สวัสดีค่ะ "พี่หยอดวัดยาง" กลับมาอีกครั้ง คราวนี้แวะมาบอกเล่าประสบการณ์การไปตะลุยหิมะ และการเตรียมตัวเบื้องต้นสำหรับคนที่กำลังมีแพลนจะไปเที่ยวแบบหิมะท่วมๆมาฝากค่ะ
*** ออกตัวก่อนเลยนะคะ ว่านี่เป็นเพียงการให้คำแนะนำจากประสบการณ์ตรงที่ได้ไปมาเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีถูกไม่มีผิด เผื่อเพื่อนๆนำไปประกอบการเตรียมตัวและนำไปปรับใช้ได้ตามสไตล์ของแต่ละคนนะคะ ***
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่
Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่
www.travelruarua.com
เข้าสู่หน้าหนาวกันแล้ว ใครมีโปรแกรมไปตะลุยหิมะกันบ้าง?
ปลายปีทั้งทีเลยต้องขอชะแว๊บไปหาความหนาวแบบจริงๆจังๆซักหน่อย...
จุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากสัมผัสความหนาวก็คงจะหนีไม่พ้น ประเทศญี่ปุ่น ใช่ไหมคะ...
อาจจะเป็นเพราะว่าเดินทางง่าย หาข้อมูลไม่ยาก และทีสำคัญที่นี่มีเทศกาลหิมะระดับโลกให้เราได้ไปเยือนเพียบเลย
ที่จะดังๆหน่อยก็คงจะหนีไม่พ้น Sapporo Snow Festival บนเกาะ Hokkaido ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนั่นเอง
การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว...ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไปจากฤดูอื่นๆนะคะ
เรียกได้ว่าอาจจะมีความยากลำบากกว่าฤดูอื่นก็ว่าได้ ทั้งเรื่องการเดินทางหรือจะเป็นเรื่องการแต่งกาย
“พี่หยอดวัดยาง” เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยไปสัมผัสมาค่ะว่า ไปเที่ยวช่วงหิมะต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง หน้างานจริงจะเจอสภาพอย่างไร และอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
ตามไปดูกันว่า...
“เตรียมตัวอย่างไร...เมื่อจะไปตะลุยหิมะ?”
1. “เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว”
อย่างแรกเลยก็คือ “เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว” ค่ะ
เล่าให้ฟังก่อนว่าอากาศตอนไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวในประเทศญี่ปุ่น อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 0 ถึง -10 องศาได้ค่ะ (อันนี้คือถ้าไปช่วง Snow Festival ต้นๆปีที่พีคๆหน่อยนะ) ซึ่งอากาศประมาณนี้สำหรับคนไทยแบบเราก็คือโคตรหนาวนั่นเอง นี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่มีลมแรงและหิมะตก หรือเวลาที่เราขึ้นไปตามยอดเขา มันจะยะเยือกเข้าไปอีก
การเลือกเสื้อกันหนาวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยให้เราออกไปท่องเที่ยวได้อย่างไม่ทรมาน !!!
