เมืองไทย 360 องศา
“(เรา) รู้แผนอยู่แล้วเตรียมการไว้แล้ว” แหล่งข่าวระบุ และเสริมว่ามีหลายชาติที่ยินดีมอบหนังสือเดินทางให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)"
นั่นเป็นคำพูดของคนที่อ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดครอบครัวของทั้ง ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่กล่าวกับสื่อต่างประเทศที่มีสาขาในไทยอย่าง “บีบีซีไทย” เมื่อวันก่อน
แม้ว่าจะไม่ได้ระบุว่าแหล่งข่าวที่อ้างว่าใกล้ชิดกับสองคนข้างต้นว่าเป็นใคร จะเป็น “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ ทักษิณ ชินวัตร หรทอว่าลูกสาวคนอื่นหรือไม่ก็ได้บอก รวมไปถึงคนในพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ระบุอีก แต่เอาเป็นว่าเมื่อยืนยันว่าใกล้ชิดก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อก็คือ หลังจากที่ทั้ง สองคนพี่น้องคือ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถูกกระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ที่เคยถืออยู่ไปหมดแล้วทุกเล่มนั้นทำให้พวกเขา “สบายจริงหรือ”
ก่อนหน้านี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกเล่มแล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจำกัดการเดินทางนั้น ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ไหนยังไม่ทราบเลย มีเพียงกระแสข่าวอยู่ในอังกฤษเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไหน ซึ่งเมื่อทราบความชัดเจนทางอัยการสูงสุด (อสส.) จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการประสานติดตามตัวทางตำรวจได้ประสานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) อยู่แล้ว โดยตามขั้นตอนการติดตามขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ต้องเริ่มจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ คือ ตำรวจ และอัยการ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากันตามความเป็นจริง ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร เวลานี้มีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี” ได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ดังนั้น เมื่อคดีสิ้นสุดหรือจบสิ้นกระบวนการทางศาลแล้วก็ต้องถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางเพื่อไม่ให้สามารถหลบหนีได้อย่างลอยนวล หรือมีความสะดวกในการเดินทางในต่างประเทศ หรือหากระบุว่าการเพิกถอนหนังสือเดินทางดังกล่าว เพื่อ “จำกัดการเดินทาง” ก็ต้องบอกว่าใช่ เพราะพวกเขามีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี”
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันหลังจากที่ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางที่เคยถืออยู่ทุกประเภท ทุกเล่ม แล้วมีความสบายใจ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยตามที่แหล่งข่าวที่อ้างว่ามีความใกล้ชิดนั้นก็ไม่น่าจะใช่ แม้ว่าจะยืนยันว่าได้มีการเตรียมการรับมือเอาไว้แล้วก็ตาม
พิจารณาจากข้อสังเกตอย่างแรกก็คือ คำพูดที่อ้างว่าสบายนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากเจ้าตัวคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ หรือ ยิ่งลักษณ์ เพราะหากให้คาดเดาก็น่าจะพอมองออกว่าสำหรับ ยิ่งลักษณ์ คงกำลังรอลุ้นคำขอลี้ภัยถาวรในประเทศไหนสักแห่ง เพราะ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันแล้วว่าทางประเทศอังกฤษได้ปฏิเสธคำขอลี้ภัย ดังนั้นในเวลานี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงกบดานเงียบเพื่อรอลุ้นประเทศอื่นในยุโรปต่อไป
ที่มั่นใจว่าต้องเป็นประเทศในยุโรป หรือไม่ก็สหรัฐอเมริกา เพราะสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่น่าจะขอลี้ภัยในประเทศอื่นนอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง อย่างเช่น ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างที่พี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร พักอาศัยอยู่ก็ตาม รวมไปถึงประเทศในแถบอเมริกากลาง อย่างประเทศนิารากัวของประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตกา ที่เคยมอบสถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์ให้พี่ชายของเธอมาแล้วก็ตาม
และอาจเป็นไปได้ที่จะมีบางประเทศในยุโรปที่ยินดีให้สัญชาติกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นประเทศมอนเตเนโกร ที่หากมีเงินไปแสดงว่าจะลงทุนเพียงไม่กี่ล้านบาทก็อาจผ่านเกณฑ์การพิจารณาแบบนั้นได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างก็ต้องมีขั้นตอน ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ดังนั้น การที่ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางแล้วมีคนอ้างแทนว่า “อยู่สุขสบายดี” นั้นก็น่าจะจริง เป็นการพูดแก้เกี้ยวหลอกตัวเองเท่านั้น เพราะการที่ไม่มีหนังสือเดินทางสำหรับในต่างประเทศ ก็เหมือนกับ “ไม่มีบัตรประชาชน” จะไปไหนก็ลำบาก แม้ว่าจะมีหลายประเทศจะยินดีให้สัญชาติใหม่หากมีเงิน แต่มันคงไม่ใช่เป็นประเทศในยุโรปที่พวกเขาต้องการแน่
ขณะเดียวกัน เมื่อมีสถานะเป็นนักโทษต้องหนีคดีตลอดชีวิต มันก็เหมือนกับชีวิตที่ล่องลอยเคว้งคว้างตามสายลม มันจะสบายได้อย่างไร!
“แม้ว-ปู” วันที่ไม่มีพาสปอร์ตไทย...สบายจริงหรือ!?
