จขกท.เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมาค่ะ
ก็เลยอยากจะมาแจ้งข่าวเอาไว้สำหรับคนที่กำลังจะเดินทางขึ้นไปเที่ยวบนเขา Koyasan เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
จขกท.ได้ทราบข่าวล่วงหน้าจากเพจ
Japaninfo ก่อนวันที่จะไป Koyasan ประมาณ 2-3 วัน ว่ารางรถไฟได้รับความเสียหายระหว่างสถานี Koyashita กับ Gokurakubashi (Gokurakubashi คือสถานีที่เราจะต้องเปลี่ยนเป็นรถรางขึ้นเขากัน) ดังนั้นทางบริษัท Nankai ก็เลยจัดรถบัสขึ้นเขาให้แทน โดยต้องแวะเปลี่ยนจากรถไฟเป็นรถบัสที่สถานี Hashimoto
ถึงจะรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงหลายๆ อย่างก็ยังฉุกละหุกอยู่ดี
โดยเราเริ่มเดินทางจากสถานี Shin imamiya นั่งเรื่อยๆ มาจนถึงสถานี Hashimoto ก่อนรถไฟเข้าเทียบสถานีปุ๊บก็จะมีประกาศภาษาญี่ปุ่นยาวๆ จับใจความได้แค่คำว่า Koyasan เท่าที่เราสังเกตไม่พบว่ามีการประกาศเป็นภาษาอังกฤษนะคะ (หรืออาจจะมีแต่เราไม่ได้ยิน?) แต่ตอนนั้นก็คาดเดาได้ว่าคงจะประกาศให้เปลี่ยนสถานีตรงจุดนี้เป็นแน่
แทบทุกคนในรถไฟก็กรูกันลงที่สถานีนี้แหละค่ะ ฮอตฮิตจริงอะไรจริง
ระหว่างทางก็จะมีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟคอยโบกมือเรียกตามจุดต่างๆ ให้ขึ้นบันไดตรงไหน ออกทางออกใด ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นเคย (ฟังออกแค่ Koyasan)
พอถึงประตูทางออก ยังไม่ต้องแตะบัตรออกนะคะ เจ้าหน้าที่เขาจะเปิดทางพิเศษให้เดินออกได้เลย หลังจากนั้นก็ไปเข้าแถวรอรถบัสที่หน้าสถานี Hashimoto
ตอนนั้นรอไม่นานค่ะ เราได้ขึ้นรถบัสคันที่สอง แต่ว่าระหว่างทางขึ้นเขารถติดมากกกกกก ต้องค่อยๆ คลานตามกันไป
จากปกติใช้เวลาไป Koyasan 2 ชม.นิดๆ คราวนี้ปาไป 3 ชม.เลยค่ะ
รถบัสจะไปจอดที่สถานี Koyasan ค่อยแตะบัตรจ่ายเงินตอนนี้ค่ะ
..................................
เนื่องจากครั้งนี้เป็น One day trip ของเรา หลังจากเที่ยวบนเขาเสร็จแล้ว ประมาณสี่โมงเราก็เริ่มเตรียมตัวจะกลับ
แต่พอขึ้นรถเมล์บนเขาไปลงที่สถานี Koyasan....คุณพระ! คนมากมายมหาศาล
คงเพราะเป็นช่วงเย็นที่คนต้องการเดินทางกลับกันเยอะ คิวนี่ยาวมากเลยค่ะ
หลังจากต่อแถวท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดนานนับชั่วโมง เราก็ได้ขึ้นรถบัสสักที (เท่าที่ลองนับดูคือประมาณคันที่ 5 ค่ะ)
แล้วเนื่องจากคนเยอะ จขกท.ก็เลยได้ที่นั่งเสริม เป็นเบาะพับได้แล้วคลี่ออกมานั่งระหว่างทางเดิน
อื้อหือ...เปิดประสบการณ์สุดๆ ค่ะ
แต่รอบนี้รถไม่ติดแล้ว ใช้เวลาเดินทางลงมาจากเขา ถึงสถานี Hashimoto แล้วกลับเข้าไปในเมืองโอซาก้า ประมาณสองชั่วโมงกว่าค่ะ
..................................
สิ่งที่อยากฝากสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไป Koyasan ช่วงนี้...