ซึ่งที่เราเห็นเสื้อกันหนาวขายตามท้องตลาดก็มีอยู่หลากหลายแบบค่ะ ทั้งแบบสวยๆสไตล์แฟชั่น แต่กันหนาวอาจจะได้ไม่มาก บางแบบก็จะออกแนวธรรมดาไม่หวือหวาแต่กันหนาวได้เว่อวัง
ส่วนตัวแล้ว เสื้อกันหนาวที่ใช้จะเลือกแบบที่กันได้ทั้งลมและอากาศที่ติดลบค่ะ เพราะเวลาไปเที่ยวแบบลุยหิมะนั้น ไม่ใช่แค่หนาวอย่างเดียว เราต้องเผื่อเปียกด้วยเพราะอย่าลืมว่าหิมะก็คือน้ำแข็งนะ มันลายได้ และเมื่อละลายเสื้อเราก็จะเปียกชื้น เราก็เลยจะเลือกเสื้อที่ใช้วัสดุเป็นผ้ากันน้ำและมี 2 ชั้น โดยด้านในจะบุหนาหน่อยให้ความอุ่นได้ดี และที่สำคัญอยากแนะนำให้ใช้เสื้อกันหนาวที่มี Hood ด้วยจะดีมากค่ะ พอหิมะหรือฝนตกลงมาก็แค่เอา Hood มาคลุมศีรษะก็ลุยต่อได้แล้ว
แบรนด์ที่มีอุปกรณ์กันหนาวดีๆ ที่เราหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ก็อย่างเช่น Columbia หรือ NorthFace ค่ะ แต่สองยี่ห้อนี่ก็จะแนวสปอร์ตๆหน่อย ไม่ใช่แนวแฟชั่นเกร๋ๆ และราคาก็จะโหดพอสมควร (ต้องรอตอน Sale เอาถึงจะซื้อไหว 555) หรือถ้าใครชอบแนวเรียบง่ายราคาไม่โหดร้ายมาก ของ Uniqlo ก็ใช้ได้เช่นกันนะคะ เสื้อขนเป็ดนี่อุ่นใช้ได้เลย ซึ่งของ Uniqlo นอกจากเสื้อกันหนาวแล้ว สิ่งที่สำคัญมากๆอีกอย่างที่เราจะซื้อประจำก็คือใส่ด้านในอีกชั้นนั่นเองค่ะ ควรเลือกที่เป็นเสื้อ Heat-Tech หรือถ้าเป็นแบบ Extra Warm ก็จะดีมากๆ ถ้าได้เสื้อข้างในที่อุ่นดีพอ อาจจะใส่แค่ชั้นเดียวแล้วก็เสื้อกันหนาวทับเป็นอันจบค่ะ
ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก ก็ลองเลือกที่ถูกใจดูนะคะ ใครชอบจิ้มโทรศัพท์บ่อยๆ ก็ลองหาถุงมือแบบที่สามารถ touch screen ได้มาใช้จะไม่ต้องถอดเข้าถอดออกให้เสียเวลาด้วยค่ะ ส่วนหมวกก็เลือกที่สามารถดึงลงมาปิดใบหูด้วยนะคะ เพราะหูนี่แหละคะที่ต้องการความอบอุ่นสุดๆ เคยไหม...หนาวจะหูจะขาด มันมีจริงค่ะ 555
ปล. ส่วนอุปกรณ์กันหนาวอื่นๆที่อาจจะจำเป็นเวลาไปเที่ยวตามสกีรีสอร์ท เราสามารถหาเช่าได้ในสกีรีสอร์ทนั้นๆนะคะ
2. “รองเท้า”
สิ่งต่อมาที่สำคัญมากๆๆๆๆสำหรับการไปตะลุยหิมะ ก็คือ “รองเท้า” ค่ะ
ไปเที่ยว Snow Festival จิตนาการว่าจะได้เดินเล่นบนหิมะขาวๆฟูๆ เหมือนน้ำแข็งใส... (หรอ)
จริงๆแล้วมันไม่เป็นเช่นนั้นตลอดทางค่ะ !! เพราะมันจะมีบ้างที่ เละ เละ เละ
ตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆหลังจากที่หิมะตกลงมาหนักๆแล้ว ก็จะสวยดีนะคะ...แต่ สวยได้ไม่นานนี่สิ มันก็จะเริ่มละลาย และพอมันเริ่มละลายมันก็จะกลายเป็นน้ำ และพอมันกลายเป็นน้ำและคนเดินเหยียบๆ หรือรถแล่นผ่านก็จะกลายเป็นโคลนและแอ่งน้ำเต็มไปหมด หิมะที่ทับถมกันบางส่วนก็จะอัดตัวลงไปเรื่อยๆจนกลายเป็นน้ำแข็ง และนี่แหละคะค่ะคือ อุปสรรคและอันตรายของแท้
