ด้วยความที่ระยะทางในแต่ละซำค่อนข้างไกลและชันขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเราใช้เวลาตรงนี้ค่อนข้างนาน เดินบ้าง หยุดพักบ้าง บางครั้งรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะเดินต่อก็มี แต่ด้วยรอยยิ้ม คำทักทาย คำปลอบใจของคนที่มาร่วมทางเดียวกัน ทุกคนต่างบอกว่า “ สู้สู้นะอีกนิดก็จะถึงแล้ว ” มันเป็นเหมือนแรงที่ทำให้เราสามารถเดินไปถึงยังจุดหมายได้
เขาบอกกันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องแต่ภูกระดึงต้องเดินด้วยขานะไม่งั้นไปไม่ถึง555 กินอิ่มแล้วเราก็ต้องเดินกันต่อ เส้นทางต่อจากนี้คือไปยัง “ หลังแป ” สู้กันต่อไปจ้า
พอพักกันจนรู้สึกว่า พร้อมล่ะสำหรับภูกระดึง เราก็ออกเดินทางกันต่อเลย เห็นป้ายไกลๆ ก็ร้องออกมาว่าถึงแล้วโว้ยยย
ก็อยากจะบอกกับคุณเต้นท์ว่า ขอฝากเนื้อฝากตัวสักสามคืนนาจา
พอเข้าเต้นท์ได้พวกเราก็หลับกันแบบว่ารองเท้านี้แทบจะไม่ได้ถอดออกจากเท้าเลย หลับกันไปได้หน่อยเดียว เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น(เสียงโทรศัพท์นั้นเอง )
พี่ทิน : เต้นท์เราอยู่ตรงไหนกันอะ ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน
เรา : เพื่อนหลับกันหมดเลยพี่555
พี่ทิน : เดี๋ยวพี่ไปหาที่เต้นท์
ร่างของพี่ทินก็มายืนอยู่หน้าเต้น ปะพี่ไปก็ไป ไหนๆก็มาแล้ว
จริงๆแล้วมันก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว เราจึงรีบเดินกันแบบมากๆ
ขอบคุณพี่ทินที่โทรมาตาม ถึงจะไปไม่ถึงผาหมากดูกแต่มันก็สวยจริงๆ เป็นพระอาทิตย์ที่สวยกว่าทุกที่ที่เคยเห็นมา ในเมื่อไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทัน เราก็กลับมาหาของอร่อยกินแทนสิ555 ด้วยความที่นี่เป็นมื้อแรกบนภูเลยไม่รู้ว่าจะกินร้านไหนดีเพราะร้านค้าบนภูมีค่อนข้างเยอะ สุดท้ายก็เลือกไปร้านแม่โจ้และสั่งข้าวขาหมูยกแก๊งค์555 ข้าวขาหมูที่นี่อร่อยมากกกกกกกก เยอะมากกกกกก 10/10 ไปโลย
คำคม : FOR TODAY (1)
เป้าหมายมันคงอยู่ไม่ไกล
ถ้าคุณก้าวออกไปหามัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Day2 29.10.2017 เวลา 04:30 น.
