

รีวิว "ทริป สวนผึ้ง ราชบุรี" ฉบับช็อปกินเที่ยวใน 1 วัน แบบ
ขับรถเที่ยวเอง สำหรับคน
เวลาน้อย และ
ไม่มีเวลาค้างคืนอย่างผม แต่ตารางจะค่อนข้างแน่นหน่อยๆนะ แบบแนวชะโงกทัวร์นิดๆ เพราะมีแต่สถานที่น่าไปทั้งนั้นเลยใน จ.ราชบุรี เลือกไม่ถูกจริงๆ
เตรียมพร้อมออกเดินทาง เช็คสภาพรถ สภาพคนให้พร้อม วางแผนจะไปกินข้าวในตัวเมืองราชบุรี เลยออกเช้าหน่อยเกือบ 7 โมง เดินทางประมาณ 1 ชม. ครึ่ง ไปถึงแปดโมงนิดๆ แวะกิน "ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม" เค้าบอกเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของจังหวัดราชบุรี น้ำซุปรสชาติหวานอร่อยแบบธรรมชาติ เส้นลวกดีทีเดียว มีความเหนียวนุ่ม มีไข่ต้มยางมะตูมด้วย โดยเฉพาะเมนูต้มยำแห้ง เด็ดมาก ต้องขอสั่งเพิ่มอีกชาม 555 นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยว ก็ยังมี หมูสะเต๊ะ อาหารและขนมอื่น ๆ ด้วย


กินอิ่มแล้ว ขับรถต่อมาชมสะพานที่ทอดยาวคดเคี้ยวคล้ายงูที่ "อุทยานหินเขางู" เค้าบอกเดิมทีเนี่ยหินเขางูเป็นเหมืองระเบิดหินเก่าด้วยนะ ถึงว่ารูปร่างภูเขามันเป็นหินที่ดูราบๆเหมือนผ่านการระเบิดมา และก็ตอนกลางคืน ประมาณทุ่มนึงของทุกวัน สามารถชมหิ่งห้อยได้ด้วย เสียดายมากมาเช้าไปหน่อย


#หยุดวาดฝันแป๊ป เดินต่อตามทางมาที่ศาลาชมวิว จากมุมนี้สามารถมองเห็นวิวสวยๆสุดสายตา แต่เหงื่อไหลทะลัก มีความอบอ้าวมาก ทั้งที่อยู่ที่สูง 555 ลงจากศาลาชมวิวเลยแวะซื้อน้ำให้ชุ่มฉ่ำหัวใจเล็กๆ แก้วใหญ่มากกกก ราคา 20 บาท (ลุงบอกนี่ขึ้นราคาแล้ว เดิมขาย 15 บาท)



จากเขาหินงู ก็มุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง ตามเส้นทางนี้ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวเรียงรายตามทางไปเรื่อยๆเลย สถานที่แรกที่แวะชมคือ "Coro Field" ฟาร์มออแกนิคสไตล์ญี่ปุ่น มีโรงเรือนปลูกเมล่อนมองเข้าไปเมล่อนห้อยเต็มเลย ยังกะของปลอม ค่าเข้า 200 บาท มีเป็นรอบๆเวลานะ ต้องใส่ชุดอวกาศด้วย 55 เลยไม่ได้เข้าไปชม เดินชมข้างนอกแทน ก็ไปเดินชิมเมลอนเย็นๆฟรี ถามว่าหวานมั้ยก็เฉยๆ 55 แต่ที่อดใจไม่ไหวเลยจริงๆ ก็เลยจัดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเมลอนโยเกิร์ต ชื่นใจมาก เปรี้ยวนิดๆ แต่ละลายเร็วมากเพราะอากาศร้อน เลยต้องรีบกิน

เดินไปกินไปก็เข้าสู่ Coro Garden เข้าฟรีนะ ไม่ต้องเสียตัง ถ่ายรูปกับต้น Morning glory พร้อมดอกของมันบานๆสีม่วง แล้วก็มีสวนมะเขือเทศ แต่ไม่ให้เข้าชมอะ เสียดาย กำลังโตอยู่มั้ง



เดินลึกเข้าไปอีกก็จะเป็น Coro Me สถานที่ให้วาดฝันจินตนาการทำสวนถาดได้เอง แต่ต้องเสียตังนะ เลยเดินชมเฉยๆ มีชั้น 2 เป็นดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิวได้ ด้านล่างก็เป็นเนินให้นอนเล่นได้มีหมอนวางประปรายตามเนิน มีความสุขเวลาได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ




มาต่อกันที่ "Veneto สวนผึ้ง" สถานที่พักผ่อน ถ่ายภาพ 4 มิติ ฟาร์มกระต่าย บ่อปลาคาร์ฟ อาคารสไตล์ Santorini ค่าเข้าแพงนะ ไม่รวม 4D ก็ 70 บาทแล้ว เข้าไปคนน้อยมาก เมื่อก่อนเค้าบอกมีตลาดน้ำ ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไปถ่ายรูปแล้วกลับ เล่นกับน้องกระต่ายนิดนึง ไม่ค่อยประทับใจเท่าไรอ่าาา