เพราะฉะนั้นการเลือกรองเท้าจึงสำคัญ สำหรับเราแล้วเราเลือกรองเท้าที่หุ้มปิดข้อเท้าขึ้นมาเหนือตาตุ่ม เพื่อที่จะได้ยัดขากางเกงเข้าไปในรองเท้าได้ หิมะและความหนาวจะได้ไม่แทรกตัวเข้าไป ใส่แล้วต้องกระชับ ไม่หลวม ไม่คับ
ส่วนตัวของรองเท้าก็เลือกแบบที่กันน้ำได้ (ไม่ใช่กันน้ำออกนะ) และพื้นรองเท้าก็ต้องเป็นแบบที่มีดอกยางที่ลึกและเกาะพื้นได้ดี หรืออาจจะต้องทำจากวัสดุที่กันลื่นได้ดี อันนี้สำคัญจริงๆนะ เพราะจากประสบการณ์ตรงเดินๆอยู่ตามท้องถนนนี่ลื่นนับครั้งไม่ถ้วนค่ะ
ช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้นี่เดินเก้ๆกังๆ สังเกตตัวเองว่ามัวแต่เดินก้มหน้าก้มตามองที่ถนนและเท้าที่ก้าวออกไปแต่ละก้าว เพราะกลัวจะเหยียบไปโดนตรงที่เป็นน้ำแข็งซึ่งนั่นแหละกับระเบิดเลยค่ะ เดินจิกเท้าซะเจ็บไปหมด
สำหรับรองเท้าที่เคยใช้มาก็มี 2 แบรนด์นี้แหละคะที่ดีงาม Columbia และ Northface เจ้าเก่า ต้องยอมรับว่าตอบโจทย์เรื่องรองเท้าจริงๆ ส่วนเรื่องความอบอุ่นของเท้าก็ห้ามลืมนะคะ...เพราะส่วนนี้คือส่วนที่สัมผัสหิมะแทบจะตลอดเวลา ถุงเท้าที่ใช้ก็ควรจะหนาและอุ่นพอ ลองหาพวกถุงเท้า Heat-tech แบบยาวๆมาใส่ก็ได้ อาจจะใส่เลกกิ้งปิดเท้าอีกซักชั้นนึงก่อนใส่กางเกงก็จะช่วยได้อีกค่ะ
3. ”Travel Insurance หรือประกันการเดินทาง”
อีกสิ่งที่เราอาจจะมองข้ามมาโดยตลอด แต่จริงๆแล้วสำคัญมากๆสำหรับการเดินทางไปตะลุยหิมะ ก็คือ ”Travel Insurance หรือประกันการเดินทาง”
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะไม่นิยมซื้อประกันการเดินทางเวลาไปท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
สำหรับทริปไปเที่ยวทั่วๆไปที่ไม่ใช่ทริปสายลุยก็อาจจะโอเค แต่สำหรับบางทริปที่มีความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุหรืออันตรายจากกิจกรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เราก็จะตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็อุ่นใจค่ะว่าถ้าหากเราประสบอุบัติเหตุแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ยังสามารถพุ่งตัวไปหาหมอที่โน้นได้แบบไร้กังวล
อย่างเช่นทริปที่ไปตะลุยหิมะที่ Hokkaido มา 10 วัน นี่ก็เป็นอีกทริปที่ตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางของ MSIG ไปด้วย
คิดแล้วคิดอีกอยู่ซักพักเหมือนกันนะก่อนที่จะกดซื้อจากทางหน้าเว็บ
https://www.msig-thai.com
แต่พอดูราคาค่าเบี้ยประกันแล้วไม่ได้แพงอย่างที่คิด แค่ 650 บาทเอง จัดสิครัชรออะไร !