อันดับแรกเลยก็คือต้องเผื่อเวลาให้ดีค่ะ
สำหรับจขกท.อาจเพราะเป็นช่วงพีคของ Koyasan แถมยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีก คนเยอะและรถติดมากอย่างที่ไม่คาดคิดเลยค่ะ ครั้งก่อนไปตอนปลายตุลา และเป็นวันธรรมดา บรรยากาศบนเขาค่อนข้างสงบ ต่างจากตอนนี้ลิบลับ แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม คือคุ้มมาก ใบไม้แดงสวยจนน้ำตาจะไหล กดชัตเตอร์รัวๆ จนเมมเต็มเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าการเดินทางจะลำบากกว่าเดิมบ้างเพราะเหตุไม่คาดฝัน แต่ก็มองเห็นความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนค่ะ ตอนที่ต่อแถวอยู่หน้าสถานี Koyasan ก็จะเห็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิง วิ่งไปมาระหว่างหัวแถว-หางแถว เพื่อถามว่ามีใครต้องการซื้อตั๋วหรือเปล่า ถ้ามีก็จะรับเงิน วิ่งไปเอาตั๋วและเงินทอน แล้ววิ่งเอากลับมาให้ ไปๆ กลับๆ อยู่หลายรอบจนเหนื่อยแทน
ดังนั้นในฐานะนักท่องเที่ยวถึงจะลำบากหน่อยแต่ก็บ่นไม่ออกเลยค่ะ
หลังจากนี้ก็คงจะมีการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายสักพัก แต่คิดว่าน่าจะไม่นานค่ะ เพราะญี่ปุ่นเขาเก่งแนวๆ นี้อยู่แล้ว
ก่อนจะไปก็ลองเช็กข่าวดูอีกทีนะคะ ตอนนี้จขกท.เช็กจาก Google map ก็ยังขึ้นคำเตือนอยู่ค่ะ
ยังไงก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
ขอปิดท้ายด้วยรูปภาพ Shojin-Ryori หรือชุดอาหารมังสวิรัต เจ้านี่แหละค่ะที่ทำเอาดั้นด้นไปไกลถึงเพียงนี้
กินเสร็จ...อิ่มฟินไปทั้งวันเลยค่ะ
แจ้งข่าวคนที่จะเดินทางไป Koyasan, Wakayama "รถไฟได้รับความเสียหายจากใต้ฝุ่น ต้องแวะเปลี่ยนรถบัสที่สถานี Hashimoto"
ก็เลยอยากจะมาแจ้งข่าวเอาไว้สำหรับคนที่กำลังจะเดินทางขึ้นไปเที่ยวบนเขา Koyasan เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
จขกท.ได้ทราบข่าวล่วงหน้าจากเพจ Japaninfo ก่อนวันที่จะไป Koyasan ประมาณ 2-3 วัน ว่ารางรถไฟได้รับความเสียหายระหว่างสถานี Koyashita กับ Gokurakubashi (Gokurakubashi คือสถานีที่เราจะต้องเปลี่ยนเป็นรถรางขึ้นเขากัน) ดังนั้นทางบริษัท Nankai ก็เลยจัดรถบัสขึ้นเขาให้แทน โดยต้องแวะเปลี่ยนจากรถไฟเป็นรถบัสที่สถานี Hashimoto
ถึงจะรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงหลายๆ อย่างก็ยังฉุกละหุกอยู่ดี
โดยเราเริ่มเดินทางจากสถานี Shin imamiya นั่งเรื่อยๆ มาจนถึงสถานี Hashimoto ก่อนรถไฟเข้าเทียบสถานีปุ๊บก็จะมีประกาศภาษาญี่ปุ่นยาวๆ จับใจความได้แค่คำว่า Koyasan เท่าที่เราสังเกตไม่พบว่ามีการประกาศเป็นภาษาอังกฤษนะคะ (หรืออาจจะมีแต่เราไม่ได้ยิน?) แต่ตอนนั้นก็คาดเดาได้ว่าคงจะประกาศให้เปลี่ยนสถานีตรงจุดนี้เป็นแน่
แทบทุกคนในรถไฟก็กรูกันลงที่สถานีนี้แหละค่ะ ฮอตฮิตจริงอะไรจริง
ระหว่างทางก็จะมีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟคอยโบกมือเรียกตามจุดต่างๆ ให้ขึ้นบันไดตรงไหน ออกทางออกใด ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นเคย (ฟังออกแค่ Koyasan)
พอถึงประตูทางออก ยังไม่ต้องแตะบัตรออกนะคะ เจ้าหน้าที่เขาจะเปิดทางพิเศษให้เดินออกได้เลย หลังจากนั้นก็ไปเข้าแถวรอรถบัสที่หน้าสถานี Hashimoto
ตอนนั้นรอไม่นานค่ะ เราได้ขึ้นรถบัสคันที่สอง แต่ว่าระหว่างทางขึ้นเขารถติดมากกกกกก ต้องค่อยๆ คลานตามกันไป
จากปกติใช้เวลาไป Koyasan 2 ชม.นิดๆ คราวนี้ปาไป 3 ชม.เลยค่ะ
รถบัสจะไปจอดที่สถานี Koyasan ค่อยแตะบัตรจ่ายเงินตอนนี้ค่ะ
..................................