ในขณะที่พวกเราทุกคนหลับกันอย่างสบายใจ แม้ว่าจะมีเสียงคำรามของเต้นท์ข้างๆที่พยายามจะช่วงชิงความเป็นใหญ่กันอยู่นั้น ก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง พี่ทินคนเดิม เพิ่มเติมคือตี 4:30
พี่ทิน : ตื่นกันยัง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน
เรา : ได้ๆพี่เดี๋ยวพวกหนูตามออกไป
อากาศตอนนั้นค่อนข้างหนาวววววว ลมค่อนข้างแรง เราแปรงฟันกันแบบปากเปิกนี้ชาไปหมด555 ปากชาขนาดนี้ อย่าถามว่าอาบน้ำไหมรู้กันๆ555
ตอนประมาณ 05:00 น. เราออกมาพร้อมกันที่ศูนย์ มารอเจ้าหน้าที่ ที่จะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระหว่างทางพี่ทินก็บอกว่า เนี่ยะเค้ามีกาแฟฟรีด้วยนะ ไอเราก็ดีใจ โอ้โห้ดีจริงๆมีกาแฟฟรี แต่น้ำร้อน 25 บาทนะ ผ่ามผามมมมมม ฝันดับเลยความฟินยามเช้า
เเละเเล้วเราก็มาถึงผานกแอ่น ตอนนั้นมันยังมืดอยู่มองไม่ค่อยเห็นอะไร แต่พอพระอาทิตย์ได้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง ก็ทำให้เรามองเห็นบรรยากาศรอบๆ และด่านล่าง มันเหมือนกับภาพวาด มันมีความสวยงามที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง เรานั่งซึมซับบรรยากาศกันอยู่พักใหญ่ นั่งเฝ้ามองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลอยสูงขึ้น จนเริ่มส่งความอบอุ่นมาให้เราสัมผัสได้
ปล.คลิปนี้ค่อนข้างนาน ถ้ามีเวลาก็ค่อยกลับมาดูก็ได้จ้า5555
เราก็เดินกลับมากินอาหารเช้ากัน และเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อออกเดินทางไปชมความงามของธรรมชาติ แต่วันนี้ผิดแผนนิดหน่อย เพราะก่อนขึ้นภูเราวางเเผนว่าวันแรกเราจะเดินเส้นหน้าผากัน แต่ว่าเราก็เปลี่ยนแผนเดินเส้นน้ำตกกันก่อน เพราะมีพี่ทินเป็นเหมือนไกด์ ที่พาพวกเราเดินชมน้ำตกนี้จนครบ
เราออกจากวังกวางประมาณ8โมงกว่าๆ และเราก็พักกินอาหารกลางวันกันที่น้ำตกโดยที่ เราปิกนิคกันกลางน้ำตกเลย มันเป็นความรู้สึกที่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้มาก จริงๆมันก็ขนมปังกับนมข้นธรรมดานี้แหละ แต่มันอร่อยกว่าทุกครั้ง เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรามีทริกมาบอกด้วยนะ เนื่องจากน้ำในน้ำตกที่ไหลมาค่อนข้างเย็น เราจึงเอาขวดน้ำที่พกมาด้วยลงไปแช่เอาไว้หวังว่ามันจะเย็น แต่จริงๆมันก็เย็นนะ แต่อาจจะไม่มากก 555555555
เติมพลังเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันต่อจ้า โชคดีที่ช่วงเดือนนี้น้ำตกยังพอมีให้ดูอยู่เลยได้เก็บภาพสวยๆไว้
เรามีทริคมาฝากอีกแล้ว สำหรับใครที่เมื่อยขาหรือปวดเท้าแนะนำให้แช่เท้า พักขาในน้ำตกนั่นแหละ ช่วยได้ดีมากกกกก
หายเมื่อยแล้วก็เดินทางต่อจ้า เดินธรรมดามันอาจจะเบื่อและทำให้รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น บอกแล้วว่าพวกเรามันเป็นพวกคนบ้า5555 แกล้งเพื่อนได้แม้กระทั่งอยู่บนภู55555