ถือซะว่าซื้อความสบายใจค่ะ จะได้เที่ยวได้เพลินๆ
ก่อนเดินทางก็ได้ลองโทรไปถามที่ Call Center 02-007-9000 เค้าก่อนว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุที่โน้นต้องทำยังไง (ถามเผื่อไว้ก่อน ถ้าไม่เกิดก็ดีไปเนอะ) เช่น เดินๆอยู่ไปเหยียบเอาน้ำแข็งลื่นล้ม (อันนี้ตอนไปจริงๆ เกือบไปหลายหนค่ะ) หรือ ไปลองหัดเล่นสกีมือใหม่ล้มลุกคลุกคลานแขนขาหักมาจะทำยังไง ก็ได้คำตอบมาว่า กรณีแขนหรือขาหักแล้วต้องใส่เผือก ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อนด้วยค่ะ แต่ว่าเราก็ต้องติดต่อ ไปที่ MSIG Assist ก่อนเพื่อขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 02-039-5704 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะประสานงานกับโรงพยาบาลในเครือให้เราและดูแลค่าใช้จ่ายให้อีก
และถ้าในกรณีที่ว่าเราเจ็บป่วยจนคุณหมอลงความเห็นว่ายังไม่สามารถเดินทางกลับตามที่เราแพลนไว้ได้ อันนี้ก็เราก็สามารถเคลมประกันได้เช่นกันนะคะ แต่จะต้องเตรียมเอกสารตามที่บริษัทได้กำหนดไว้ เช่นพวกใบรับรองแพทย์ ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถโทรปรึกษากับ Call Center ก่อนเดินทางได้เลย ถามเผื่อๆไว้ก่อนแหละดี
อาจจะดูวิตกกังวลคิดเยอะไป กลัวโน้นกลัวนี่ แต่รู้ไว้เกินดีกว่าขาดค่ะ
4. “แผ่นร้อนกันหนาว” หรือ Heat Pad / Hot Pack
อีกหนึ่งตัวช่วยที่มีประโยชน์มากๆเวลาที่ไปสัมผัสอากาศหนาวๆก็คือ แผ่นร้อนกันหนาว หรือ “ไคโระ” Kairo ค่ะ
เจ้าแผ่นร้อนนี้จะช่วยกระจายความอบอุ่นสู่ร่างกายของเรา ข้างในจะมีส่วนผสมของ เกลือ ผงเหล็ก น้ำ ขี้เถ่า และถ่าน โดยจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และทำให้เกิดความร้อนที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียสค่ะ
แผ่นร้อนกันหนาว นี่มีอยู่หลายยี่ห้อ หลายแบบค่ะ ทั้งแบบแปะกับเสื้อผ้าและแบบถุงเล็กๆไว้พก
สำหรับแบบถุงพกนี้คือไว้พกในกระเป๋าเสื้อกันหนาว เอามือสอดเข้าไปกำไว้สร้างความอบอุ่นให้มือ โดยแผ่นร้อนกันหนาวแบบนี้เราจะต้องฉีกซองพลาสติก และเขย่าๆถุงซักพักเพื่อให้ส่วนผสมข้างในเกิดปฏิกิริยาความร้อนค่ะ
ส่วนอีกแบบคือแบบแปะกับเสื้อผ้า แบบนี้จะเป็นสติ๊กเกอร์ลอกออกมาได้แล้วเราสามารถแปะบนเสื้อผ้าที่แนบผิวของเราได้ทุกจุด แบบนี้ไม่ต้องเขย่าก่อนใช้งานนะคะ แกะพลาสติกแล้วแปะโลดค่ะ จะแปะกี่อันก็แล้วแต่สะดวกเลย แต่ห้ามแปะแผ่นร้อนลักษณะนี้ที่ผิวหนังเราโดยเด็ดขาดนะคะเพราะจะร้อนมากจนผิวเราไหม้ได้ค่ะ
อย่างตัวเราเองปกติจะแปะหน้า 1 แผ่น หลัง 1 แผ่น และใช้แบบพอในกระเป๋าเสื้ออีกข้างละ 1 แผ่น เป็นอันอุ่นใช้ได้เลย
อายุการใช้งานของแผ่นร้อนกันหนาวก็อยู่ที่ 8-12 ชั่วโมงนะคะ
แผ่นร้อนกันหนาวนี้เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น (หรือที่เกาหลีก็มีขายเยอะแยะ แพ็คเกจน่ารักๆด้วย)ค่ะ แบบแพ็คเล็ก แพ็คใหญ่มีหมดแล้วแต่ความต้องการ ส่วนตัวแล้วชอบตัวช่วยชิ้นนี้มากๆนะ ยิ่งถ้าไปในช่วงทีอากาศหนาวจนติดลบ ช่วยให้เราไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนาเตอะและเที่ยวได้อย่างไม่ทรมานสั่นหงึกๆ
อ่อ...ลืมบอกไปแผ่นแปะร้อนนี้มีสำหรับแปะเท้าด้วยนะคะ แปะไปยังบริเวณถุงเท้า แล้วใส่รองเท้าได้เลย จะช่วยให้การเดินทางของเราสบายขึ้นไปอีก
[CR] เที่ยวรัวรัว : เตรียมตัวอย่างไร...เมื่อจะไปตะลุยหิมะ ?
