[CR] รีวิว: เลี้ยงแมวจร ปล่อยแมวจรที่บ้านสงเคราะห์ และถูกแมวกัด (รักษาโดยไม่เสียซักบาท โดยใช้ประกันบริษัท+ประกันสังคม)

-กระทู้นี้ไม่ได้จะชี้นำให้ไปปล่อยน้องแมวนะคะ-

บ้านเรามีแมวเหมียวจรจัดมาคลอดลูกๆทิ้งไว้
เริ่มแรกเลย มีคนแนะนำให้หลอกล่อด้วยอาหารแมว เพื่อจะได้จับไปปล่อย
แต่แมวมันฉลาด มันกินเสร็จ มันก็เผ่นเลย จับไม่ได้ซักที
และมันก็ฉลาดไปอีกขั้นนึง มันส่งลูกเหมียวมาออกอ้อนให้เราหลงเป็นทาส
ตกหลุกรักไปแล้ว ทำไงได้ ก็ซื้ออาหารแมวมาให้เรื่อยๆ
พวกแมวก็ตั้งรกราก อยู่กันยาวๆ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ


ตัวแม่ และตัวแรก ที่มาคลอดลูกๆ

แล้วเนื่องจากเราไม่สามารถเลี้ยงแมวในบ้านได้
เพราะว่าพี่สาวแพ้แมว และบิดาไม่เห็นด้วยกับการเลี้ยงแมว (บ้านเลี้ยงหมาแล้ว)
เลยเลี้ยงนอกบ้าน แบบเปิด แล้วก็จับไปฉีดยาไม่ได้ซักที ไม่ว่างทั้งแมวทั้งมนุษย์
--แก้ไขนะคะ-- ไม่พาไปหาหมอ แต่ก็มีที่เรียกหมอมาฉีดที่บ้านค่ะ ฉีดได้เท่าที่จับได้จริงๆค่ะ

การเลี้ยงแบบเปิด .. เราก็ต้องวางอาหารแมวไว้นอกบ้าน
แมวตัวอื่นก็ฉลาดค่ะ มีแอบกินด้วย มาข่มขืนแมวบางตัวด้วย


โอ่งอะไรนอกบ้านที่มีอยู่ ถูกแมวยึดหมดค่ะ


สาบานว่ามาขอข้าวกิน

ข้างบ้านก็ไม่พอใจค่ะ เพราะว่าแมวตัวไหนไม่รู้ ไปอุจจาระบ้านเค้า หลายรอบ หลายครา
เคยคุยกันแล้วกับมนุษย์แล้วว่าจะพยายามให้ดีที่สุดในการเลี้ยงดูแมว
เรียกแมวๆมาปรับทัศนคติหลายรอบแล้ว
แต่ไม่รอดค่ะ .. ข้างบ้านไม่โอเคจริงๆ แถมยังฉีดน้ำไล่แมว
แมวก็ยิ่งเกลียดและไปอุจจาระที่บ้านนั้นเรื่อยๆ

เราพยายามหามนุษย์ทาสแมวใจดีเพื่อรับเลี้ยงแล้ว ไม่มีใครพร้อมจะรับแมวๆเลย
แมวๆเราช่างอาภัพ .. เป็นแมวจรไม่พอ ยังถูกเค้ารังเกียจ

ทรมาณใจมากที่ต้องพาแมวไปบ้านสงเคราะห์ที่นครปฐม
หลอกล่อเหล่าแมวเหมียวเท่าที่จะทำได้ ร้องไหตั้งแต่เช้าจนไปถึงบ้านสงเคราะห์
ทุกคนพยายามบอกเราว่า บ้านสงเคราะห์เค้าเลี้ยงดีนะ ฉีดยาให้ด้วย
แต่เมื่อเห็นสภาพการเป็นอยู่แล้วปวดใจเข้าไปอีก
คือ .. หมู หมา กา ไก่ แมว อยู่ในรั้วเดียวกัน แต่แยกกรง
บางพันธุ์งามๆ เช่น ปอม หรือไซบี้  ขนร่วง ตัวผอม ไม่เหลือความงามเลย

ไม่ได้ถ่ายรูปมารอบๆมา เพราะว่าร้องไห้อยู่


ตอนพาแมวไปส่ง ต้องให้มันอยู่ในกรงก่อน


บ่าวต้องขอโทษ ไม่ได้อยากเอามาปล่อยเลย T^T ดูสิ หันดูดให้อีก

กลับมาบ้านก็ยังเหลือแมวอีกสองชีวิตที่หลอกล่อไม่ได้
สองตัวนั้นก็หงอยๆ เหมือนรู้ว่าพี่น้องและแม่ของมันย้ายบ้านไปแล้ว


