ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์นะ
แต่ส่วนตัวมองว่าในโลกสมัยปัจจุบัน

เงินดอลล่าร์ถือว่าเป็นเงินที่มีสิทธิพิเศษมากกว่าเงินอื่น ๆ ทั่วโลก
เงินดอลล่าร์ การันตีด้วย ผลิตภาพทางเศรษฐกิจและการทหารของสหรัฐ

(การทหารสำคัญ เพราะประเทศรวยมักจะตกเป็นเป้าในการปล้น
ดูนครรัฐในอิตาลียุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการเป็นตัวอย่าง พอรวยแต่ไม่มีทหารประจำชาติตัวเอง (มีแต่ทหารรับจ้างชาวต่างชาติ หรือ ชาติเดียวกัน ที่ไว้ใจและพึ่งพาไม่ได้) จะถูกต่างชาติเข้ามาปล้น
หรือ
ลองไปดูแถบ ๆ อาณาจักรเปอร์เซีย ก็จะเห็นเรื่องราวทำนองนี้อยู่บ่อย ๆ

ตำราทางยุโรปมีเขียนเรื่องเหล่านี้เยอะมาก และพวกเขาเข้าใจเรื่องนี่เป็นอย่างดี

สงครามสมัยใหม่ อาวุธจะมีราคาแพงมาก และสงครามก็มักจะยืดเยื้อ
ประเทศที่จะคงอำนาจทางการทหารหนัก ๆ แบบนี้ได้ คือ ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเท่านั้น

ประเทศไม่ล่มเพราะโดนรุกราน เศรษฐกิจก็หมุนต่อไปอย่างมั่นคง เงินดอลล่าร์ก็ย่อมน่าเชื่อถือ เพราะมันคงอำนาจซื้อ นำไปแลกกับสินค้าของอเมริกาได้เสมอ

ใครไม่เชื่อ ก็ไปแปลงเงินบาท แล้วไปถือเงินซีเรีย แล้วดูว่าจะนอนหลับไหม)

ไปที่ไหนทั่วโลก ใคร ๆ ก็ชอบดอลล่าร์
ซื้อขายก็ชอบดอลล่าร์ ซื้อน้ำมันก็ดอลล่าร์ มีสงครามกลางเมืองคนก็กักตุนดอลล่าร์ เตรียมหนีกัน
เพราะพกไปที่ไหน ใคร ๆ ก็รับ
แถมบางประเทศยังใช้ดอลล่าร์เป็นสกุลเงินตัวเองอีกด้วย

พูดง่าย ๆ คือ เงินดอลล่าร์มันถูกเกลี่ยหารออกไปทั่วผิวโลก
จะพิมพ์จนเงินเฟ้อ มันก็จะถูกหารออกไปทั่วโลก ไม่ใช่เฟ้อหนักในบ้านเกิด
ยิ่งเงินดอลล่าร์ บินออกไปจาก อเมริกาแล้วไม่ต้องบินกลับมาบ้านเกิดได้จะยิ่งดี
ยิ่งคนทั่วโลกกักตุนดอลล่าร์ไว้ ก็จะยิ่งดี
เพราะมันจะเหมือนสหรัฐ นำเศษกระดาษของตัวเอง ไปแลกกับ สินค้าจริง ๆ ของประเทศอื่นมาแบบฟรี ๆ

หรือพูดอีกแบบหนึ่งคือ สหรัฐมีสิทธิพิเศษในการก่อหนี้ แล้วก็พิมพ์เงินให้เฟ้อ เพื่อลดหนี้ตัวเองได้ โดยที่ตัวเองไม่เจ็บตัวเท่าไรนัก ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่คิดจะใช้วิธีการแบบเดียวกัน
-----

ส่วนในโลกสมัยเก่าคงเป็นเพราะ
1.อเมริกา มี social mobility ที่ลื่นไหลมาก ต่างจากระบบในโลกเก่า (ทวีปยุโรป)

