สวัสดีครับ หลังจากที่ได้ใช้โทรศัพท์ Nexus 6P (
ตามที่เคยรีวิวไว้นานแล้ว) มาถึงสองปี ก็เป็นอันต้องปลดประจำการ เนื่องด้วยเป็นคนที่เปลีย่นโทรศัพท์สองปีครั้ง สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า Pixel Phone คืออะไร ขอเล่าแบบย่อๆนะครับ ส่วนคนที่ทราบแล้วก็สามารถข้ามไปได้เลย
Pixel เป็น Line โทรศัพท์ล่าสุดจาก Google ที่มีอายุมาประมาณปีกว่าแล้ว หลังจากที่ยกเลิก Line ของ Nexus ไปเมื่อปีที่แล้ว ทาง Google ได้ทำการเปิดตัว Pixel และ Pixel XL เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา และทำการฆ่า Nexus ทิ้ง ซึ่งกระแสตอบรับของ Pixel ก็ถือว่าค่อนข้างเป็นบวกพอสมควรครับ เนื่องจากเรื่องกล้องถ่ายรูปอันสุดยอดที่ Google ปรับแต่งออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ด้วยความที่ Google เป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ พวกเขาจึงไม่ผลิตโทรศัพท์เอง ซึ่งแต่ละปีพวกเขาจะไปจ้างบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ที่มีชื่อเสียงมาช่วยแบ่งเบาภาระตรงส่วนนี้ไป เช่นปี 2015 ทาง Google จ้าง Huawei มาทำ Nexus 6P หรือปี 2016 ที่จ้าง HTC มาทำ Pixel Phone นั่นเอง ส่วนปีนี้ตัว Pixel 2 XL บริษัท LG ได้ไป ในขณะที่ตัวรองอย่าง Pixel 2 ได้ HTC เป็นคนทำเหมือนเดิม
สำหรับโค้ดของการสร้างโทรศัพท์ของ Google นั้นคือ 'Pure Android Experience' ครับ พูดง่ายๆคือ Android แบบสดๆ ไม่มี bloatware มาเจือปนในแบบที่ Google มองว่ามันควรจะเป็น ไม่มีอะไรมาเจือปน พูดง่ายๆคือหาก Google เป็นผู้ให้กำเนิด Android พวกเขาก็ต้องการที่จะนำเสนอ Android ในรูปแบบดั้งเดิมของพวกเขา ความได้เปรียบของโทรศัพท์ที่สร้างโดย Google ก็คือมันจะได้รับซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชันใหม่ทุกๆปีก่อนใคร รับมาจาก Google โดยตรงนั่นเองครับ
ผมสั่งเครื่องมาจาก Taobao ในจีนเช่นเคยครับ ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ในประเทศจีนมาได้สองปีกว่าแล้วหลังจากเรียนจบและก็ทำงานที่นี่ต่อ โดยรุ่นที่ผมสั่งมาคือ Pixel 2 XL 128GB สี 'Just Black' หรือสีดำนั่นเอง
กล่องด้านหน้าจะมีลักษณะเล็กกว่าของสมัยตอน Nexus 6P บ่งบอกถึงความประหยัดในปีนี้นั่นเอง
ด้านหลังกล่องมีตัวหนังสือ #teampixel เขียนอยู่บนแบคกราวสีน้ำเงิน ซึ่งถ้าเป็นตัว Pixel 2 ธรรมดาจะเป็นสีเขียว
ด้านข้างซ้ายขวาของกล่องแต่ละด้านจะแสดงรูปโทรศัพท์แบบข้างๆ ซึ่งดูมีความบางพอสมควร ส่วนอีกด้านหนึ่งทาง Google เอาตัวชูโรงของปีที่แล้วมา ซึ่งก็คือ Google Assistant และของปีนี้ ก็คือ Google Lens มาแปะไว้นั่นเอง