*** ออกตัวก่อนเลยนะคะ ว่านี่เป็นเพียงการให้คำแนะนำจากประสบการณ์ตรงที่ได้ไปมาเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีถูกไม่มีผิด เผื่อเพื่อนๆนำไปประกอบการเตรียมตัวและนำไปปรับใช้ได้ตามสไตล์ของแต่ละคนนะคะ ***
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่ www.travelruarua.com
เข้าสู่หน้าหนาวกันแล้ว ใครมีโปรแกรมไปตะลุยหิมะกันบ้าง?
ปลายปีทั้งทีเลยต้องขอชะแว๊บไปหาความหนาวแบบจริงๆจังๆซักหน่อย...
จุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากสัมผัสความหนาวก็คงจะหนีไม่พ้น ประเทศญี่ปุ่น ใช่ไหมคะ...
อาจจะเป็นเพราะว่าเดินทางง่าย หาข้อมูลไม่ยาก และทีสำคัญที่นี่มีเทศกาลหิมะระดับโลกให้เราได้ไปเยือนเพียบเลย
ที่จะดังๆหน่อยก็คงจะหนีไม่พ้น Sapporo Snow Festival บนเกาะ Hokkaido ที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนั่นเอง
การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว...ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไปจากฤดูอื่นๆนะคะ
เรียกได้ว่าอาจจะมีความยากลำบากกว่าฤดูอื่นก็ว่าได้ ทั้งเรื่องการเดินทางหรือจะเป็นเรื่องการแต่งกาย
“พี่หยอดวัดยาง” เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยไปสัมผัสมาค่ะว่า ไปเที่ยวช่วงหิมะต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง หน้างานจริงจะเจอสภาพอย่างไร และอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
ตามไปดูกันว่า... “เตรียมตัวอย่างไร...เมื่อจะไปตะลุยหิมะ?”
1. “เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว”
อย่างแรกเลยก็คือ “เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว” ค่ะ
เล่าให้ฟังก่อนว่าอากาศตอนไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวในประเทศญี่ปุ่น อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 0 ถึง -10 องศาได้ค่ะ (อันนี้คือถ้าไปช่วง Snow Festival ต้นๆปีที่พีคๆหน่อยนะ) ซึ่งอากาศประมาณนี้สำหรับคนไทยแบบเราก็คือโคตรหนาวนั่นเอง นี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่มีลมแรงและหิมะตก หรือเวลาที่เราขึ้นไปตามยอดเขา มันจะยะเยือกเข้าไปอีก
การเลือกเสื้อกันหนาวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยให้เราออกไปท่องเที่ยวได้อย่างไม่ทรมาน !!!
ซึ่งที่เราเห็นเสื้อกันหนาวขายตามท้องตลาดก็มีอยู่หลากหลายแบบค่ะ ทั้งแบบสวยๆสไตล์แฟชั่น แต่กันหนาวอาจจะได้ไม่มาก บางแบบก็จะออกแนวธรรมดาไม่หวือหวาแต่กันหนาวได้เว่อวัง