ผู้รอดชีวิต

ผ่านไปหนึ่งเดือน
แม่และพี่สาวไปเยี่ยมแมวๆที่บ้านหลังนั้น
เจอแมวที่เคยอยู่ในอ้อมอกแค่สองตัว และพวกแมวเหลือแต่กระดูก
เหล่าแมวก็ฉลาดไปอีก .. เห็นหน้าแม่แล้วบีบน้ำตา
แม่เราสงสารมาก .. จึงพยายามพาพวกแมวออกมาจากบ้านหลังนั้น
คนเลี้ยงไม่ยอม บอกว่าไม่ให้เอาออกมา บลาๆ
แต่แม่เราก็บอกว่า จะพาแมวๆไปรักษาก่อน เพราะเหมือนจะไม่สบายนะ
แล้วก็สำเร็จ พากลับมาสู้อ้อมอก (ถ้าเจอตัวอื่นๆก็คงพากลับมาด้วย แต่ไม่เจอจริงๆ)

กลับมาบ้าน .. แม่เราเห็นว่าหน้ามอม+มีคราบน้ำตา ก็พยายามเช็ดหน้าเช็ดตาให้แมว
ไม่รู้มันแสดงความรักหรือความระแวง มันกัดมือแม่เรา เลือดออก วุ่นวายไปหาหมอ

พี่สาวตามเราให้กลับบ้าน เพื่อมาดูแลหมนุษย์และหมาแมว
กลับบ้านเห็นสภาพแมวๆ มีแผลตามตัว ขนร่วง และมอมแมมมาก


ด้วยความเคยชิน เราเข้าไปลูบตัว ไปเกาพุง
นั่นแหละ ไม่รู้ว่าแสดงความรักหรือระแวง ตอนแรกมันก็งับๆ แต่แล้วก็กัดจมเคี้ยว
อร้ายยยยยย เลือดกระฉูด T^T
แล้วเพิ่งกลับมาจากบ้านสงเคราะห์ด้วย ไม่รู้จะมีเชื้ออะไรอีก

เรารีบล้างแผลเบื้องต้น ล้างน้ำ ราดแอลกอฮอล์ล้างแผล ราดเบตาดีน
แล้วรีบไปโรง’บาล และโดนส่งเข้าฉุกเฉิน
โรงบาลนี้ดีค่ะ (รพ. เอกชนข้างโลตัสนวมินทร์)
พยาบาลและแพทย์ได้เข้ามาคุยถึงเรื่องค่าใช้จ่ายและการฉีดยา
ทาง รพ. ไม่อยากให้ค่าใช้จ่ายเราเกินวงเงินประกันของบริษัท ไม่อยากให้เราออกเอง
(ให้ความใส่ใจเรื่องค่าใช้จ่ายมาก เช็คราคาให้ก่อน ถ้าเราโอเคจึงจะดำเนินการต่อ ถึงจะช้าหน่อยแต่ไม่ช็อคเรื่องราคาแน่นอน)

ต้องฉีดทั้งหมดสามอย่าง สองตัวแรกต้องฉีดให้ครบ course และต้องไปให้ตรงวัน
1. วัคซีนพิษสุนัขบ้า
2. วัคซีนบาดทะยัก
3. ERIG (สกัดจากม้า มีโอกาสแพ้ยา จึงต้อง test ก่อน) หรือ HRIG (สกัดจากคน ไม่แพ้แน่ๆ แต่ราคาสองหมื่นต้นๆ)

รพ. ก็ให้เรา test ตัว ERIG ก่อน
ฉีดยาทีท้องแขนทั้งสองข้าง ข้างนึงเป็นตัว ERIG อีกข้างเป็นอะไรไม่รู้
ฉีดเสร็จก็ใช้ปากกาวงจุดที่ฉีดยา และรอสามสิบนาที
แล้วก็พบว่าเราแพ้ ERIG และมีความจำเป็นต้องฉีด HRIG

HRIG มีราคาที่แพง ราคาเซรุ่ม+น้ำหนักตัว ทำให้ค่ายาอยู่ที่ 22,000 บาท
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย เซรุ่มตัวนี้ที่ รพ หมดพอดี
ทาง รพ. เลยแนะนำให้เราใช้ประกันอื่นๆที่เรามีอยู่ – ประกันสังคมค่ะ
น้ำตาจิไหล คิดในใจว่าเสียเงินหมื่นแน่ๆ

พยาบาลใจดีค่ะ ช่วยเช็คกับทาง รพ. ประกันสังคม ของเรา
ได้ความว่าถ้าหมอทาง รพ. โน้น เห็นว่าเราจำเป็นต้องฉีด HRIG จริงๆ ก็ไม่มีค่าใช้จ่าย
(เฮ้ย จริงดิ?! เซรุ่มสองหมื่นเนี่ยนะ?)