เปิดมาก็รู้สึกว่า presentation เป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่าแต่ก่อนมาก โทรศัพท์ถูกห่อด้วยพลาสติกและวางคว่ำหน้าไว้ เผยให้เห็นถึงกระจก visor สีดำและที่สแกนลายนิ้วมือที่เด่นมาก
เมื่อแกะออกมาดูทั้งหมด สิ่งที่เราจะได้ก็ประกอบไปด้วย
- โทรศัพท์ Pixel 2 XL สีดำ
- สายชาร์จ USB-C แบบสองด้าน
- หัวแปลง USB-C เป็น USB 3.0
- ตัว dongle แปลงรูเสียบหูฟังเป็น USB-C
- ปลั๊กเสียบชาร์จแบบ USB-C
- สมุดคู่มือต่างๆ
- ที่เจาะ SIM
หลังจากนั้นมาดูตัวเครื่องกันบ้างครับ [ผมลืมถ่ายตอนก่อนติดสกินจาก dbrand เลยต้องขออนุญาตเอาภาพมาจากในเนทนะครับ]
สำหรับตัว Pixel 2 XL ในปีนี้จะมีมาทั้งหมดสองสี คือสีดำ และสำขาวแบบแพนด้า เครื่องที่ผมนำมารีวิวคือสีดำ (แม้ว่าตอนหลังจะติดสกินเปลี่ยนให้เป็นสีแพนด้าก็ตาม) ปีนี้ Google เลือกที่จะทำให้หน้าจอเป็นขนาด 6 นิ้ว ใหญ่สะใจมาก ทว่า ratio ของหน้าจอจะอยู่ที่ 18:9 ซึ่งประโยชน์ของมันสามารถตามอ่านได้
ที่นี่ เมื่อจับตัวเครื่องดูจะรู้สีกว่ามันมีความสากมือมาก ทาง Google เคลมว่าตัวเครื่องนั้นเป็นเมทัลแบบ unibody แต่ว่าถูกเคลือบไว้ด้วยวัสดุพลาสติกชนิดพิเศษที่ทำให้ "ไม่ลื่นมือ" และสามารถทำให้กันน้ำตามมาตรฐาน IP67 ได้ ซึ่งมันจะเคลือบไปถึงทีแสกนลายนิ้วมือเลยครับ
เริ่มมาตั้งแต่ด้านบนของตัวเครื่อง ขอบด้านบนสุดจะเป็นตำแหน่งไมโครโฟนขนาดเล็ก ลงมาด้านหลังส่วนบนจะเป็นตำแหน่งที่ทาง Google เรียกว่า visor glass ซึ่งหากลองสังเกตดูดีๆรูปแบบการดีไซน์ดังกล่าวมีมาตั้งแต่ Nexus 6P แล้ว และทาง Google ก็ยังคงรูปแบบ design languag นี้มาจนถึงปัจจุบันครับ ซึ่งส่วนที่อยู่บน visor glass นั้นจะประกอบไปด้วยกล้องถ่ายรูปที่ทาง Google เรียกมันว่า 'dual-pixel sensor' และได้มีการเพิ่มตัว optical image stabilization หรือตัวช่วยป้องกันสั่นแบบ hardware มาด้วย โดยกล้องดังกล่าวจะมีขนาดรูรับแสง f/1.8 (อัพเกรดจากเมื่อปีที่แล้วที่ f/2.0) และความละเอียดสูงสุดที่ 12.2 MP
ด้านข้างกล้องจะเป็นที่วางแฟลชและเซนเซอร์ ซึ่งความน่าสนใจก็คือหากเป็นตัว pixel แบบธรรมดา ตำแหน่งของแฟลชและกล้องจะสลับด้านกัน
ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือที่ Google เรียกว่า Finger Imprint และลงมาอีกจะเป็นโลโก้ Google