ส่วนตัวแล้ว เสื้อกันหนาวที่ใช้จะเลือกแบบที่กันได้ทั้งลมและอากาศที่ติดลบค่ะ เพราะเวลาไปเที่ยวแบบลุยหิมะนั้น ไม่ใช่แค่หนาวอย่างเดียว เราต้องเผื่อเปียกด้วยเพราะอย่าลืมว่าหิมะก็คือน้ำแข็งนะ มันลายได้ และเมื่อละลายเสื้อเราก็จะเปียกชื้น เราก็เลยจะเลือกเสื้อที่ใช้วัสดุเป็นผ้ากันน้ำและมี 2 ชั้น โดยด้านในจะบุหนาหน่อยให้ความอุ่นได้ดี และที่สำคัญอยากแนะนำให้ใช้เสื้อกันหนาวที่มี Hood ด้วยจะดีมากค่ะ พอหิมะหรือฝนตกลงมาก็แค่เอา Hood มาคลุมศีรษะก็ลุยต่อได้แล้ว
แบรนด์ที่มีอุปกรณ์กันหนาวดีๆ ที่เราหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ก็อย่างเช่น Columbia หรือ NorthFace ค่ะ แต่สองยี่ห้อนี่ก็จะแนวสปอร์ตๆหน่อย ไม่ใช่แนวแฟชั่นเกร๋ๆ และราคาก็จะโหดพอสมควร (ต้องรอตอน Sale เอาถึงจะซื้อไหว 555) หรือถ้าใครชอบแนวเรียบง่ายราคาไม่โหดร้ายมาก ของ Uniqlo ก็ใช้ได้เช่นกันนะคะ เสื้อขนเป็ดนี่อุ่นใช้ได้เลย ซึ่งของ Uniqlo นอกจากเสื้อกันหนาวแล้ว สิ่งที่สำคัญมากๆอีกอย่างที่เราจะซื้อประจำก็คือใส่ด้านในอีกชั้นนั่นเองค่ะ ควรเลือกที่เป็นเสื้อ Heat-Tech หรือถ้าเป็นแบบ Extra Warm ก็จะดีมากๆ ถ้าได้เสื้อข้างในที่อุ่นดีพอ อาจจะใส่แค่ชั้นเดียวแล้วก็เสื้อกันหนาวทับเป็นอันจบค่ะ
ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก ก็ลองเลือกที่ถูกใจดูนะคะ ใครชอบจิ้มโทรศัพท์บ่อยๆ ก็ลองหาถุงมือแบบที่สามารถ touch screen ได้มาใช้จะไม่ต้องถอดเข้าถอดออกให้เสียเวลาด้วยค่ะ ส่วนหมวกก็เลือกที่สามารถดึงลงมาปิดใบหูด้วยนะคะ เพราะหูนี่แหละคะที่ต้องการความอบอุ่นสุดๆ เคยไหม...หนาวจะหูจะขาด มันมีจริงค่ะ 555
ปล. ส่วนอุปกรณ์กันหนาวอื่นๆที่อาจจะจำเป็นเวลาไปเที่ยวตามสกีรีสอร์ท เราสามารถหาเช่าได้ในสกีรีสอร์ทนั้นๆนะคะ
2. “รองเท้า”
สิ่งต่อมาที่สำคัญมากๆๆๆๆสำหรับการไปตะลุยหิมะ ก็คือ “รองเท้า” ค่ะ
ไปเที่ยว Snow Festival จิตนาการว่าจะได้เดินเล่นบนหิมะขาวๆฟูๆ เหมือนน้ำแข็งใส... (หรอ)
จริงๆแล้วมันไม่เป็นเช่นนั้นตลอดทางค่ะ !! เพราะมันจะมีบ้างที่ เละ เละ เละ
ตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆหลังจากที่หิมะตกลงมาหนักๆแล้ว ก็จะสวยดีนะคะ...แต่ สวยได้ไม่นานนี่สิ มันก็จะเริ่มละลาย และพอมันเริ่มละลายมันก็จะกลายเป็นน้ำ และพอมันกลายเป็นน้ำและคนเดินเหยียบๆ หรือรถแล่นผ่านก็จะกลายเป็นโคลนและแอ่งน้ำเต็มไปหมด หิมะที่ทับถมกันบางส่วนก็จะอัดตัวลงไปเรื่อยๆจนกลายเป็นน้ำแข็ง และนี่แหละคะค่ะคือ อุปสรรคและอันตรายของแท้