เกือบบ่ายโมงแล้ว ขับรถจะไป Alpaca Hill ต่อ ซึ่งฝนตกหนักมาก ทางก็คดเคี้ยวกลางหุบเขา แต่จองไว้แล้ว และตั้งใจมาก ก็ต้องไป ข้าวก็หิว สุดท้ายก็ผ่านร้านส้มตำไก่ย่างร้านนึง เป็นร้านบ้านๆเพิงมุมจาก เลยจอดแวะ คืออออ อร่อยมากกกกกกกกกกกก ไก่นุ่มหอมมาก ส้มตำปูปลาร้าคือเด็ดมาก แม่ค้าใจดีน่ารัก ราคาไม่แพงเลย ฟินสุดๆ
โชคดีที่ฝนหยุดพอดี เดินทางมาถึง Alpaca Hill ฟาร์มอัลปาก้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กว่า 250 ไร่ เข้าผ่านประตูเข้าไป ถามก่อนเลยว่าน้องอัลปาก้าออกมาได้มั้ย ถ้าไม่ได้คือจะตีรถกลับจิงๆ และแล้ว พนง. ก็วอถามภายใน บอกว่าอัลปาก้าออกมาได้ รีบวิ่งเข้าเลย 55 จองบัตรผ่านเว็บแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน รับสายคล้องข้อมือมา แล้วเดินไปยังอาคารที่เปิดวิดีโอแนะนำสถานที่และการปฏิบัติตัว มีการแจกกระเป๋าย่าม กับป้ายคล้องคอ ในกระเป๋าก็จะมีแผนที่ และอาหารอัลปาก้าคนละ 1 จาน สามารถซื้อเพิ่มได้ 3 จาน 100 บาท ส่วนป้ายนี่ใช้เพื่อแยกความ VIP มาก กับ มากกกก 55 อ้อ ราคาบัตรเข้าชมถูกสุดคือ 290 บาท แพงสุดก็ทำได้ทุกอย่างที่มีตามนี้เลย
http://www.alpacahill.com/en/admission/

หลังจากฟังบรรยายเสร็จ ก็เดินไปชม สถานที่แรกคือ Harry Hut มีนกฮูกตาโต รออยู่ สวยมาก



เดินต่อมาก็จะเจอน้องอัลปาก้าที่สามารถสัมผัสโอบกอดอัลปาก้าได้อย่างใกล้ชิด แต่เงื่อนไขคือต้องมีอาหารมาล่อมัน แกะปุ้บมันจะยื่นหน้ามากินอย่างตะกละ ใน 5-10 วินาทีนี้ กล้องต้องรัว วีดีโอต้องพร้อม อาหารหมด มันจะหนีไปอย่างไม่มีเยื่อใย และไม่กลับมาอีกถ้าไม่มีอาหารในมือ (เทคนิคที่จะทำให้อยู่กับมันนานๆคืออย่าพึ่งแกะพลาสติกออก ให้เขย่าๆถาดอาหารให้มีเสียง มันจะเดินมาจริงๆ ใช้ได้ดีมาก แนะนำๆ 555)


สิ่งที่ไกด์แนะนำคือ อย่าป้อนอาหารจากภายนอก งดเสียงดัง และงดแฟลช ไม่งั้นมันอาจจะตื่นตูมได้ การเข้าไปสัมผัสอัลปาก้าต้องค่อยๆเอามือเข้าไปจับบริเวณลำคอ ไม่ควรลูบหัวนะ เนื่องจากมันไม่ชอบและจะพ่นน้ำลายใส่ ข้อห้ามสุดท้ายคือ อย่าเดินเข้าข้างหลัง เพราะแค่ "เพียงข้างหลัง" ของพี่เบนกับอ๊อฟ อาจจะโดนมันดีดเอาง่ายๆ คือเหมือนม้ามาก (แต่จริงๆมันอยู่ในวงศ์เดียวกับอูฐนะ หาข้อมูลจากอากู๋มา)

และใครที่พลาดเสี้ยววินาทีแห่งการถ่ายภาพความเร็วสูง สามารถถ่ายภาพกับอัลปาก้าตัวนึงขนสีครีม ที่ยืนนิ่งเป็นนายแบบให้ถ่าย โดยไม่ต้องมีอาหารมาล่อเลย อ้าววว เงิบไปเลย รู้งี้ไม่ต้องเหนื่อยลากคออัลปาก้ามาถ่ายรูปดีกว่า แต่ผมว่าแล้วแต่อารมณ์มันด้วยนะ ..