ทีนี้มาดูด้านหน้าบ้าง หน้าจอของ Pixel 2 XL จะเป็นหน้าจอความละเอียดแบบ QHD และเป็น pOLED ที่ผลิตโดย LG (ซึ่งมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เดี๋ยวจะอธิบายไว้ในตอนต่อไปครับ) โดยจะไม่แตกต่างจาก Super AMOLED ของ Samsung มากในเรื่องของการทำงาน แต่ในด้านของคุณภาพนั้น หลายๆคนเชื่อว่าไม่สามารถสู้ของ Samsung ได้ครับ ปีนี้เทรนด์การออกแบบหน้าจอแบบ 'light bezel' หรือขอบบางกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งอาจกล่าได้ว่าเป็นเทรนด์แห่งปี 2017 เลยก็ว่าได้ ตามที่เห็นได้จาก flagship ของค่ายดังๆอย่าง iPhone X, Note 8, V30 และ Essential Phone เป็นต้น ซึ่ง Google ก็ตามกระแสนี้ด้วยเช่นกัน
ด้านบนสุดของจอจะเป็นกล้องหน้าขนาด 8MP และมีเซนเซอร์อยู่ข้างๆ ถัดมาเป็นลำโพงแบบ stereo ที่จะมีวางตำแหน่งอยู่ทั้งด้านบนและล่างของโทรศัพท์
ใช่แล้วครับ มันคือลำโพง stereo ที่ส่วนตัวผมชอบการวางตำแหน่งในลักษณะดังกล่าวมากที่สุด เพราะเวลาเราจับโทรศัพท์มือเราจะไปโดนตำแหน่งขอบด้านซ้ายขวาของโทรศัพท์ ซึ่งโทรศัพท์มือถือที่มีการนำเอาลำโพงไปวางไว้ตำแหน่งดังกล่าวเวลาเราดูวีดีโอแบบแนวนอนก็จะโดนมือเราอุดเสียงไว้ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากสำหรับผม ดังนั้นสำหรับปีนี้นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ผมเลือก Pixel 2 XL เนื่องจากว่า Google ได้นำระบบลำโพง stereo แบบยิงเข้าหน้ากลับมาอีกครั้งนั่นเอง
ด้านซ้ายของโทรศัพท์จะเป็นที่ใส่ SIM แบบเจาะ ตัวเครื่องที่ผมได้มาเป็นแบบ unlock แล้ว ดังนั้นจึงรองรับ carier ได้แทบจะทั่วโลก (ตอนนี้ยังไม่ได้ทดสอบนำไปใช้งานที่ไทย แต่ที่จีนใช้ได้ปกติไม่มีปัญหาครับ ก่อนหน้านี้ 6P เป็นตัว unlock เหมือนกันแต่ก็เคยลองนำไปใช้ที่ไทยแล้ว พบว่าใช้กับ Truemove H ได้แบบ 100% ครับ) ส่วนด้านขวาเป็นสวิตซ์เปิดปิดโทรศัพท์และโวลลุ่ม สำหรับผู้ที่เคยใช้ 6P มาก่อนจะรู้สึกว่าปุ่มของ Pixel 2 XL มันกดยากมากๆ เพราะมันแบนติดลงไปกับโทรศัพท์เลย และต้องออกแรงหน่อย ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชินกับมันสักเท่าไรนัก ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็ได้นำสกินของ dbrand มาติดตั้งเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนครับ
ตารางด้านล่างจะเป็นการเปรียบเทียบสเปคของ Pixel 2 XL และ Pixel 2 ครับ ความแตกต่างของทั้งสองโมเดลนี้คือแค่ขนาดหน้าจอและตัวเครื่อง, การวางตำแหน่งกล้องถ่ายรูปแฟลชด้านหลัง และราคา ส่วนนอกนั้นเหมือนกันหมดทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นสเป็กเครื่อง และกล้องถ่ายรูป