เพราะฉะนั้นการเลือกรองเท้าจึงสำคัญ สำหรับเราแล้วเราเลือกรองเท้าที่หุ้มปิดข้อเท้าขึ้นมาเหนือตาตุ่ม เพื่อที่จะได้ยัดขากางเกงเข้าไปในรองเท้าได้ หิมะและความหนาวจะได้ไม่แทรกตัวเข้าไป ใส่แล้วต้องกระชับ ไม่หลวม ไม่คับ
ส่วนตัวของรองเท้าก็เลือกแบบที่กันน้ำได้ (ไม่ใช่กันน้ำออกนะ) และพื้นรองเท้าก็ต้องเป็นแบบที่มีดอกยางที่ลึกและเกาะพื้นได้ดี หรืออาจจะต้องทำจากวัสดุที่กันลื่นได้ดี อันนี้สำคัญจริงๆนะ เพราะจากประสบการณ์ตรงเดินๆอยู่ตามท้องถนนนี่ลื่นนับครั้งไม่ถ้วนค่ะ
ช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้นี่เดินเก้ๆกังๆ สังเกตตัวเองว่ามัวแต่เดินก้มหน้าก้มตามองที่ถนนและเท้าที่ก้าวออกไปแต่ละก้าว เพราะกลัวจะเหยียบไปโดนตรงที่เป็นน้ำแข็งซึ่งนั่นแหละกับระเบิดเลยค่ะ เดินจิกเท้าซะเจ็บไปหมด
สำหรับรองเท้าที่เคยใช้มาก็มี 2 แบรนด์นี้แหละคะที่ดีงาม Columbia และ Northface เจ้าเก่า ต้องยอมรับว่าตอบโจทย์เรื่องรองเท้าจริงๆ ส่วนเรื่องความอบอุ่นของเท้าก็ห้ามลืมนะคะ...เพราะส่วนนี้คือส่วนที่สัมผัสหิมะแทบจะตลอดเวลา ถุงเท้าที่ใช้ก็ควรจะหนาและอุ่นพอ ลองหาพวกถุงเท้า Heat-tech แบบยาวๆมาใส่ก็ได้ อาจจะใส่เลกกิ้งปิดเท้าอีกซักชั้นนึงก่อนใส่กางเกงก็จะช่วยได้อีกค่ะ
3. ”Travel Insurance หรือประกันการเดินทาง”
อีกสิ่งที่เราอาจจะมองข้ามมาโดยตลอด แต่จริงๆแล้วสำคัญมากๆสำหรับการเดินทางไปตะลุยหิมะ ก็คือ ”Travel Insurance หรือประกันการเดินทาง”
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะไม่นิยมซื้อประกันการเดินทางเวลาไปท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
สำหรับทริปไปเที่ยวทั่วๆไปที่ไม่ใช่ทริปสายลุยก็อาจจะโอเค แต่สำหรับบางทริปที่มีความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุหรืออันตรายจากกิจกรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เราก็จะตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็อุ่นใจค่ะว่าถ้าหากเราประสบอุบัติเหตุแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ยังสามารถพุ่งตัวไปหาหมอที่โน้นได้แบบไร้กังวล
อย่างเช่นทริปที่ไปตะลุยหิมะที่ Hokkaido มา 10 วัน นี่ก็เป็นอีกทริปที่ตัดสินใจซื้อประกันการเดินทางของ MSIG ไปด้วย
คิดแล้วคิดอีกอยู่ซักพักเหมือนกันนะก่อนที่จะกดซื้อจากทางหน้าเว็บ https://www.msig-thai.com
แต่พอดูราคาค่าเบี้ยประกันแล้วไม่ได้แพงอย่างที่คิด แค่ 650 บาทเอง จัดสิครัชรออะไร !
