่างที่พนักงานให้ตอนอยู่ในรถกรอกให้เรียบร้อยเดินเข้าไปในช่อง ตม.ลาว
เพื่อให้พนักงานตรวจ พอตรวจเสร็จก็เดินผ่านช่องเข้ามา จะมีตู้เสียบบัตร เหมือนBTS เราก็เอา one way ticket เสียบเข้าไป
บัตรก็จะหายไป ประตูก็จะเปิด เราก็เดินเข้าไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เข้าลาวเต็มตัวละจ้า
พอหลังจากนั้นก่อนขึ้นรถ เราควรเปลี่ยนแลกเงินก่อนนะครับ และซิมโทรศัพท์ด้วย เพราะว่าตอนนี้เราเข้าลาวเต็มตัวแล้ว
พอเดินจากช่องที่เหมือน BTS ดูซ้ายมือ จะมีทั้ง ศูนย์บริการสัญญานโทรศัพท์ และ ธนาคารแลกเงิน
ค่าเงินช่วงนี้ พ.ย 2017 อยู่ที่ เรท 253กีบ/1บาท แลกมา 3000บาท ได้มา 7แสน โอ้วววววว ถือเงินแสนเลยวุ้ย!!
หลังจากนั้นก็เดินมาขึ้นรถที่เขาจอดอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่า รถอุดร-เวียงจันทน์ คันอื่นมีแบบนี้หรือเปล่า
คืออาจจะเห็นว่ามีคนตกรถ อุดร-วังเวียง เยอะ เลยสอบถามว่ามีใครจะต่อรถไปวังเวียงบ้าง
สรุปมี 10กว่าคน รวมผมและพี่ๆที่รู้จักกันอีก3คน เพราะดูเหมือนเขาติดต่อรถตู้ไปวังเวียงมาให้แล้วนะครับ
โดนกันไปคนละ 75000กีบ (300บาท) นี้คือภาพภายในรถตู้ของลาว พูดเลย รถตู้ หมอชิต ไปตจว. ของไทยดีกว่าเยอะ
เห็น ภูเขา แม่น้ำเริ่มออกนอกเวียงจันทน์เรือยๆ แต่ แอร์ร้อนเหลือเกิน เย็นแค่ข้างหน้า โอ้วววพระสงฆ์
พอมาถึงช่วงนี้ก็ถึงจุดพักรถ มาดูบรรยากาศโดยรอบกัน
(รถตู้ลาวหรือรถประจำทางประตูอยู่ฝั่งขวานะครับ)
มีคันอื่นๆมาพักด้วย จากหลากหลายเส้นทาง ทั้งทัวร์จีน เกาหลี หรือคนไทย
หิวแล้วสิ ปะ...มื้อแรกในลาว
มันคือ ข้าวจี หรือ บ้านเราเรียกกันว่า แซนวิช นั้นแหละ ชิ้นละ10000กีบ (39.50บาท)
กินอิ่มเสร็จหันมาเจอ รถ อุดร-วังเวียง (ออกจากอุดร8.30น.) เสียดายเราไม่ได้นั่งคันนี้ ต้องมาต่อรถตู้ที่อึดอัด เห้ออออ
แวะเข้าช้อปซื้อน้ำตุนกินในรถดีกว่า
พอขึ้นรถมา จัดมา1ขวด เปปซีลาวววววววว!! 4000กีบ 2ขวด 8000กีบ
พอมาถึงวังเวียง 15.00 น. รถตู้ก็จะถามว่ามีที่พักยัง พักที่ไหน เดียวไปส่ง
พอจุดนี้ ผมกับพี่ๆที่รู้จักกันก็ต่างแยกย้ายกันก่อน ขอไลน์ไว้เผื่อเจอกันตอนเย็น
ส่วนผมจองแล้วเป็นที่ Riverside Garden Bungalow จองผ่านแอฟ Bookingไว้ มาดูบรรยากาศก่อนเข้าที่พักกัน
ภูเขาด้านหลัง Peaceful มากกกก
ป้ายทางเข้าที่พัก
ถึงเวลาเช็คอินแล้วครับ เสียค่าเสียหาย 2 คืน 166,000 กีบ (660กว่าบาท)
มาดูบรรยากาศข้างในกันครับ
จองเดี่ยวได้ เตียงคู่ ซะงั้นไร้คู่ จะมีประโยชน์อย่างไร เห้ออออ