สำหรับเรื่องแบตเตอรี่, ระบบปฏิบัติการ, ศักยภาพของสเปค และเรื่องกล้อง เดี๋ยวผมขอเวลาอีก 2-3 วันจะมารีวิวให้ฟังนะครับ
[CR] Google Pixel 2 XL โทรศัพท์ Android ที่ได้คะแนนกล้อง DxOMark ถึง 98 คะแนน
Pixel เป็น Line โทรศัพท์ล่าสุดจาก Google ที่มีอายุมาประมาณปีกว่าแล้ว หลังจากที่ยกเลิก Line ของ Nexus ไปเมื่อปีที่แล้ว ทาง Google ได้ทำการเปิดตัว Pixel และ Pixel XL เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา และทำการฆ่า Nexus ทิ้ง ซึ่งกระแสตอบรับของ Pixel ก็ถือว่าค่อนข้างเป็นบวกพอสมควรครับ เนื่องจากเรื่องกล้องถ่ายรูปอันสุดยอดที่ Google ปรับแต่งออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ด้วยความที่ Google เป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ พวกเขาจึงไม่ผลิตโทรศัพท์เอง ซึ่งแต่ละปีพวกเขาจะไปจ้างบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ที่มีชื่อเสียงมาช่วยแบ่งเบาภาระตรงส่วนนี้ไป เช่นปี 2015 ทาง Google จ้าง Huawei มาทำ Nexus 6P หรือปี 2016 ที่จ้าง HTC มาทำ Pixel Phone นั่นเอง ส่วนปีนี้ตัว Pixel 2 XL บริษัท LG ได้ไป ในขณะที่ตัวรองอย่าง Pixel 2 ได้ HTC เป็นคนทำเหมือนเดิม
สำหรับโค้ดของการสร้างโทรศัพท์ของ Google นั้นคือ 'Pure Android Experience' ครับ พูดง่ายๆคือ Android แบบสดๆ ไม่มี bloatware มาเจือปนในแบบที่ Google มองว่ามันควรจะเป็น ไม่มีอะไรมาเจือปน พูดง่ายๆคือหาก Google เป็นผู้ให้กำเนิด Android พวกเขาก็ต้องการที่จะนำเสนอ Android ในรูปแบบดั้งเดิมของพวกเขา ความได้เปรียบของโทรศัพท์ที่สร้างโดย Google ก็คือมันจะได้รับซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชันใหม่ทุกๆปีก่อนใคร รับมาจาก Google โดยตรงนั่นเองครับ
ผมสั่งเครื่องมาจาก Taobao ในจีนเช่นเคยครับ ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ในประเทศจีนมาได้สองปีกว่าแล้วหลังจากเรียนจบและก็ทำงานที่นี่ต่อ โดยรุ่นที่ผมสั่งมาคือ Pixel 2 XL 128GB สี 'Just Black' หรือสีดำนั่นเอง
กล่องด้านหน้าจะมีลักษณะเล็กกว่าของสมัยตอน Nexus 6P บ่งบอกถึงความประหยัดในปีนี้นั่นเอง
ด้านหลังกล่องมีตัวหนังสือ #teampixel เขียนอยู่บนแบคกราวสีน้ำเงิน ซึ่งถ้าเป็นตัว Pixel 2 ธรรมดาจะเป็นสีเขียว
ด้านข้างซ้ายขวาของกล่องแต่ละด้านจะแสดงรูปโทรศัพท์แบบข้างๆ ซึ่งดูมีความบางพอสมควร ส่วนอีกด้านหนึ่งทาง Google เอาตัวชูโรงของปีที่แล้วมา ซึ่งก็คือ Google Assistant และของปีนี้ ก็คือ Google Lens มาแปะไว้นั่นเอง