2.มีเสรีภาพ โดยเฉพาะอาณานิคมอังกฤษ
เพราะ อาณานิคมต่าง ๆ ในอเมริกาเหนือ โชคดีบนความโชคร้าย

ตอนอังกฤษไปสำรวจหาเหมืองทองในทวีปอเมริกา ตามเทรนด์ของประเทศยุโรปในยุคนั้น
อังกฤษ (ประเทศแม่) ไม่เจอทอง เลยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อาณานิคมอเมริกาเหนือ
อาณานิคมเลยเติบโต ผ่านการขับเคลื่อนโดย "ทุนมนุษย์" และ "ทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาที่ดินจากรากฐานขึ้นมา"

ต่างจากสเปนและโปรตุเกส ที่ประเทศแม่ไปเจอเหมืองแร่เงินแร่ทองในทวีปอเมริกา ทำให้ประเทศแม่สนใจ "ทรัพยากรธรรมชาติ โลหะมีค่า" มากกว่า คน และทำการวางระบบควบคุมอาณานิคมในอเมริกาใต้อย่างเข้มงวดมาก (resource curse)

3.ประเทศแม่ในยุโรป มักจะยุ่งเหยิง สงครามบ้าง โดนไล่เพราะนับถือคนศาสนาละนิกายบ้าง มีการขับไล่ทางการเมืองบ้าง แถมเก็บภาษีก็หนัก ทำให้เกิดระลอกคลื่นผู้อพยพไปอเมริกา หลายระลอกมาก

4.ชาวยุโรปหลายคนที่อพยพไป เขาได้หอบทุน และหอบความรู้ไปด้วย (โดยเฉพาะในระลอกอพยพ ระลอกหลัง ๆ)
ความรู้ทั้งการผลิต การค้า กฏหมาย และการเมืองการปกครอง (ระบบสถาบัน)

(ทุนมนุษย์ ที่มีความรู้ มักจะไหลเข้าไปในอเมริกาแทบทุกยุค)

5.ในอเมริกา มี farmland ว่าง ๆ ขนาดใหญ่มาก ไม่ว่าจะไป
อยู่แบบฟรี ๆ
ซื้อมาจากชนพื้นเมือง หรือ ไปฆ่าชนพื้นเมืองมาก็ตาม ไม่ว่าจะทางตรง (ปืน) หรือ ทางอ้อม (โรคระบาด)

6.อเมริกาในยุคเริ่มต้น เก็บภาษีต่ำ ค่าเช่าก็น้อย ไม่เหมือนยุโรปที่คนล้นทะลัก ในที่ดินกระจุกเล็ก ๆ ค่าเช่าจึงหนักมาก กินค่าแรง กับ กำไรไปจนเกลี้ยง

7.จากข้อ 4 5 และ 6 มันเลยทำให้อเมริกาโตเร็วมากกกกกก
เบนแฟรงกลิน เคยทำนายไว้ว่า ภายใน 100 ปี ประชากรในอเมริกาจะแซงหน้าอังกฤษ ซึ่งคำทำนาย ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมาก

8.อเมริกา มีมหาสมุทรขนาดใหญ่กั้น เป็นทำเลทางภูมิศาสตร์ที่ดีมาก ทั้งทางด้านเศรศฐกิจและการทหาร
ต่างจากยุโรป ที่ประเทศต่าง ๆ เล่นเกมสมดุลอำนาจกัน ถล่มกันเป็นพัลวัน ทั้งแทรกแซงภายนอกและแทรกแซงภายใน

ความยุ่งเหยิงจากรอบด้าน อเมริกาเลยมีน้อยกว่ามาก ๆ ถ้าเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป

9.รากฐานวิ่งด้วยระบบทุนนิยม (หนังสือของอดัม สมิธ ถูกอ่านโดยเหล่าบิดาผู้ก่อตั้งอเมริกา) ที่เน้นการแข่งขันที่เป็นธรรมเป็นหลัก แม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ  แต่มันก็ใช้งานได้ดีพอ
ทำให้เกิดผู้ประกอบการ และนักประดิษฐ์หน้าใหม่เยอะมาก