เนื่องจากครั้งนี้เป็น One day trip ของเรา หลังจากเที่ยวบนเขาเสร็จแล้ว ประมาณสี่โมงเราก็เริ่มเตรียมตัวจะกลับ
แต่พอขึ้นรถเมล์บนเขาไปลงที่สถานี Koyasan....คุณพระ! คนมากมายมหาศาล
คงเพราะเป็นช่วงเย็นที่คนต้องการเดินทางกลับกันเยอะ คิวนี่ยาวมากเลยค่ะ
หลังจากต่อแถวท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดนานนับชั่วโมง เราก็ได้ขึ้นรถบัสสักที (เท่าที่ลองนับดูคือประมาณคันที่ 5 ค่ะ)
แล้วเนื่องจากคนเยอะ จขกท.ก็เลยได้ที่นั่งเสริม เป็นเบาะพับได้แล้วคลี่ออกมานั่งระหว่างทางเดิน
อื้อหือ...เปิดประสบการณ์สุดๆ ค่ะ
แต่รอบนี้รถไม่ติดแล้ว ใช้เวลาเดินทางลงมาจากเขา ถึงสถานี Hashimoto แล้วกลับเข้าไปในเมืองโอซาก้า ประมาณสองชั่วโมงกว่าค่ะ
..................................
สิ่งที่อยากฝากสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไป Koyasan ช่วงนี้...
อันดับแรกเลยก็คือต้องเผื่อเวลาให้ดีค่ะ
สำหรับจขกท.อาจเพราะเป็นช่วงพีคของ Koyasan แถมยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีก คนเยอะและรถติดมากอย่างที่ไม่คาดคิดเลยค่ะ ครั้งก่อนไปตอนปลายตุลา และเป็นวันธรรมดา บรรยากาศบนเขาค่อนข้างสงบ ต่างจากตอนนี้ลิบลับ แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม คือคุ้มมาก ใบไม้แดงสวยจนน้ำตาจะไหล กดชัตเตอร์รัวๆ จนเมมเต็มเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าการเดินทางจะลำบากกว่าเดิมบ้างเพราะเหตุไม่คาดฝัน แต่ก็มองเห็นความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนค่ะ ตอนที่ต่อแถวอยู่หน้าสถานี Koyasan ก็จะเห็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิง วิ่งไปมาระหว่างหัวแถว-หางแถว เพื่อถามว่ามีใครต้องการซื้อตั๋วหรือเปล่า ถ้ามีก็จะรับเงิน วิ่งไปเอาตั๋วและเงินทอน แล้ววิ่งเอากลับมาให้ ไปๆ กลับๆ อยู่หลายรอบจนเหนื่อยแทน
ดังนั้นในฐานะนักท่องเที่ยวถึงจะลำบากหน่อยแต่ก็บ่นไม่ออกเลยค่ะ
หลังจากนี้ก็คงจะมีการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายสักพัก แต่คิดว่าน่าจะไม่นานค่ะ เพราะญี่ปุ่นเขาเก่งแนวๆ นี้อยู่แล้ว
ก่อนจะไปก็ลองเช็กข่าวดูอีกทีนะคะ ตอนนี้จขกท.เช็กจาก Google map ก็ยังขึ้นคำเตือนอยู่ค่ะ
ยังไงก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
ขอปิดท้ายด้วยรูปภาพ Shojin-Ryori หรือชุดอาหารมังสวิรัต เจ้านี่แหละค่ะที่ทำเอาดั้นด้นไปไกลถึงเพียงนี้
กินเสร็จ...อิ่มฟินไปทั้งวันเลยค่ะ