“(เรา) รู้แผนอยู่แล้วเตรียมการไว้แล้ว” แหล่งข่าวระบุ และเสริมว่ามีหลายชาติที่ยินดีมอบหนังสือเดินทางให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)"
นั่นเป็นคำพูดของคนที่อ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดครอบครัวของทั้ง ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่กล่าวกับสื่อต่างประเทศที่มีสาขาในไทยอย่าง “บีบีซีไทย” เมื่อวันก่อน
แม้ว่าจะไม่ได้ระบุว่าแหล่งข่าวที่อ้างว่าใกล้ชิดกับสองคนข้างต้นว่าเป็นใคร จะเป็น “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ ทักษิณ ชินวัตร หรทอว่าลูกสาวคนอื่นหรือไม่ก็ได้บอก รวมไปถึงคนในพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ระบุอีก แต่เอาเป็นว่าเมื่อยืนยันว่าใกล้ชิดก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อก็คือ หลังจากที่ทั้ง สองคนพี่น้องคือ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ถูกกระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ที่เคยถืออยู่ไปหมดแล้วทุกเล่มนั้นทำให้พวกเขา “สบายจริงหรือ”
ก่อนหน้านี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกเล่มแล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจำกัดการเดินทางนั้น ขอชี้แจงว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ไหนยังไม่ทราบเลย มีเพียงกระแสข่าวอยู่ในอังกฤษเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าอยู่เมืองไหน ซึ่งเมื่อทราบความชัดเจนทางอัยการสูงสุด (อสส.) จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการประสานติดตามตัวทางตำรวจได้ประสานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) อยู่แล้ว โดยตามขั้นตอนการติดตามขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ต้องเริ่มจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ คือ ตำรวจ และอัยการ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากันตามความเป็นจริง ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร เวลานี้มีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี” ได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ดังนั้น เมื่อคดีสิ้นสุดหรือจบสิ้นกระบวนการทางศาลแล้วก็ต้องถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางเพื่อไม่ให้สามารถหลบหนีได้อย่างลอยนวล หรือมีความสะดวกในการเดินทางในต่างประเทศ หรือหากระบุว่าการเพิกถอนหนังสือเดินทางดังกล่าว เพื่อ “จำกัดการเดินทาง” ก็ต้องบอกว่าใช่ เพราะพวกเขามีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี”
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันหลังจากที่ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางที่เคยถืออยู่ทุกประเภท ทุกเล่ม แล้วมีความสบายใจ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยตามที่แหล่งข่าวที่อ้างว่ามีความใกล้ชิดนั้นก็ไม่น่าจะใช่ แม้ว่าจะยืนยันว่าได้มีการเตรียมการรับมือเอาไว้แล้วก็ตาม
พิจารณาจากข้อสังเกตอย่างแรกก็คือ คำพูดที่อ้างว่าสบายนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากเจ้าตัวคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ หรือ ยิ่งลักษณ์ เพราะหากให้คาดเดาก็น่าจะพอมองออกว่าสำหรับ ยิ่งลักษณ์ คงกำลังรอลุ้นคำขอลี้ภัยถาวรในประเทศไหนสักแห่ง เพราะ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันแล้วว่าทางประเทศอังกฤษได้ปฏิเสธคำขอลี้ภัย ดังนั้นในเวลานี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงกบดานเงียบเพื่อรอลุ้นประเทศอื่นในยุโรปต่อไป
ที่มั่นใจว่าต้องเป็นประเทศในยุโรป หรือไม่ก็สหรัฐอเมริกา เพราะสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่น่าจะขอลี้ภัยในประเทศอื่นนอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง อย่างเช่น ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างที่พี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร พักอาศัยอยู่ก็ตาม รวมไปถึงประเทศในแถบอเมริกากลาง อย่างประเทศนิารากัวของประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตกา ที่เคยมอบสถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์ให้พี่ชายของเธอมาแล้วก็ตาม
และอาจเป็นไปได้ที่จะมีบางประเทศในยุโรปที่ยินดีให้สัญชาติกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นประเทศมอนเตเนโกร ที่หากมีเงินไปแสดงว่าจะลงทุนเพียงไม่กี่ล้านบาทก็อาจผ่านเกณฑ์การพิจารณาแบบนั้นได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างก็ต้องมีขั้นตอน ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ดังนั้น การที่ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางแล้วมีคนอ้างแทนว่า “อยู่สุขสบายดี” นั้นก็น่าจะจริง เป็นการพูดแก้เกี้ยวหลอกตัวเองเท่านั้น เพราะการที่ไม่มีหนังสือเดินทางสำหรับในต่างประเทศ ก็เหมือนกับ “ไม่มีบัตรประชาชน” จะไปไหนก็ลำบาก แม้ว่าจะมีหลายประเทศจะยินดีให้สัญชาติใหม่หากมีเงิน แต่มันคงไม่ใช่เป็นประเทศในยุโรปที่พวกเขาต้องการแน่
ขณะเดียวกัน เมื่อมีสถานะเป็นนักโทษต้องหนีคดีตลอดชีวิต มันก็เหมือนกับชีวิตที่ล่องลอยเคว้งคว้างตามสายลม มันจะสบายได้อย่างไร!