มาดูหลงไฟตอนล่าสุดแล้วเพลียกับบทที่ไม่เมกเซ้นส์มาก บทก้านแก้วนี่โอเคอยู่นะ มันเมกเซ้นส์สมจริงอยู่ แต่บทตัวละครอื่นป่วยรุงรังแบบหงุดหงิด
เริ่มจากความป่วยอันดับท้ายๆก่อน
1. เขียวเข้ามาห้องพักคอนโดของก้านแก้วง่ายดายเกิน คอนโดเป็นล้าน แต่ระบบรักษาความปลอดภัยระดับสลัม ปล่อยให้นักเลงมายืนรอดักรอถึงห้องพักได้ยังไงกัน (ยกเว้นว่าเขียวมันขโมยคีย์การ์ดก้านแก้วมา) แต่มันจะสมจริงกว่านี้ถ้าให้พวกลูกน้องไอ่เขียวดักรอที่หน้าคอนโด ไม่ใช่ขึ้นไปดักรอถึงบนห้อง
2. เขียวแต่งตัวกุ๊ยเกิน ในขณะที่ลูกน้องใส่ชุดซาฟารี แต่งตัวดีกว่าหัวหน้ามันอีก (ยกเว้นว่าไอ่เขียวมีรสนิยมเห่ยๆอยู่แล้ว) แต่ทีมคอสตูมน่าจะหาเสื้อให้เขียวใส่ดีกว่านี้หน่อย ไม่ใช่ใส่คนละคลาสกับลูกน้อง ใครดูแว่บแรกจะไปเชื่อได้ไงว่าเป็นหัวหน้า
3. บทชากับชรนัดพบเจอกัน เดี๋ยวก็นัดพบเจอกันอะไรจะซ้อนซ้ำกันสองฉากใน EP เดียว ควรจะรวบยอดหรือตัดออกไปเลยซีนนึง ฉากที่ชรไปเอาเอกสารเรียนออนไลน์ ถึงกับต้องให้เพื่อนเข้าไปเอาเอง ไม่รู้จะมีทำไม เป็นฉากที่มีแต่น้ำอย่างหงุดหงิด นี่ยังไม่นับรวมอารมณ์การแสดงออกของชรกับชา ที่ฟังแล้วหงุดหงิด ชรชอบทำหน้าเสียงง้องแง้งตลอดทั้งเรื่อง ดูเป็นผู้ชาย Loser มากจนน่ารำคาญ จนคิดไม่ออกว่า ชาไปชอบคนแบบนี้ได้ยังไงกัน...มันมีวิธีเขียนให้ผู้ชายเป็น Loser ได้ แต่ต้องมีเสน่ห์ให้ชวนหลงรักบ้าง ไม่ใช่ดูแล้วรำคาญแบบทำให้คนดูไม่เชื่อว่าชาไปหลงรักเข้าได้ยังไง
4. บทชาที่ไปวีนกับพนักงานโรงแรม ที่คิดว่าเอาลิปสติกไปเขียนชื่อเธอว่า เมียน้อย คือตอนแรกจะวีนจะต่อยเขาแล้ว แต่พอโดนอีกฝ่ายเฉ่งกลับ ดันยืนซื่อบื้อทื่อไม่วีนต่ออีก เหมือนจุดระเบิดประทัดแล้วประทัดตายด้านดับซะก่อน คือคนดูที่กำลังอินกำลังลุ้น กลายเป็นเฟลรำคาญกับชาเลย บุคลิกชาดูเหมือนบู๊ อาจจะไม่ใช่ขี้วีน แต่ไม่ใช่ซื่อบื้อขนาดทำให้คนดูไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วย กลับดูแล้วสมน้ำหน้าซะมากกว่า...ถึงบทประพันธ์จะเป็นในช่วงยุค 2530 แต่สมัยนี้ไม่มีใครเขาสงสารสาวเรียบร้อยที่เอาแต่ถูกให้รังแกฝ่ายเดียว แล้วมานั่งซึมกระทื่อลื่อหรอก ตัวเองยังไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ตัวเอง ใครจะอยากไปเอาใจช่วย