เปิดมาก็รู้สึกว่า presentation เป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่าแต่ก่อนมาก โทรศัพท์ถูกห่อด้วยพลาสติกและวางคว่ำหน้าไว้ เผยให้เห็นถึงกระจก visor สีดำและที่สแกนลายนิ้วมือที่เด่นมาก
เมื่อแกะออกมาดูทั้งหมด สิ่งที่เราจะได้ก็ประกอบไปด้วย
- โทรศัพท์ Pixel 2 XL สีดำ
- สายชาร์จ USB-C แบบสองด้าน
- หัวแปลง USB-C เป็น USB 3.0
- ตัว dongle แปลงรูเสียบหูฟังเป็น USB-C
- ปลั๊กเสียบชาร์จแบบ USB-C
- สมุดคู่มือต่างๆ
- ที่เจาะ SIM
หลังจากนั้นมาดูตัวเครื่องกันบ้างครับ [ผมลืมถ่ายตอนก่อนติดสกินจาก dbrand เลยต้องขออนุญาตเอาภาพมาจากในเนทนะครับ]
สำหรับตัว Pixel 2 XL ในปีนี้จะมีมาทั้งหมดสองสี คือสีดำ และสำขาวแบบแพนด้า เครื่องที่ผมนำมารีวิวคือสีดำ (แม้ว่าตอนหลังจะติดสกินเปลี่ยนให้เป็นสีแพนด้าก็ตาม) ปีนี้ Google เลือกที่จะทำให้หน้าจอเป็นขนาด 6 นิ้ว ใหญ่สะใจมาก ทว่า ratio ของหน้าจอจะอยู่ที่ 18:9 ซึ่งประโยชน์ของมันสามารถตามอ่านได้ที่นี่ เมื่อจับตัวเครื่องดูจะรู้สีกว่ามันมีความสากมือมาก ทาง Google เคลมว่าตัวเครื่องนั้นเป็นเมทัลแบบ unibody แต่ว่าถูกเคลือบไว้ด้วยวัสดุพลาสติกชนิดพิเศษที่ทำให้ "ไม่ลื่นมือ" และสามารถทำให้กันน้ำตามมาตรฐาน IP67 ได้ ซึ่งมันจะเคลือบไปถึงทีแสกนลายนิ้วมือเลยครับ
เริ่มมาตั้งแต่ด้านบนของตัวเครื่อง ขอบด้านบนสุดจะเป็นตำแหน่งไมโครโฟนขนาดเล็ก ลงมาด้านหลังส่วนบนจะเป็นตำแหน่งที่ทาง Google เรียกว่า visor glass ซึ่งหากลองสังเกตดูดีๆรูปแบบการดีไซน์ดังกล่าวมีมาตั้งแต่ Nexus 6P แล้ว และทาง Google ก็ยังคงรูปแบบ design languag นี้มาจนถึงปัจจุบันครับ ซึ่งส่วนที่อยู่บน visor glass นั้นจะประกอบไปด้วยกล้องถ่ายรูปที่ทาง Google เรียกมันว่า 'dual-pixel sensor' และได้มีการเพิ่มตัว optical image stabilization หรือตัวช่วยป้องกันสั่นแบบ hardware มาด้วย โดยกล้องดังกล่าวจะมีขนาดรูรับแสง f/1.8 (อัพเกรดจากเมื่อปีที่แล้วที่ f/2.0) และความละเอียดสูงสุดที่ 12.2 MP
ด้านข้างกล้องจะเป็นที่วางแฟลชและเซนเซอร์ ซึ่งความน่าสนใจก็คือหากเป็นตัว pixel แบบธรรมดา ตำแหน่งของแฟลชและกล้องจะสลับด้านกัน
ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือที่ Google เรียกว่า Finger Imprint และลงมาอีกจะเป็นโลโก้ Google
