ดูข่าวพวกอลัชชี ที่กินเหล้าเมาแล้วถูกตำรวจจับ มักชอบอ้างว่าพระกินเหล้าเป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ ไม่ใช่ปาราชิก ปลงอาบัติก็หายแล้ว จะมาจับสึกไม่ได้
หรืออย่างเมื่อไม่นานมานี้ พระลูกวัดแห่งหนึ่งที่เป็นข่าวดัง นั่งดูหนังโป๊ในกุฏิ เจ้าอาวาสก็ออกมาแก้ตัวแทนว่าจับสึกไม่ได้ เพราะไม่ใช่ปาราชิก (ซึ่งสุดท้ายก็หนีไป ตอนนี้ไม่รู้ตามตัวได้หรือยัง)
ผมเชื่อว่า เจ้าอาวาสดีๆ เจ้าคณะผู้ดูแลสงฆ์ (เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด) ที่ไม่ใช่อลัชชี และมีความรู้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงรู้เรื่องนี้ดี ว่าอาบัติปาราชิกที่ขาดจากความเป็นพระโดยทันที กับการจับสึกเพราะทำผิดพระวินัย เป็นคนละเรื่องกัน
ชาวพุทธจำนวนมากเข้าใจว่า การจะจับพระสึกได้ ต้องอาบัติปาราชิกเท่านั้น หากยังไม่ขาดจากความเป็นพระจะจับพระสึกไม่ได้
ซึ่งที่จริงแล้ว พระที่อาบัติปาราชิก ไม่จำเป็นต้องจับสึก เพราะหมดสิ้นความเป็นพระตั้งแต่ทำผิดแล้ว การจับตัวมาทำการสึกก็ทำแค่เป็นพิธีเท่านั้น
ในขณะที่พระที่ทำผิดพระวินัยที่ไม่ใช่ปาราชิก เช่น กินเหล้า ดูหนังโป๊ เล่นการพนัน ฯลฯ พวกนี้ยังไม่ขาดจากความเป็นพระ จนกว่าจะถูกจับสึกก่อน
ซึ่งหากทำโดยความตั้งใจ ไม่ใช่พลังเผลอ และทำผิดเป็นอาจิณ ระเบียบคณะสงฆ์ให้จับพระนั้นมาทำการสึก
หลายคนต้องข้อสังเกตว่า เราจะจับพระมาสึกไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติหรือตรัสว่าใครทำผิดพระวินัยที่ไม่ใช่ปาราชิกให้จับมาสึก
เหตุผลที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติหรือตรัสไว้ เพราะพระองค์ไม่ได้ทำหน้าที่ปกครองประเทศ ไม่ได้บริหารประเทศ ทรงควบคุมดูแลเฉพาะพระเท่านั้น และพระองค์กำหนดว่า ใครจะเป็นพระ "ต้อง" ปฏิบัติตามพระวินัยเท่านั้น จะละเมิดไม่ได้
แล้วถ้าละเมิดล่ะ พระองค์ให้ทำอย่างไร? หากเป็นการทำผิดโดยไม่ตั้งใจ โดยความไม่รู้ ก็ให้ปลงอาบัติเพื่อเป็นการเตือนให้รู้และสำนึกว่าทำผิด ต่อไปจะไม่ทำอีก
แล้วถ้ายังทำผิดอีก คือไม่มีความสำนึก ไม่ได้คิดอยากจะปฏิบัติตามพระวินัยหรือไม่สามารถปฏิบัติตามพระวินัยได้ จะทำอย่างไร?