5. และที่สุดของความเพลียในบทคือ เม คนที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคนของชา และเป็นเพื่อนกับดุรงค์ที่จีบชาด้วย รู้ความจริงทั้งรู้ว่าดุรงค์มีคู่หมั้น แต่ทำไมไม่บอกเพื่อน มาทำสนิมสร้อยพูดเป็นนัยๆว่า กลัวชาเกลียดเหมือนที่ชาเกลียดก้านแก้ว เหมือนบอกคนดูแล้วเมมันรู้ทุกอย่างแล้ว แต่กลับไม่เตือนเพื่อน คือจะอ้างว่าเป็นคนกลาง นั่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อนมันเลือกไม่ได้(การปิดบังชาไม่ให้รู้เรื่องดุรงค์ มันก็คือเลือกเพื่อนอีกข้างไปแล้ว) จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน ให้เพื่อนเคลียร์กันเองกลัวเป็นหมาหัวเน่า มันฟังไม่ขึ้น...เพราะถ้ายิ่งปิดบัง มันจะยิ่งหัวเน่ากว่าเดิม ถ้าเป็นเพื่อนรักที่หวังดีต่อเพื่อนจริง ควรรีบบอกชาเรื่องดุรงค์ให้รู้ความจริง...มันทำให้คนดูรู้สึกไม่เมกเซ้นส์ว่าตัวละครนี่รักเพื่อนตรงไหน
...เราเป็นคนอ่านนิยาย ดูละคร และเขียนนิยายมาพอสมควร เคยโดนผู้อ่านบ่นด้วยว่าบทน้ำเยอะ เวิ้นเว้อไป ไม่สมจริง ถึงได้กล้าเขียนได้ว่าบทละครเรื่องนี้ต้องปรับปรุงอย่างมาก น้ำเยอะเกินเหตุ ทำให้บทมันยาวเกินไป การที่ละครยืดบทไปเรื่อยๆไม่ใช่ดีเสมอไป ถ้ามันมีแต่น้ำ ไม่มีใครเขาอยากซดน้ำแกงจะหมดหม้อหรอก ควรไปดูตัวอย่างละครที่โดนยืดแต่ยังได้เรตติ้งดีด้วย ไม่ชอบการเอาบทประพันธ์ชั้นครูมาทำให้ละครเสียไปอีก
(หลงไฟ)คนเขียนบทควรปรับปรุง บทตอนหลังๆเริ่มไม่เมกเซนส์หลายอย่าง
เริ่มจากความป่วยอันดับท้ายๆก่อน
1. เขียวเข้ามาห้องพักคอนโดของก้านแก้วง่ายดายเกิน คอนโดเป็นล้าน แต่ระบบรักษาความปลอดภัยระดับสลัม ปล่อยให้นักเลงมายืนรอดักรอถึงห้องพักได้ยังไงกัน (ยกเว้นว่าเขียวมันขโมยคีย์การ์ดก้านแก้วมา) แต่มันจะสมจริงกว่านี้ถ้าให้พวกลูกน้องไอ่เขียวดักรอที่หน้าคอนโด ไม่ใช่ขึ้นไปดักรอถึงบนห้อง
2. เขียวแต่งตัวกุ๊ยเกิน ในขณะที่ลูกน้องใส่ชุดซาฟารี แต่งตัวดีกว่าหัวหน้ามันอีก (ยกเว้นว่าไอ่เขียวมีรสนิยมเห่ยๆอยู่แล้ว) แต่ทีมคอสตูมน่าจะหาเสื้อให้เขียวใส่ดีกว่านี้หน่อย ไม่ใช่ใส่คนละคลาสกับลูกน้อง ใครดูแว่บแรกจะไปเชื่อได้ไงว่าเป็นหัวหน้า
3. บทชากับชรนัดพบเจอกัน เดี๋ยวก็นัดพบเจอกันอะไรจะซ้อนซ้ำกันสองฉากใน EP เดียว ควรจะรวบยอดหรือตัดออกไปเลยซีนนึง ฉากที่ชรไปเอาเอกสารเรียนออนไลน์ ถึงกับต้องให้เพื่อนเข้าไปเอาเอง ไม่รู้จะมีทำไม เป็นฉากที่มีแต่น้ำอย่างหงุดหงิด นี่ยังไม่นับรวมอารมณ์การแสดงออกของชรกับชา ที่ฟังแล้วหงุดหงิด ชรชอบทำหน้าเสียงง้องแง้งตลอดทั้งเรื่อง ดูเป็นผู้ชาย Loser มากจนน่ารำคาญ จนคิดไม่ออกว่า ชาไปชอบคนแบบนี้ได้ยังไงกัน...มันมีวิธีเขียนให้ผู้ชายเป็น Loser ได้ แต่ต้องมีเสน่ห์ให้ชวนหลงรักบ้าง ไม่ใช่ดูแล้วรำคาญแบบทำให้คนดูไม่เชื่อว่าชาไปหลงรักเข้าได้ยังไง