ทีนี้มาดูด้านหน้าบ้าง หน้าจอของ Pixel 2 XL จะเป็นหน้าจอความละเอียดแบบ QHD และเป็น pOLED ที่ผลิตโดย LG (ซึ่งมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เดี๋ยวจะอธิบายไว้ในตอนต่อไปครับ) โดยจะไม่แตกต่างจาก Super AMOLED ของ Samsung มากในเรื่องของการทำงาน แต่ในด้านของคุณภาพนั้น หลายๆคนเชื่อว่าไม่สามารถสู้ของ Samsung ได้ครับ ปีนี้เทรนด์การออกแบบหน้าจอแบบ 'light bezel' หรือขอบบางกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งอาจกล่าได้ว่าเป็นเทรนด์แห่งปี 2017 เลยก็ว่าได้ ตามที่เห็นได้จาก flagship ของค่ายดังๆอย่าง iPhone X, Note 8, V30 และ Essential Phone เป็นต้น ซึ่ง Google ก็ตามกระแสนี้ด้วยเช่นกัน
ด้านบนสุดของจอจะเป็นกล้องหน้าขนาด 8MP และมีเซนเซอร์อยู่ข้างๆ ถัดมาเป็นลำโพงแบบ stereo ที่จะมีวางตำแหน่งอยู่ทั้งด้านบนและล่างของโทรศัพท์
ใช่แล้วครับ มันคือลำโพง stereo ที่ส่วนตัวผมชอบการวางตำแหน่งในลักษณะดังกล่าวมากที่สุด เพราะเวลาเราจับโทรศัพท์มือเราจะไปโดนตำแหน่งขอบด้านซ้ายขวาของโทรศัพท์ ซึ่งโทรศัพท์มือถือที่มีการนำเอาลำโพงไปวางไว้ตำแหน่งดังกล่าวเวลาเราดูวีดีโอแบบแนวนอนก็จะโดนมือเราอุดเสียงไว้ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากสำหรับผม ดังนั้นสำหรับปีนี้นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ผมเลือก Pixel 2 XL เนื่องจากว่า Google ได้นำระบบลำโพง stereo แบบยิงเข้าหน้ากลับมาอีกครั้งนั่นเอง
ด้านซ้ายของโทรศัพท์จะเป็นที่ใส่ SIM แบบเจาะ ตัวเครื่องที่ผมได้มาเป็นแบบ unlock แล้ว ดังนั้นจึงรองรับ carier ได้แทบจะทั่วโลก (ตอนนี้ยังไม่ได้ทดสอบนำไปใช้งานที่ไทย แต่ที่จีนใช้ได้ปกติไม่มีปัญหาครับ ก่อนหน้านี้ 6P เป็นตัว unlock เหมือนกันแต่ก็เคยลองนำไปใช้ที่ไทยแล้ว พบว่าใช้กับ Truemove H ได้แบบ 100% ครับ) ส่วนด้านขวาเป็นสวิตซ์เปิดปิดโทรศัพท์และโวลลุ่ม สำหรับผู้ที่เคยใช้ 6P มาก่อนจะรู้สึกว่าปุ่มของ Pixel 2 XL มันกดยากมากๆ เพราะมันแบนติดลงไปกับโทรศัพท์เลย และต้องออกแรงหน่อย ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชินกับมันสักเท่าไรนัก ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็ได้นำสกินของ dbrand มาติดตั้งเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนครับ
ตารางด้านล่างจะเป็นการเปรียบเทียบสเปคของ Pixel 2 XL และ Pixel 2 ครับ ความแตกต่างของทั้งสองโมเดลนี้คือแค่ขนาดหน้าจอและตัวเครื่อง, การวางตำแหน่งกล้องถ่ายรูปแฟลชด้านหลัง และราคา ส่วนนอกนั้นเหมือนกันหมดทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นสเป็กเครื่อง และกล้องถ่ายรูป
สำหรับเรื่องแบตเตอรี่, ระบบปฏิบัติการ, ศักยภาพของสเปค และเรื่องกล้อง เดี๋ยวผมขอเวลาอีก 2-3 วันจะมารีวิวให้ฟังนะครับ