เก็บของเสร็จออกมาดูรอบๆกัน
(นี้คือจุดเด่นของที่พักแห่งนี้เลย)
และออกมาเดินดูข้างนอกกันหน่อย
ชิวจังเลย (แมวที่นี่ร้องไงเอย แฮร่)
จะบอกว่า มาวังเวียง สิ่งที่หลอกหลอนมากที่สุดคือ ร้านข้าวจี่ เยอะมากๆ ไม่รู้จะไปกินร้านไหนเลยครับ
พอหลังจากนั้นก็นัดพวกพี่ๆมาเจอบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ เพื่อข้ามสะพานแม่น้ำซอง (มีค่าข้าม4000กีบ ซื้อบัตรแค่ช่วงขาไปเท่านั้น)
พระอาทิตย์ตกดิน แถมมีรุ้งกินน้ำด้วย
มีทัวร์เช่าเรือลองแม่น้ำซองกันด้วย
หลัวจากนั้นพวกผมก็เดินไปที่ vieng Tara villa resort ที่มีชื่อเสียงมากๆและส่วนใหญ่มักเต็มตลอด
กะว่าจะไปถ่ายรูปทุ่งนา กลางรีสอร์ท
พอเข้าไปถามว่าขอเข้าไปถ่ายรูปได้ไหม ก็ถูกปฎิเสธทันที เลยใช้วิธีจากคนที่เคยมารีวิว
คือการอ้างสอบถามเรื่องที่พักไปเรือย จีบพนักงานบ้าง คุยไปหันมาแชะรูปไกลๆไป
ปล. จริงๆมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แอบรู้สึกผิดเหมือนกันครับ แฮร่ๆ คุยจนเขาเริ่มไม่ยิ้มกับเราแล้ว 555 เผ่นดีกว่า
เอารูปมาฝากนิดหน่อยนะ
ถ้าได้พักซักคืน จะดีมากเลย
รีสอร์ทนี้ดังแค่ไหนคิดดูครับ ได้ขึ้นป้ายจากเว็ปชื่อดังของไทย และป้ายtripadvicerด้วย
ทั้งๆที่เป็นเมืองที่พูดตรงๆโดยรวมยังธุระกันดารมาก บอกลาน้องๆพนักงานดีกว่า อายยย
หลังจากนั้นพระอาทิตย์ตกเย็นแล้ว ผมกับพี่ๆก็ว่าจะไปหาเครื่องดื่มอะไรเย็นๆกินกันครับ
ที่นี่ถ้าใครมาจะต้องไม่พลาดเรื่องการนั่งริมแม่น้ำซอง เพื่อทานอาหาร กินเครื่องดื่มเบาๆ
แม่น้ำที่นี่น้ำจะไม่สูงขึ้นๆลงๆแบบที่ไทย เพราะแม่น้ำที่ไทย สายหลักๆอย่าง เจ้าพระยาหรือท่าจีน
จะมีเรื่องของน้ำทะเลหนุนสูง แต่ที่นี่ไม่ต้องห่วงระดับนั่งทั้งคืนก็ไม่สูงครับ
งั้นไปหาแพริมน้ำนั่งกัน
แจ๋วเลย บรรยากาศแบบนี้ต้องเก๊กฮวยบูดดดด (แต่ไม่ขอลงภาพนะครับ เดียวจะผิด พรบ.คอม)
แล้วเราก็สั่งของมากินกัน ปลาแน่นมาก น้ำจิ้มอร่อยสุดๆ โดนที่สุดตั้งแต่มาถึงวังเวียง อย่าพลาด มาลองกันนะ
กินคู่กับเก๊กฮวยบูด แซบบบบ!!
จบมื้อนี้ คิดค่าเสียหายประมาณ 180000 กีบ (700กว่าบาท) คุ้ม!! และต้องขอบคุณพี่ๆด้วยว่าจะช่วยแชร์แต่ได้รับคำปฎิเสธ ขอบคุณมากๆจริงครับ
จบมื้อค่ำก็วันแรกไปครับ
หลังจากนั้นก็สรุปแยกย้ายกลับที่พักเพราะเพลียจากการเดินทางมาก
และจะนัดเจอกันตอนเช้าเพื่อเช่ารถและออกไปเที่ยวบลูลากูน กัน
จบวันที่1แฮร่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น