4. บทชาที่ไปวีนกับพนักงานโรงแรม ที่คิดว่าเอาลิปสติกไปเขียนชื่อเธอว่า เมียน้อย คือตอนแรกจะวีนจะต่อยเขาแล้ว แต่พอโดนอีกฝ่ายเฉ่งกลับ ดันยืนซื่อบื้อทื่อไม่วีนต่ออีก เหมือนจุดระเบิดประทัดแล้วประทัดตายด้านดับซะก่อน คือคนดูที่กำลังอินกำลังลุ้น กลายเป็นเฟลรำคาญกับชาเลย บุคลิกชาดูเหมือนบู๊ อาจจะไม่ใช่ขี้วีน แต่ไม่ใช่ซื่อบื้อขนาดทำให้คนดูไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วย กลับดูแล้วสมน้ำหน้าซะมากกว่า...ถึงบทประพันธ์จะเป็นในช่วงยุค 2530 แต่สมัยนี้ไม่มีใครเขาสงสารสาวเรียบร้อยที่เอาแต่ถูกให้รังแกฝ่ายเดียว แล้วมานั่งซึมกระทื่อลื่อหรอก ตัวเองยังไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ตัวเอง ใครจะอยากไปเอาใจช่วย
5. และที่สุดของความเพลียในบทคือ เม คนที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคนของชา และเป็นเพื่อนกับดุรงค์ที่จีบชาด้วย รู้ความจริงทั้งรู้ว่าดุรงค์มีคู่หมั้น แต่ทำไมไม่บอกเพื่อน มาทำสนิมสร้อยพูดเป็นนัยๆว่า กลัวชาเกลียดเหมือนที่ชาเกลียดก้านแก้ว เหมือนบอกคนดูแล้วเมมันรู้ทุกอย่างแล้ว แต่กลับไม่เตือนเพื่อน คือจะอ้างว่าเป็นคนกลาง นั่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อนมันเลือกไม่ได้(การปิดบังชาไม่ให้รู้เรื่องดุรงค์ มันก็คือเลือกเพื่อนอีกข้างไปแล้ว) จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน ให้เพื่อนเคลียร์กันเองกลัวเป็นหมาหัวเน่า มันฟังไม่ขึ้น...เพราะถ้ายิ่งปิดบัง มันจะยิ่งหัวเน่ากว่าเดิม ถ้าเป็นเพื่อนรักที่หวังดีต่อเพื่อนจริง ควรรีบบอกชาเรื่องดุรงค์ให้รู้ความจริง...มันทำให้คนดูรู้สึกไม่เมกเซ้นส์ว่าตัวละครนี่รักเพื่อนตรงไหน
...เราเป็นคนอ่านนิยาย ดูละคร และเขียนนิยายมาพอสมควร เคยโดนผู้อ่านบ่นด้วยว่าบทน้ำเยอะ เวิ้นเว้อไป ไม่สมจริง ถึงได้กล้าเขียนได้ว่าบทละครเรื่องนี้ต้องปรับปรุงอย่างมาก น้ำเยอะเกินเหตุ ทำให้บทมันยาวเกินไป การที่ละครยืดบทไปเรื่อยๆไม่ใช่ดีเสมอไป ถ้ามันมีแต่น้ำ ไม่มีใครเขาอยากซดน้ำแกงจะหมดหม้อหรอก ควรไปดูตัวอย่างละครที่โดนยืดแต่ยังได้เรตติ้งดีด้วย ไม่ชอบการเอาบทประพันธ์ชั้นครูมาทำให้ละครเสียไปอีก