นอกจากเจ้าอัลปาก้าแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์แปลกๆ น่ารักๆ ให้ชมอีกเยอะมาก เช่น มาโมเสท วอลลาบี้ จิงโจ้แคระ แมวเปอร์เซีย นกกระตั้ว แพรรีด็อก ฯลฯ

เดินกันต่อมาที่ Hobbit Hill มีฝูงห่านที่สามารถให้อาหารได้กับมือ และกระท่อมฮอบบิทให้เดินถ่ายรูปชิวๆ เหมือนอยู่ต่างประเทศที่ Hobbiton นิวซีแลนด์เลย



ยังไม่จบ เดินออกมา จะมีบ้านน้องแมว น้องหนู แสนน่ารัก นอนเล่นให้เราได้สัมผัสใกล้ชิด

และปิดท้ายด้วยการให้อาหารน้องแกะสุดน่ารัก ที่กระโจนเข้ามาแบบถล่มทลาย ขอไม่ไผ่ฟรีไม่อั้น ให้กินกันเต็มอิ่ม

ก่อนกลับ แวะไปรับของที่ระลึกที่ร้าน Cafe เป็นขนอัลปาก้า คนละ 1 ถุงสีทอง เชื่อว่าเป็น เส้นใยจากพระเจ้า ใครมีไว้จะพบแต่ความโชคดี 555 แล้วก็เดินทางกลับ กว่าจะถึงตัวเมืองเกือบ 6 โมงเย็น มาหาของกินแถวในตัวเมือง เป็นร้านโจ้ก ตรงข้าม Lotus ราคาย่อมเยา แต่อร่อยมาก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แล้วก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
ขอจบการรีวิวทริปไว้เพียงเท่านี้
List ที่ยังไม่ได้ไป (ไปไม่ทัน)
-บ้านหอมเทียน
-New Land
-The Resort Waterpark
-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
-น้ำตกเก้าชั้น หรือเก้าโจน
-เขากระโจม
-เรื่องของโอ่ง
-เถ้า ฮง ไถ่
-พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจังหวัดราชบุรี
-หอศิลป์ D Kunst
-Secret Space
#แนะนำว่าใครมีเวลา ควรไปอย่างน้อยสัก 2 วัน หาที่พักที่สวนผึ้งหรือบนเขากระโจม น่าจะได้เที่ยวเยอะกว่านี้#
[CR] รีวิว One Day Trip สวนผึ้ง ราชบุรี
เตรียมพร้อมออกเดินทาง เช็คสภาพรถ สภาพคนให้พร้อม วางแผนจะไปกินข้าวในตัวเมืองราชบุรี เลยออกเช้าหน่อยเกือบ 7 โมง เดินทางประมาณ 1 ชม. ครึ่ง ไปถึงแปดโมงนิดๆ แวะกิน "ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม" เค้าบอกเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของจังหวัดราชบุรี น้ำซุปรสชาติหวานอร่อยแบบธรรมชาติ เส้นลวกดีทีเดียว มีความเหนียวนุ่ม มีไข่ต้มยางมะตูมด้วย โดยเฉพาะเมนูต้มยำแห้ง เด็ดมาก ต้องขอสั่งเพิ่มอีกชาม 555 นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยว ก็ยังมี หมูสะเต๊ะ อาหารและขนมอื่น ๆ ด้วย
โชคดีที่ฝนหยุดพอดี เดินทางมาถึง Alpaca Hill ฟาร์มอัลปาก้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กว่า 250 ไร่ เข้าผ่านประตูเข้าไป ถามก่อนเลยว่าน้องอัลปาก้าออกมาได้มั้ย ถ้าไม่ได้คือจะตีรถกลับจิงๆ และแล้ว พนง. ก็วอถามภายใน บอกว่าอัลปาก้าออกมาได้ รีบวิ่งเข้าเลย 55 จองบัตรผ่านเว็บแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน รับสายคล้องข้อมือมา แล้วเดินไปยังอาคารที่เปิดวิดีโอแนะนำสถานที่และการปฏิบัติตัว มีการแจกกระเป๋าย่าม กับป้ายคล้องคอ ในกระเป๋าก็จะมีแผนที่ และอาหารอัลปาก้าคนละ 1 จาน สามารถซื้อเพิ่มได้ 3 จาน 100 บาท ส่วนป้ายนี่ใช้เพื่อแยกความ VIP มาก กับ มากกกก 55 อ้อ ราคาบัตรเข้าชมถูกสุดคือ 290 บาท แพงสุดก็ทำได้ทุกอย่างที่มีตามนี้เลย http://www.alpacahill.com/en/admission/
ขอจบการรีวิวทริปไว้เพียงเท่านี้
List ที่ยังไม่ได้ไป (ไปไม่ทัน)
-บ้านหอมเทียน
-New Land
-The Resort Waterpark
-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
-น้ำตกเก้าชั้น หรือเก้าโจน
-เขากระโจม
-เรื่องของโอ่ง
-เถ้า ฮง ไถ่
-พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจังหวัดราชบุรี
-หอศิลป์ D Kunst
-Secret Space
#แนะนำว่าใครมีเวลา ควรไปอย่างน้อยสัก 2 วัน หาที่พักที่สวนผึ้งหรือบนเขากระโจม น่าจะได้เที่ยวเยอะกว่านี้#