พยาบาล หมอ และทาง รพ. ก็ประสานงานกัน เขียนใบส่งตัวไปให้ รพ. ประกันสังคม
นอกจากนี้พี่พยาบาลบอกให้เรารีบไปฉีดยาให้เร็วที่สุดเพราะว่าการโดนกัดที่มือหรือเท้าอันตรายมาก
เป็นจุดปลายประสาท มีความเสี่ยงสูงกว่าโดนกัดที่อื่นๆ

ค่ารักษาจาก รพ. แรก = ศูนย์บาท
ฉีดวัคซีนสองตัว ทำแผล และได้ยาพารา+แก้อักเสบ มาฟรี
(ไม่นับฉีดวคซีนครั้งต่อๆไปนะคะ)

เรารีบบึ่งไป รพ. ประกันสังคม
รพ. เล็กๆ อยู่แถว สุขา3 บรรยากาศน่ากลัวเบาๆ
เข้าไปแจ้งประชาสัมพันธ์ ทำเรื่องประวัติ และถูกส่งเข้าฉุกเฉิน

หมอที่เข้าเวรอยู่รับเรื่องและเบิกยาให้ทันที
ถามเราให้แน่ใจว่าฉีดอะไรมาแล้วบ้าง เหลืออะไรบ้าง ทำtestมารึยัง
เนื่องจากเรา test ยามาแล้ว (ยังมีรอยปากกาอยู่เลย) เลยไม่เสียเวลา test อีกรอบ
หมอคำนวนปริมาณยากับน้ำหนักของเรา ฉีดเข้าที่แผลทั้งสองที่และสะโพกสองข้าง
ฉีดเสร็จแล้ว พยาบาลบอกว่า “กลับบ้านได้เลยค่ะ”

ห๊ะ? เราถามให้แน่ใจว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายจริงเหรอ
จริงค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วเราก็เดินออกมาจาก รพ. นั้น แบบงงๆ

ค่ารักษา/ค่าหมอ รพ. ที่สอง (ประกันสังคม) = ศูนย์บาท

เฮ้ยยยย ประกันสังคมก็โอเคนี่นา ไม่เห็นยุ่งยากเลย
เรานึกว่าต้องสำรองจ่ายและค่อยไปทำเรื่องเบิก
เราไม่แน่ใจเรื่อง สิทธิหรือขั้นตอนนะคะ ควรศึกษาไว้ด้วย

การโดนกัดครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
-เมื่อโดนกัดให้รีบไป รพ.
-ศึกษาสิทธิประกันของเราให้ดี ใช้สิทธิให้คุ้ม และจะได้ทำตัวและตอบคำถามถูก 55555+
-รพ. เอกชนที่ไม่หวังฟาดเงินยังมีอยู่ ปลื้มมากกกกกกกก
-รพ. ประกันสังคม นั้นดีงามมมม ไม่ต้องกลัว

ชี้แจงเรื่องน้องแมวเพิ่มเติม:
1. ที่บ้านเรียกหมอมาฉีดยาทุกๆสองถึงสามเดือน ตามนัดค่ะ และพยายามฉีดให้ได้มากที่สุด
2. เรื่องทำหมัน ตอนนั้นคุณหมอแจ้งว่า รอตัวแม่คลอดให้ครบสองเดือน แล้วไปทำหมัน และพาเด็กๆไปทำเมื่อ4-5 เดือนค่ะ แต่ตอนนี้ได้รับความรู้ใหม่แล้ว ขอบคุณสมาชิก pantip ค่ะ
3. ตอนนี้กำลังดูกรงใหญ่ๆให้น้องแมวอยู่ค่ะ จะได้อยู่เป็นที่เป็นทางและไม่รบกวนผู้อื่น

ผิดพลาดตรงไหน ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ชื่อสินค้า:   ประกันสังคม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่