สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนครับ ผมชื่อ เบนซ์ ครับ ปัจจุบันเป็น Engineer ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในไทย  งานอดิเรกของผมนอกจากจะอ่าน one piece ก็คงจะเป็นการถ่ายภาพ     ผมรักการถ่ายภาพตั้งแต่เด็ก โดยหวังว่าสักวันจะเดินทางถ่ายภาพรอบโลกตามที่ฝันเอาไว้  ตอนนี้ผมใช้นามสมมติว่า   “ 26 ” ครับ เหตุผลง่ายๆคือ ผมอายุ 26 ครับ  ถ้าคุณคิดว่า ปีหน้า()จะไม่ตั้งเป็น 27 หรอ ?   ฮา ๆ ๆ  คุณคิดถูกแล้วครับ ปีหน้าจะตั้งเป็น 27 …… เพราะ ผมอยากเที่ยวถ่ายภาพเป็นปีๆ อารมณ์แบบ อายุ 26 ไปไหนมาบ้าง ถ่ายอะไรได้บ้าง ฮาๆๆๆๆ  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมจะมาทำกระทู้รีวิว จะใช้ภาพถ่ายเป็นสื่ออาจจะไม่ละเอียดมากครับ แต่คิดว่าอาจเป็นประโยชน์ หรือ แรงจูงใจให้คุณได้ ไม่มากก็น้อย


มีกี่สถานที่ ที่คุณนึกถึงหมอกหนาๆรอบทิศทาง ……. อากาศเย็นๆ หนาวๆ   ฝนฉ่ำปอดแบบชนิดที่ลืมการกลัวเป็นหวัด  มองไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียว    อย่างน้อยในหัวของผมก็คงนึกถึงแต่ที่นี่  “เขาค้อ  ภูทับเบิก ” โดยส่วนตัวผมไปเที่ยวที่นี่มา 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีข่าวไล่ที่ สั่งรื้อรีสอร์ทเมื่อปีที่แล้ว  และปีนี้ 2017 ก็เป็นอีกครั้ง ที่อยากจะสัมผัสมันอีกครั้ง หาสถานที่ ที่ไม่เคยไป มุมมองใหม่ๆที่ยังไม่เคยถ่ายภาพ อย่างที่เคยบอกไปข้างต้นรีวิวนี้เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของผม จะออกไปทางเพ้อหน่อยๆ กับมุมถ่ายภาพ ถ้าชอบก็ฝากแชร์ฝากติดตามด้วยนะครับ

ทริปนี้ เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ล้อหมุนตั้งแต่วันที่ 21 /10/17 ครับ  เดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวครับ ไม่ได้ไปรถประจำทาง ครับ เพราะโดยส่วนตัว ครั้งนี้คือ ครั้งที่ 3 แล้ว สำหรับการมาครั้งนี้ของผม คิดว่าเอารถไปส่วนตัว จะสะดวกและได้มุมมองเยอะกว่า การนั่งรถประจำทางที่ถูกกำหนดจุดหมายไว้  เน้นสะดวกครับ ฮาๆๆๆ

                      

                                  
Day1
วันที่ 21/10/17 วันเสาร์  ล้อหมุนจาก กรุงเทพ  6.00 น. ครับ
ครั้งนี้ตรงกับวันหยุดยาว เราหลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติด เลยไปตั้งแต่เช้า หาข้าวทานแถวปั้มระหว่างทาง  ผมคิดว่าเราจะขับรถมุ่งตรงไปเช็คอินที่รีสอร์ท ตรงเขาค้อเที่ยงๆ   คืนแรกเรานอนกันที่เขาค้อครับ  วางแพลนไว้คร่าวๆ ว่าจะไป วัดผาซ่อนแก้วตอนเช้าของอีกวัน และมุ่งหน้าไปทับเบิก   แต่น้อง(คนขับรถ) ที่ไปด้วย ถามว่า จะไม่แวะที่ไหนเลยหรอ ในใจก็คิดที่ซ้ำก็คือ ร้านกาแฟ โมอายตรงเขาค้อ  หรือไม่ก็ Pino late….. น้องจึงเสนอไอเดียไป ที่นี่!   มันอยู่ระหว่างทางที่เราจะไปพอดีครับ  “ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ”
ฟังจากชื่อก็ไม่คุ้นหูแระ !   ฮ่า ๆๆ ๆ ๆ  

จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางสาย 21 สระบุรี - หล่มสัก เมื่อเข้าเขตจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว วิ่งไปอีกไม่ไกลให้เลี้ยวขวาเข้าเส้น 2211 วิ่งไปตามทางประมาณ 10 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้าย (มีป้ายบอกทาง) ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเล็กๆ อีกทีครับ
                                      
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์จำนวน  10 แห่งของประเทศไทยปัจจุบันที่จัดตั้งขึ้นโดยกรมศิลปากร  กระทรวงวัฒนธรรม  โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2527
อยากทราบรายละเอียด อ่านจากที่นี่เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-335850859778277/

ค่าเข้าอุทยานจะอยู่คนละ 20 บาท และรถ 30 บาท ต่อ 1 คันครับ  เข้าไปด้านในก็จะมีรถบัสนำเที่ยวให้บริการครับ ขอย้ำ ว่านั่งรถเถอะครับ เพราะที่นี่กว้างมาก เดินไปไม่ถึงหรอกครับ ฮาๆๆ (ตอนไปแอบเซ็งๆ มีทัวร์อากงอาม่า มาเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลา )

                                                                                                                     อารมณ์แบบ อยุธยาเมืองเก่า จะร้อนๆ เต็มไปด้วยการตกแต่งคล้ายๆอยุธยา มีสนามหญ้า ทางเดินเป็นอิฐ
                                       มีเจ้าแม่นาคีมาต้อนรับด้วย น่ารักมาก (เป็นคนชอบถ่ายสัตว์เลื้อยคลาน อย่างงู  ซาลามันเดอร์ กิ้งก่า ไรงี้ )
                                      

จากนั้นเราจึงรีบออกจากอุทยานมุ่งสู่เขาค้อ ไปเชคอินที่พักก่อน ถึงที่พักตอนบ่าย 2 ครับ
ผมเข้าพักที่นี่ครับ Sakura Yama Resort  ที่อยากเข้าพักที่นี่เพราะ การตกแต่งจะออกเป็น ญี่ปุ่นครับ รีสอร์ทอยู่ติดกับวัดผาซ่อนแก้ว ด้วยครับ และที่สำคัญของที่สุด ทางรีสอร์ทมีชุด ยูกาตะให้ใส่ฟรีด้วย  
https://www.facebook.com/SakuraYamaResort/

รูปรีวิวจากรีสอทครับ ขออนุญาตลงนะครับ


หลังจากเช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บที่รีสอร์ทแล้ว ออกไปทานอาหารกันครับตอนออกไป ฝนตกหนักมาก จึงเน้นสะดวกอีกเช่นเคย บริเวณใกล้รีสอร์ท ก็จะมีหลายร้านให้คุณเลือกทานกัน เราเลยเลือกทาน ร้าน  “ครัวเขาค้อ” ครับ  อาหารอร่อยราคากันเองครับ ไม่แพง ทางร้านจะเน้นอาหารท้องถิ่นอย่างอาหารป่า และพืชผักตามฤดูกาล ที่สามารถจับจ่ายนำมาทำอาหารให้เราได้ทานกัน
ทานอาหารเสร็จ ดูนาฬิกา 16.00  ฝนยังคงตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา รำพังจะปักตะไคร้ก็กะไรอยู่ ด้วยความที่ว่าเรามาเที่ยว ไม่ได้จะมาเปลี่ยนที่นอน  วิญญาณพี่ติ๊ก เจษ เข้าสิงครับ ขับรถตะลุยฝน ฮาๆ ๆ ๆ  สถานที่ๆเราจะไป ผมไม่เคยไปมาก่อนครับ เราจะไป “ ทุ่งกังหันลม ” ครับ   เพราะ หากคุณมาเยือนเขาค้อก็จะต้องมองเห็นเสากังหันลมต้นมหึมาบนยอดเขา กังหันที่มีความสูงกว่า 100 เมตร จำนวน 24 ต้นนี้อยู่ไกลๆ ไม่ว่าจะอยู่บริเวณเขาค้อ ทุ่งสมอ หรือแคมป์สนก็จะเห็นกังหันลมนี้ เราใช้เวลาขับรถผ่าฝน 30 นาที ครับ ถึงที่หมาย