นั่นก็คือบุคคลนั้นไม่เหมาะที่จะมาเป็นพระ ซึ่งตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องของบ้านเมืองที่จะเข้ามาจัดการนะครับ
พระพุทธเจ้าได้มอบหมายให้พุทธบริษัทสี่ คือ พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ช่วยกันปกป้องดูแลพระพุทธศาสนา ในขณะที่พวกอลัชชี พยายามที่จะแยกคณะสงฆ์หรือพระภิกษุไปปกครองกันเอง ขอตั้งเป็นศาสนจักรเหมือนศาสนาอื่นๆ หมายความว่าจะไม่เอากฏหมายบ้านเมืองเข้ามายุ่ง (ไม่เอาอุบาสก อุบาสิกา)
ก็ขอฝากไว้นะครับ
พระที่อาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระ คนละเรื่องกับการทำผิดพระวินัยและต้องจับสึก
หรืออย่างเมื่อไม่นานมานี้ พระลูกวัดแห่งหนึ่งที่เป็นข่าวดัง นั่งดูหนังโป๊ในกุฏิ เจ้าอาวาสก็ออกมาแก้ตัวแทนว่าจับสึกไม่ได้ เพราะไม่ใช่ปาราชิก (ซึ่งสุดท้ายก็หนีไป ตอนนี้ไม่รู้ตามตัวได้หรือยัง)
ผมเชื่อว่า เจ้าอาวาสดีๆ เจ้าคณะผู้ดูแลสงฆ์ (เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด) ที่ไม่ใช่อลัชชี และมีความรู้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงรู้เรื่องนี้ดี ว่าอาบัติปาราชิกที่ขาดจากความเป็นพระโดยทันที กับการจับสึกเพราะทำผิดพระวินัย เป็นคนละเรื่องกัน
ชาวพุทธจำนวนมากเข้าใจว่า การจะจับพระสึกได้ ต้องอาบัติปาราชิกเท่านั้น หากยังไม่ขาดจากความเป็นพระจะจับพระสึกไม่ได้
ซึ่งที่จริงแล้ว พระที่อาบัติปาราชิก ไม่จำเป็นต้องจับสึก เพราะหมดสิ้นความเป็นพระตั้งแต่ทำผิดแล้ว การจับตัวมาทำการสึกก็ทำแค่เป็นพิธีเท่านั้น
ในขณะที่พระที่ทำผิดพระวินัยที่ไม่ใช่ปาราชิก เช่น กินเหล้า ดูหนังโป๊ เล่นการพนัน ฯลฯ พวกนี้ยังไม่ขาดจากความเป็นพระ จนกว่าจะถูกจับสึกก่อน
ซึ่งหากทำโดยความตั้งใจ ไม่ใช่พลังเผลอ และทำผิดเป็นอาจิณ ระเบียบคณะสงฆ์ให้จับพระนั้นมาทำการสึก
หลายคนต้องข้อสังเกตว่า เราจะจับพระมาสึกไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติหรือตรัสว่าใครทำผิดพระวินัยที่ไม่ใช่ปาราชิกให้จับมาสึก
เหตุผลที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติหรือตรัสไว้ เพราะพระองค์ไม่ได้ทำหน้าที่ปกครองประเทศ ไม่ได้บริหารประเทศ ทรงควบคุมดูแลเฉพาะพระเท่านั้น และพระองค์กำหนดว่า ใครจะเป็นพระ "ต้อง" ปฏิบัติตามพระวินัยเท่านั้น จะละเมิดไม่ได้
แล้วถ้าละเมิดล่ะ พระองค์ให้ทำอย่างไร? หากเป็นการทำผิดโดยไม่ตั้งใจ โดยความไม่รู้ ก็ให้ปลงอาบัติเพื่อเป็นการเตือนให้รู้และสำนึกว่าทำผิด ต่อไปจะไม่ทำอีก
แล้วถ้ายังทำผิดอีก คือไม่มีความสำนึก ไม่ได้คิดอยากจะปฏิบัติตามพระวินัยหรือไม่สามารถปฏิบัติตามพระวินัยได้ จะทำอย่างไร?
นั่นก็คือบุคคลนั้นไม่เหมาะที่จะมาเป็นพระ ซึ่งตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องของบ้านเมืองที่จะเข้ามาจัดการนะครับ
พระพุทธเจ้าได้มอบหมายให้พุทธบริษัทสี่ คือ พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ช่วยกันปกป้องดูแลพระพุทธศาสนา ในขณะที่พวกอลัชชี พยายามที่จะแยกคณะสงฆ์หรือพระภิกษุไปปกครองกันเอง ขอตั้งเป็นศาสนจักรเหมือนศาสนาอื่นๆ หมายความว่าจะไม่เอากฏหมายบ้านเมืองเข้ามายุ่ง (ไม่เอาอุบาสก อุบาสิกา)
ก็ขอฝากไว้นะครับ