จากน้ำตกสอเหนือ เราจะต้องเดินต่อไปให้ถึงผาหล่มสัก เค้าบอกว่ามีร้านกาแฟที่มีพี่นกเป็นเจ้าของ ภาพพี่นกในหัวของพวกเราก็คือ พี่เค้าจะต้องเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่าจะดูชิคๆ แต่เมื่อเราไปถึงร้านพี่นก เราก็พบเข้ากับน้าผู้ชายคนนึงที่ชงกาแฟอยู่ พวกเราก็มองหาผู้หญิงที่น่าจะเป็นพี่นก แต่แล้วก็ไม่เจอ พอนั่งกันไปสักพัก ก็เข้าใจไปโดยปริยายว่าอ๋อนี้แหละพี่นก หรือน้านก ผิดคลาดกันเลยทีเดียว
ผาหล่มสัก ก็น่าจะมีน้านกนี้แหละเป็นเหมือนมาสคอด มีบราวนี่ที่ทุกคนควรจะต้องไปลองให้ได้ พวกเราได้ไปลองมาแล้วบอกเลยว่าเด็ด พวกเรามีบราวนี่เหลือหนึ่งชิ้น พวกเราจึงใช้บราวนี่นี้เป็นบราวนี่ร่วมสาบานน อารมณ์น่าจะคล้ายๆกับกรีดเลือดสาบานอะไรทำนองนั้น555555 บราวนี่ชิ้นนั้นเราได้กินกันทุกคนเลยใน7คน เราก็นั่งกันสักพักรอพระอาทิตย์ตก แล้วเราก็ได้ถ่ายรูปหมู่เพื่อนเป็นที่ระลึกกับพี่นก แล้วก็บอกลาเพื่อที่เราจะเดินกลับเต้นท์ เราบอกกับพี่นกว่าไว้โอกาสหน้าเราจะมาใหม่นะคะ
To be continue #Part2
[SR] "ภูกระดึง" ครั้งนึงคงไม่พอ
ที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่
ในแบบที่ตำราก็ให้คุณไม่ได้
.
.
เรา : กินฟรีใช่มั้ยป้า?
ป้า : 1 อย่าง 35 2 อย่าง 45 จ้า
14.02 ถึงแล้วโว้ยยย ที่สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดเพราะเราต้องเดินเข้าไปในอุทยานอีกประมาณ 3 กิโล ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากเดินแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากนอน นอนตรงนี้เลยได้มั้ย555555
เรา : เพื่อนหลับกันหมดเลยพี่555
พี่ทิน : เดี๋ยวพี่ไปหาที่เต้นท์
ร่างของพี่ทินก็มายืนอยู่หน้าเต้น ปะพี่ไปก็ไป ไหนๆก็มาแล้ว
จริงๆแล้วมันก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว เราจึงรีบเดินกันแบบมากๆ
ขอบคุณพี่ทินที่โทรมาตาม ถึงจะไปไม่ถึงผาหมากดูกแต่มันก็สวยจริงๆ เป็นพระอาทิตย์ที่สวยกว่าทุกที่ที่เคยเห็นมา ในเมื่อไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทัน เราก็กลับมาหาของอร่อยกินแทนสิ555 ด้วยความที่นี่เป็นมื้อแรกบนภูเลยไม่รู้ว่าจะกินร้านไหนดีเพราะร้านค้าบนภูมีค่อนข้างเยอะ สุดท้ายก็เลือกไปร้านแม่โจ้และสั่งข้าวขาหมูยกแก๊งค์555 ข้าวขาหมูที่นี่อร่อยมากกกกกกกก เยอะมากกกกกก 10/10 ไปโลย
เป้าหมายมันคงอยู่ไม่ไกล
ถ้าคุณก้าวออกไปหามัน
พี่ทิน : ตื่นกันยัง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน
เรา : ได้ๆพี่เดี๋ยวพวกหนูตามออกไป
อากาศตอนนั้นค่อนข้างหนาวววววว ลมค่อนข้างแรง เราแปรงฟันกันแบบปากเปิกนี้ชาไปหมด555 ปากชาขนาดนี้ อย่าถามว่าอาบน้ำไหมรู้กันๆ555
เรามีทริกมาบอกด้วยนะ เนื่องจากน้ำในน้ำตกที่ไหลมาค่อนข้างเย็น เราจึงเอาขวดน้ำที่พกมาด้วยลงไปแช่เอาไว้หวังว่ามันจะเย็น แต่จริงๆมันก็เย็นนะ แต่อาจจะไม่มากก 555555555