จากนั้นกลับที่พัก อาบน้ำแต่งชุดยูกาตะถ่ายรูปกันครับ วางแพลนไว้บอกสมาชิก ตื่นตี5 ไปวัดผาซ่อนแก้ว  ก่อนจะนอนเหมือนมีพรายกระซิบข้างหูว่า “ เนื้อย่างมั้ย ” ……………………. ด้านบนด่านฟ้าของรีสอร์ทเป็นร้านอาหารของรีสอร์ทครับมี อาหาร และหมูทะรอบริการอยู่


Day2
วันที่ 22/10/17 ตี 5
น้ำไม่อาบ แปลงฟันล้างหน้าพอหมาดๆ และนั่งรถไปวัดผาซ่อนแก้วกันครับ ซึ่งใกล้กับที่พัก เดินทาง 8-15  นาทีถึงครับ
หลายครั้งที่ผมสังเกตุ คนส่วนใหญ่จะไปช่วงสายๆ 7 โมงเช้าถึงจะขึ้นไปวัดกัน อันนี้ขอบอกเลยว่าพลาดมาก ครับ นอกจากแย่งที่จอดรถ รถติดตรงเนินเขาทางเข้าวัด คุณคงจะไม่ได้ฟินกับหมอกยามเช้าเป็นแน่ เชื่อผมครับ ตี 5 ดีสุด




แสงเริ่มมาแล้วครับ สวยมาก





ที่วัดอื่นอาจจะมีนกกระจอก นกเอี้ยง บินเกาะบนหลังคา ที่นี่ต่างกันครับ ที่นี่มี นกยูง………… ถ้าคุณมาที่วัดผาซ่อนแก้ว สิ่งนึง ที่คุณจะอดถ่ายรูปไม่ได้ก็ต้อง เจ้านกยูงนี่เระครับ



แกล้งทำเสียงงู ใส่ฟิลริ่งเข้าไป ประดุจดั่ง แฮรี่พูดกับงูด้วยภาษา พาเซล  ฮาๆๆๆ นกจะได้ยืดคออยู่ตลอด เหมาะแก่การถ่ายภาพ



จากนั้น หากจะจิบกาแฟชิวๆที่วัด บริเวณหน้าวัดก็จะมีร้านนั่งชิวขายอาหาร กาแฟครับ  แต่ผมกลับไปทานอาหารที่รีสอร์ทครับ เพราะที่นั่นก็ฟินเช่นกัน
นอนพักอีกแป๊ปครับ  10 โมงเดินทางออกจากที่พักครับ มุ่งหน้าสู่  ภูทับเบิก ระหว่างทางเราแวะจิบกาแฟสดเช่นเคย  สถานที่ใกล้ๆ ถ่ายรูปชิวๆ และ เครื่องดื่มไม่แพง ก็คงไม่พ้น ที่นี่ครับ  “ Route 12 “










11.40 เราออกเดินทางจาก Route 12 ไปภูทับเบิก ก่อนจะขึ้นเขากัน อย่าลืมตรวจสอบสะภาพรถของท่านและน้ำมันของท่านด้วยนะครับ มิเช่นนั้น ความซวยจะมาเยือน  ฮาๆๆๆๆ
ทางที่เราจะไปคือ เส้นถนน 2372 และ เลี้ยวซ้ายไป ถนน 2331ครับ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงโดยประมาณ
ซึ่งเมื่อคุณ เริ่มขึ้นเขา ความฟิน ปน เสียวจะมาเยือน  ตอนที่ผมขึ้น ผมเลือกใช้เวลาช่วงเที่ยง ไม่เสี่ยงต่อสถานะการณ์รถติดบนเนิน เพราะทางขึ้นค่อนข้างจะชัน ประกอบกับมีหมอกมาเยือนตลอดทางครับ