ถือซะว่าซื้อความสบายใจค่ะ จะได้เที่ยวได้เพลินๆ
ก่อนเดินทางก็ได้ลองโทรไปถามที่ Call Center 02-007-9000 เค้าก่อนว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุที่โน้นต้องทำยังไง (ถามเผื่อไว้ก่อน ถ้าไม่เกิดก็ดีไปเนอะ) เช่น เดินๆอยู่ไปเหยียบเอาน้ำแข็งลื่นล้ม (อันนี้ตอนไปจริงๆ เกือบไปหลายหนค่ะ) หรือ ไปลองหัดเล่นสกีมือใหม่ล้มลุกคลุกคลานแขนขาหักมาจะทำยังไง ก็ได้คำตอบมาว่า กรณีแขนหรือขาหักแล้วต้องใส่เผือก ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาไปก่อนด้วยค่ะ แต่ว่าเราก็ต้องติดต่อ ไปที่ MSIG Assist ก่อนเพื่อขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 02-039-5704 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะประสานงานกับโรงพยาบาลในเครือให้เราและดูแลค่าใช้จ่ายให้อีก
และถ้าในกรณีที่ว่าเราเจ็บป่วยจนคุณหมอลงความเห็นว่ายังไม่สามารถเดินทางกลับตามที่เราแพลนไว้ได้ อันนี้ก็เราก็สามารถเคลมประกันได้เช่นกันนะคะ แต่จะต้องเตรียมเอกสารตามที่บริษัทได้กำหนดไว้ เช่นพวกใบรับรองแพทย์ ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถโทรปรึกษากับ Call Center ก่อนเดินทางได้เลย ถามเผื่อๆไว้ก่อนแหละดี
อาจจะดูวิตกกังวลคิดเยอะไป กลัวโน้นกลัวนี่ แต่รู้ไว้เกินดีกว่าขาดค่ะ
4. “แผ่นร้อนกันหนาว” หรือ Heat Pad / Hot Pack
อีกหนึ่งตัวช่วยที่มีประโยชน์มากๆเวลาที่ไปสัมผัสอากาศหนาวๆก็คือ แผ่นร้อนกันหนาว หรือ “ไคโระ” Kairo ค่ะ
เจ้าแผ่นร้อนนี้จะช่วยกระจายความอบอุ่นสู่ร่างกายของเรา ข้างในจะมีส่วนผสมของ เกลือ ผงเหล็ก น้ำ ขี้เถ่า และถ่าน โดยจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และทำให้เกิดความร้อนที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียสค่ะ
แผ่นร้อนกันหนาว นี่มีอยู่หลายยี่ห้อ หลายแบบค่ะ ทั้งแบบแปะกับเสื้อผ้าและแบบถุงเล็กๆไว้พก
สำหรับแบบถุงพกนี้คือไว้พกในกระเป๋าเสื้อกันหนาว เอามือสอดเข้าไปกำไว้สร้างความอบอุ่นให้มือ โดยแผ่นร้อนกันหนาวแบบนี้เราจะต้องฉีกซองพลาสติก และเขย่าๆถุงซักพักเพื่อให้ส่วนผสมข้างในเกิดปฏิกิริยาความร้อนค่ะ
ส่วนอีกแบบคือแบบแปะกับเสื้อผ้า แบบนี้จะเป็นสติ๊กเกอร์ลอกออกมาได้แล้วเราสามารถแปะบนเสื้อผ้าที่แนบผิวของเราได้ทุกจุด แบบนี้ไม่ต้องเขย่าก่อนใช้งานนะคะ แกะพลาสติกแล้วแปะโลดค่ะ จะแปะกี่อันก็แล้วแต่สะดวกเลย แต่ห้ามแปะแผ่นร้อนลักษณะนี้ที่ผิวหนังเราโดยเด็ดขาดนะคะเพราะจะร้อนมากจนผิวเราไหม้ได้ค่ะ
อย่างตัวเราเองปกติจะแปะหน้า 1 แผ่น หลัง 1 แผ่น และใช้แบบพอในกระเป๋าเสื้ออีกข้างละ 1 แผ่น เป็นอันอุ่นใช้ได้เลย
อายุการใช้งานของแผ่นร้อนกันหนาวก็อยู่ที่ 8-12 ชั่วโมงนะคะ
แผ่นร้อนกันหนาวนี้เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น (หรือที่เกาหลีก็มีขายเยอะแยะ แพ็คเกจน่ารักๆด้วย)ค่ะ แบบแพ็คเล็ก แพ็คใหญ่มีหมดแล้วแต่ความต้องการ ส่วนตัวแล้วชอบตัวช่วยชิ้นนี้มากๆนะ ยิ่งถ้าไปในช่วงทีอากาศหนาวจนติดลบ ช่วยให้เราไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนาเตอะและเที่ยวได้อย่างไม่ทรมานสั่นหงึกๆ
อ่อ...ลืมบอกไปแผ่นแปะร้อนนี้มีสำหรับแปะเท้าด้วยนะคะ แปะไปยังบริเวณถุงเท้า แล้วใส่รองเท้าได้เลย จะช่วยให้การเดินทางของเราสบายขึ้นไปอีก